จอมนักรบทรงเกียรติยศ - ตอนที่ 312
ใช้น้ำเสียงราบเรียบที่สุด แต่กลับพูดคำพูดข่มขู่ใหญ่โตขนาดนี้ออกมา!
ในสายตาคนอื่นต่างมองว่าเขาไม่อยากมีชีวิตแล้ว แต่ในสายตาเย่เฟยกลับทำให้เขาแปลกใจมาก! ปกติคนที่สามารถใช้น้ำเสียงข่มขู่แบบนี้ มักเป็นคนเก่ง จะดูแคลนหมอนี่ไม่ได้
“เหอะ!” หนุ่มหน้าบากข้างเย่เฟยถือปืนกระบอกใหญ่ตะโกนด้วยสีหน้าโกรธขึ้ง “ฉันกลัวว่าแกจะไม่เคยได้ยินชื่อเสียงพวกเรา ต่อให้พวกเราจะตายจริง ฉันก็จะให้แกตายก่อน!”
คำพูดของฟางเหยียนเหมือนกับเอาใบหน้าพวกเขานวดแนบกับพื้น เขาจะไม่ยอมยืนนิ่งๆให้คนแบบนี้หยามเอาแน่ ดังนั้นเขาเลยแบกปืนขึ้นมาทำท่าจะยิงใส่ฟางเหยียน เวลานั้นเย่เฟยต้องมองฟางเหยียนเขม็ง รอว่าเขาจะเปลี่ยนสีหน้ายังไง
นี่เป็นปืนกลกระบอกหนึ่ง อาวุธที่แกร่งที่สุดในสนามรบ ต่อให้หลบซ่อนอยู่ ก็โดนมันเข้าแน่
ขอเพียงยิงปืนนี่ ต่อให้เขามีปีก ก็ไม่เหลือซากแน่
ที่แปลกคือเจ้าหมอนี่ยืนนิ่งตั้งแต่ต้นจนจบ แทบไม่เหล่มองปืนเลยสักนิดด้วยซ้ำ
ไม่รู้จักหรือไง? หรือว่าไม่กลัวตาย? หรือว่าวางแผนอย่างอื่นไว้ก่อนแล้ว?
ไม่ว่าจะเป็นอย่างไหน ตอนนี้ก็ไม่สามารถยิงเขาได้! เพราะเขาไม่รู้ว่าจะเกิดอะไร!
“เจ้าสอง หยุดนะ!” เย่เฟ่ยตะคอกเสียงต่ำ เจ้าสองพูดอย่างไม่ยอมว่า “พี่ใหญ่ มันพึ่งบอกจะฆ่าพวกเราให้หมด มันกำลังข่มขู่เรา ข่มขู่พี่! ฆ่ามันเถอะ! ตอนนี้มันก็แค่ลูกไก่ในกำมือเท่านั้นเอง”
เย่เฟยส่ายหัวบอก “ไม่!”
คำเดียว เย็นชา เหมือนน้ำแข็ง! ชายหน้าบากยังอยากพูดอะไร แต่พอเห็นสีหน้าพี่ใหญ่ตน ก็ได้แต่เก็บปืนกลับไปอย่างโมโห!
เย่เฟยเผยรอยยิ้มมาดร้ายออกมาพลางว่า “แกนี่น่าสนใจดีนะ! ฉันว่าแกน่าจะเป็นคนกล้าทำกล้ารับอยู่นะ ฉันจะถามแกว่า แกชอบถังยู่ใช่ไหม?”
ไม่ว่าเขาจะเก่งแค่ไหน ไม่ว่าเขาจะมีฝีมือแค่ไหน ขอเพียงเขายอมรับ เขาต้องตาย!
พอคำถามนี้ออกมา ใจของถังยู่เต้นไม่เป็นส่ำ ใบหน้าแดงเรื่อขึ้นมาฉับพลัน สายตามองไปทางฟางเหยียนอย่างไม่รู้ตัว ถ้าเขาบอกว่าใช่ เท่ากับยอมรับต่อหน้าทุกคนว่าเขาเป็นคนคนนั้น แสดงว่าตนนอกใจจริง ตนทำเรื่องผิดต่อเย่เฟย! ถ้าเขาบอกไม่ใช่ ก็ไม่แปลกอะไร
ถังเสี่ยนจงกับหลินถงต่างหันไปมองฟางเหยียนด้วยสายตาตกใจ รอคอยคำตอบฟางเหยียน
ไม่นาน ฟางเหยียนตอบเสียงเย็นว่า “นักโทษคนหนึ่งมีสิทธิ์มาให้ฉันตอบคำถามแกด้วยหรือไง?”
ไม่มีคำตอบว่าใช่หรือไม่ใช่ที่พวกเขาอยากได้ สีหน้าทุกคนออกจะผิดหวัง
เย่เฟยพยักหน้าหงึกๆบอก “แค่แกเนี่ยนะ? มีสิทธิ์เรียกฉันว่านักโทษ? แกคิดว่าแกเป็นใคร?”
“โทษ? ที่ที่ฉันอยู่ ฉันคือราชา ราชาเคยมีโทษที่ไหนกัน?”
เย่เฟยกางสองแขนออก กอดอากาศไว้ ทำท่าประหนึ่งราชาผู้ยิ่งใหญ่ เหมือนกับว่าทั่วทั้งจักรวาลล้วนอยู่ในอ้อมกอดเขา เย่เฟยคนนี้กร่างโอหังถึงขีดสุด เขาคิดว่ามีกลุ่มทหารรับจ้าง ได้เป็นราชานักล่าแห่งเอเชียแล้วเขาจะกลายเป็นราชาจริงๆหรือไง?
ที่นี่คือประเทศหวา ประเทศหวาของโผ้จวิน เป็นฝันร้ายของทุกคน
และเจ้ากระจอกคนนี้ที่กล้ามาบังอาจต่อหน้าโผ้จวิน ไม่ลบหลู่โผ้จวินแห่งประเทศหวาแล้วจะเรียกว่าอะไร!
“ไม่ว่าใครที่กล้าพกอาวุธบุกรุกดินแดนประเทศหวา ถือเป็นนักโทษทั้งหมด ทำการจับประชาชนประเทศหวาเป็นตัวประกันคือโทษตาย” ฟางเหยียนขยับเท้า เดินมาด้านหน้าหนึ่งก้าว บ่นพึมพำกับตัว
สีหน้าเย่เฟยชะงักกึก หมอนี่บ้าหรือเปล่า?
ฆ่าเลยละกัน!
ไม่สนมันแล้ว!
เขายังไม่ทันออกคำสั่ง ฟางเหยียนก็พูดต่อว่า “แกยังมีเวลาอีกสามนาที ถ้ายังไม่ถอยอีก แกจะไม่มีโอกาสไปจากประเทศหวาแล้ว”
เย่เฟยใจกระตุกวูบ จากนั้นแค่นเสียงเย็น กล้ามเนื้อแก้มสองข้างกระตุกไม่หยุด เขาหรี่ตาพลางตะคอก “แกหลอกฉันหรือไง? แกคิดว่าฉันจะตกใจกลัวล่ะสิ? ตอนฉันฆ่าฟันศัตรูในสนามรบ แกไม่รู้ไปนอนอยู่ที่ไหนเลย อาศัยแค่แกเนี่ยนะมาขู่ฉันได้”
เย่เฟยไม่นิ่งแล้ว เขากลายเป็นตื่นตัวขึ้นมา และเพราะตื่นเต้นมากเกินไป การพูดจาเลยทำให้สีหน้าเริ่มบิดเบี้ยว
คำพูดนี้ถ้าออกมาจากปากอีกคน เขาคงสั่งการให้ยิงระดมปืนใส่เลยอย่างไม่ลังเล แต่พอออกมาจากปากหมอนี่แล้ว เขากลับรู้สึกถึงการข่มขู่อย่างรุนแรง และความรู้สึกนี้เองที่ทำเขาแทบบ้า มันเป็นความรู้สึกที่แปลกมาก ทำไมตนต้องตกใจกลัวด้วยเนี่ย?!
อย่างไอ้หมอนี่มีอะไรทำให้ตนแทบบ้าได้ แต่ความรู้สึกนี้มันแฝงมาโดยอัตโนมัติ และเป็นการบอกว่าคนคนนี้ได้ทำลายจิตสำนึกของเขาไปแล้ว!จิตใต้สำนึกของเขาไม่ใช่อะไรที่คนธรรมดาจะเทียบได้เลย หมอนี่เป็นใครกันแน่? ทำไมถึงเก่งขนาดนี้ ขนาดจิตใต้สำนึกอันแรงกล้าของตนยังทำลายได้!
เดิมทีหัวหน้าเขาเคยพูดไว้ประโยคหนึ่ง เขาบอกว่าประเทศหวาเป็นสถานที่เต็มไปด้วยความท้าทาย และเป็นสถานที่ที่ทำให้นายกล้ามาท้าทายครั้งหนึ่งก็จะไม่กล้ามาอีกเป็นครั้งที่สองด้วย เพราะมีแต่ยอดฝีมือที่นั่น หรือว่าหมอนี่ก็เป็นยอดฝีมือด้วย?
ฟางเหยียนไม่ได้ตอบอะไร ได้แต่ใช้สายตาราบเรียบมองเขา
ทันใดนั้นมีผู้ชายในชุดทหารสีเขียววิ่งเข้ามา หลังจากเขาวิ่งเข้ามาและตะโกนด้วยสีหน้าตื่นเต้นว่า “แย่แล้ว ราชานักล่า มีกองทัพอากาศกำลังบินมาทางเราด้วยความเร็วสูง”
เย่เฟยอึ้งเล็กน้อย เขาสงสัยว่าตนหูฝาดไปหรือเปล่า เลยถามขึ้นว่า “แกว่าอะไรนะ?”
ชายคนนั้นพูดอีกครั้ง คราวนี้เขาแน่ใจว่าตนไม่ได้หูฝาด ทุกคนในที่นั้นก็ได้ยินเหมือนกัน ทุกคนโล่งอกไปตามๆกัน มีคนมาแสดงว่ามีคนรู้สถานการณ์ของพวกเขา มีคนมาช่วยพวกเขาแล้ว
แต่ไม่มีใครกล้าพูดอะไร ตอนนี้ปืนของเขายังคงจ้องมาที่คนด้านใน ถ้าเขาออกคำสั่งฆ่าพวกเขา คนตระกูลถังที่นี่จะเหลือแค่ซาก เรื่องนี้ไม่ผิดแน่
คิ้วเย่เฟยขมวดขึ้นมา ถามขึ้น “ใช้เวลาประมาณเท่าไหร่มาถึงที่นี่?”
“ไม่ถึงสามนาทีก็จะถึง!”
ไม่ถึงสามนาที! ตรงกับที่หมอนี่บอกเป๊ะ หรือว่าเป็นคนที่หมอนี่เรียกมา? สายตาเย่เฟยเบนไปที่หมอนี่ ไม่ เขาจะเป็นคนของกองทัพได้ยังไงกัน เห็นสีหน้าซีดเผือดของเขาไม่เหมือนคนเคยไปสนามรบเลย
เขารู้จักคนกองทัพดี ถ้าได้เข้าไปในกองทัพ แทบทุกคนจะผิวดำเมี่ยม รูปร่างใหญ่บึ้กทั้งนั้น เพราะพวกเขาเผชิญการฆ่าฟันมาไม่น้อย ผ่านอันตรายมามากมาย ไม่มีร่างกายแข็งแรง พวกเขาทำไม่ได้หรอก
คนนี้ไม่มีทางมาจากกองทัพนั่นได้!