จอมนักรบทรงเกียรติยศ - ตอนที่ 313
ถ้าคนตรงหน้านี้อยู่กองทัพ เขาน่าจะโดนจับเป็นเป้ายิงตายไปนานแล้ว!
พอคิดมาถึงตรงนี้ เย่เฟยดึงสายตากลับมา มองไปทางลูกน้องที่วิ่งเข้ามารายงานแล้วถามว่า “พวกเขามีกี่คน?”
หมอนั่นเงียบไปอึดใจ เหมือนกำลังครุ่นคิดปริมาณศัตรูที่มา สักพักเขาบอกว่า “ไม่มา เครื่องบินไม่กี่ลำ จำนวนน่าจะพอๆกับเรา อย่างมากไม่น่าเกินสองเท่าของพวกเรา!”
“อ๋อ?” สีหน้าเย่เฟยค่อยสงบขึ้ นมา ไม่ตกใจเหมือนเมื่อกี้ เพราะมีความคิดหนึ่งแล่นผ่านเข้ามาในหัวเขา ถ้าเป็นเพราะมีคนพบร่องรอยพวกเขาจริง คนที่พามาไม่น่าจะแค่ไม่กี่ร้อยคน อย่างน้อยน่าจะมาเป็นกองทัพราวหลายหมื่นคน นี่มาแค่หลายร้อยคน แสดงว่าไม่น่าจะมาเพราะพวกตน เป็นไปได้ว่าเป็นภารกิจทางทหารมากกว่า
พอคิดถึงมาตรงนี้ เขาอดถอนหายใจยาวไม่ได้ แต่ก็ยังวางใจไม่ได้ เขาเลยกำชับลงไปว่า “ยังไม่ถือว่าแย่มาก ให้ทุกคนเตรียมพร้อมรบไว้ละกัน! ถ้าพวกเขาแค่บินผ่านพวกเราไป ก็อย่าลงมืออะไร ถ้าพวกเขากล้ายุ่งเรื่องพวกเรา ก็จัดการทำลายพวกเขาซะ แล้วพวกเราค่อยถอยออกไป!”
มาแค่หลายร้อยคนเท่านั้น เย่เฟยมั่นใจว่าจะสามารถทำลายกองกำลังระดับภูมิภาคจำนวนหลายร้อยคนแค่นี้เอง
คำพูดนี้ทำให้ทุกคนที่นั่นเริ่มอยู่ไม่เฉยละ หมอนี่บ้าไปแล้วหรือไง? จะเปิดศึกก่อน! นี่เป็นแผ่นดินประเทศหวา พวกเขามาอยู่ในถิ่นศัตรูแล้วยังจะเปิดศึกกับกองทัพกองกำลังประเทศหวาซะงั้น บ้าไปแล้ว เขาต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ
เย่เฟยรู้ดีว่าตัวเองไม่ได้บ้า และที่ทำแบบนั้น เป็นเพราะเขามีความมั่นใจว่าจะชนะแน่!
ต่อให้ฝีมือทหารที่มาจะเป็นสิบเท่าของตน เขาก็ไม่กะพริบตาสักนิด ราชานักล่าแห่งเอเชีย คนของกลุ่มทหารรับจ้างที่หนึ่งแห่งเอเชีย คนไหนไม่ได้ผ่านการคัดสรรมาอย่างดี คนไหนไม่ผ่านศึกมาร้อยแปดพันเก้า พวกเขามีประสบการณ์รบมาโชกโชน คนของประเทศหวากองทัพ ประสบการณ์สู้รบอาจไม่โชกโชนเท่าพวกเขา มีกลุ่มคนไม่ชำนาญการรบมา พวกเขาจะกลัวอะไรกันล่ะ?
อีกอย่างพวกเขาไม่แน่ว่ามาเพื่อพวกเขา บางทีอาจจะส่งอาวุธ หรืออาจจะแค่แสดงบางอย่าง
เย่เฟยมั่นใจขนาดนั้น เป็นเพราะก่อนเขามาได้ทำการเตรียมพร้อมทุกด้านแล้ว เขามั่นใจกับเรื่องที่ตนทำมาก พวกเขาปลอมตัวเป็นนักท่องเที่ยวธรรมดา แถมยังขึ้นเครื่องตามๆกัน มาตามขั้นตอนปกติ มาจนถึงที่นี่ยังตรวจตราเกือบหนึ่งเดือน หลังจากมั่นใจว่าปลอดภัยแล้ว ถึงกล้าปฏิบัติการ
ถ้าแบบนี้ยังโดนพบได้ งั้นประเทศหวากองทัพเรียกได้ว่าเก่งมากเกินไปแล้ว! เย่เฟยไม่มีทางสงสัยตัวเอง ดังนั้นเขาเลยมั่นใจว่า ไม่มีทางที่จะโดนคนของกองกำลังระดับภูมิภาคพบเจอได้ ถ้าจะมาอย่างมากก็เป็นทีมรักษาความปลอดภัย หรือไม่ก็ทีมบังคับใช้กฎหมาย ไม่มีทางเป็นคนของกองทัพมาแน่ ตอนนี้ถึงจะบอกว่ามีกองทัพ บางทีอาจจะเป็นกองทัพระดับภูมิภาคของหนานหลิง ทหารตัวเล็กๆอะไรแบบนั้น จะกลัวอะไร?
“ราชานักล่า!จะสู้จริงหรอ?” ชายหน้าบากผิวดำเมี่ยมคนนั้นถาม
เย่เฟยหรี่ตา พลางพยักหน้าบอก “ดูพวกเขาก่อน ถ้าพวกเขาสู้เราก็สู้!”
“แต่ว่า…”คิ้วชายหน้าบากขมวดขึ้นมา สีหน้าเผยแววกลัววาบผ่าน
ทหารที่เข้ามายังไม่ได้ถอยออกไป เขาลังเลเล็กน้อยก่อนบอกว่า “ราชานักล่า ผมยังพูดไม่จบ เครื่องบินหลายลำที่บินมาเขียนตัวหนังสือไว้ด้วย!”
เย่เฟยมองหน้าทหารคนนั้นอย่างเคร่งขรึม ถามว่า “ตัวหนังสืออะไร? คราวหน้าพูดให้จบในทีเดียว”
“ครับ บนนั้นเขียนคำว่าสำนักเจ็ดพิฆาตเอาไว้!”
พอได้ยินคำนี้ สีหน้าเย่เฟยเปลี่ยนทันที เขากลืนน้ำลายดังเอื๊อก จากนั้นหันไปมองชายหน้าบาก ทั้งสองคนสบตากัน ในสายตาทั้งคู่ต่างเผยแววหวาดกลัว
หลายวินาทีผ่านไป เขาพูดด้วยสีหน้าซับซ้อนว่า “จะเป็นพวกเขาได้ยังไง พวกเราไม่น่าจะโดนสำนักเจ็ดพิฆาตเพ่งเล็งนี่!”
สำนักเจ็ดพิฆาตเป็นกองกำลังระดับภูมิภาคที่รับผิดชอบแค่การรุกรานจากภายนอก ไม่สนใจความวุ่นวายภายในประเทศ ตอนนี้เกิดเรื่องในประเทศ ถือเป็นความวุ่นวายในประเทศ ไม่ว่ายังไงก็ไม่ควรที่จะถึงมือสำนักเจ็ดพิฆาตสิ หรือว่าที่นี่มีคนของสำนักเจ็ดพิฆาต?
สายตาเขากวาดมองไปหาทุกคนในที่นั้น มีใครดูเหมือนเป็นคนของสำนักเจ็ดพิฆาต? คนของสำนักเจ็ดพิฆาตไม่มีทางเขียนคำว่าสำนักเจ็ดพิฆาตไว้บนหน้าแน่ ไม่ว่าจะดูยังไงก็หาคนของสำนักเจ็ดพิฆาตไม่เจอนี่นา!
“เขา เขาก็มาหรอ?” เย่เฟยถามพึมพำ ใจเต้นแรงแทบจะกระโดดออกมานอกอก!
เขาที่เขาพูดถึง คือคนที่สามารถทำให้ทหารรับจ้างทั้งหมดได้ยินชื่อเขาแล้วหวาดกลัวไปตามๆกัน ประหนึ่งเทพก็ไม่ปาน เย่เฟยเป็นราชานักล่าแห่งเอเชีย ราชากลุ่มทหารรับจ้างที่หนึ่งแห่งเอเชีย แต่ต่อหน้าคนนั้น กลุ่มทหารรับจ้างนี้ของเขาไม่มีค่าอะไรเลย เพราะคนคนนั้นแค่คนเดียวก็สามารถทำลายกลุ่มทหารรับจ้างนี้ของตนลงได้ นั่นไม่ใช่คนที่ควรจะไปตอแยด้วยได้เลย
สำนักเจ็ดพิฆาตเป็นฝันร้ายของพวกเขาและกองทัพต่างชาติตลอดกาล
“ไม่ ไม่รู้!” ชายคนนั้นเริ่มหวาดกลัวแล้ว เวลาพูดยังอดหันไปมองด้านหลังเป็นระยะไม่ได้
“ถอย!” เย่เฟยสั่งการออกมาอย่างไม่ลังเลทันที ตัวเขาเหมือนลูกโป่งที่ปล่อยลมออก ถึงเขาจะเคยพูดว่านี่เป็นกองทหารเดนตาย แต่ต้องตายอย่างมีค่า อย่างน้อยก็ต้องตายหลังก่อกวนพอก่อน! ตอนนี้สำนักเจ็ดพิฆาตมาแล้ว พวกเขาไม่มีโอกาสก่อกวนอีก นั่นเป็นกองทหารที่ไม่ให้โอกาสใดๆกับพวกเขาอีก!
จะบอกว่าเขากลัวสำนักเจ็ดพิฆาตก็ไม่แปลก แต่เขากลับไม่ได้กลัวชายหนุ่มตรงหน้า เขาเลยถลึงตาใส่อีกฝ่าย พูดอย่างไม่ยอมแพ้ว่า “แก ฉันจำได้ล่ะ ไม่นานฉันจะกลับมาหาแกแน่”
“ไปกับฉัน!” พูดจบ เย่เฟยหันไปคว้าแขนถังยู่ลากไปด้านนอก ถังยู่โดนลากอย่างไม่ทันตั้งตัว รอจนเธอได้สติกลับมา ก็ถลาไปข้างหน้าหลายก้าวอย่างห้ามไม่อยู่แล้ว
“ไม่นะ! คุณจะทำอะไรน่ะ?” ถังยู่ร้องอย่างไม่ยินยอม มือหนึ่งตีเย่เฟยไม่หยุด สองขาพยายามรั้งตัวเองไว้กับที่ แต่แรงเธอน้อยเกินไป จะไปสู่ชายหนุ่มร่างกำยำอย่างเย่เฟยได้ยังไง!
“แกทำอะไร? ปล่อยหลานสาวฉัน” ถังเสี่ยนจงตะคอกดัง ก้าวขึ้นหน้าหนึ่งก้าวอย่างโมโห
แต่กลับได้ยินเสียงปังดังขึ้น ถังเสี่ยนจงก็ล้มลง นอนลงกับพื้นเอาดื้อๆ ลูกกระสุนที่ไม่รู้ออกมาจากทางไหน ลูกกระสุนนัดนั้นลอยมากระแทกเข้าที่ขาของเขาด้วยความเร็วสูง ต้นขาเขามีควันขึ้น ในหมู่ควันนั้นมีรูหนึ่ง ในรูนั้นมีเลือดสดๆค่อยๆไหลรินออกมา
“คุณปู่ คุณปู่!” ถังยู่เห็นคุณปู่ที่คุกเข่าล้มลงกับพื้น ร้องครวญครางอย่างเจ็บปวด ทันใดนั้นเธอส่งสายตาขอความช่วยเหลือไปทางฟางเหยียน ดวงตากลมโตที่มีน้ำตาคลอเริ่มมีน้ำตาไหลพราก
“ฟางเหยียน ช่วยด้วย!”
ไม่รู้ทำไมเวลานี้เธอถึงคิดถึงฟางเหยียน! รู้สึกว่าฟางเหยียนน่าจะช่วยเธอได้