จอมนักรบทรงเกียรติยศ - ตอนที่ 314
ฟางเหยียนยื่นมือไปหยิบตะเกียบขึ้นมาข้างหนึ่งอย่างไม่รีบร้อน นิ้วมือทั้งห้ากำตะเกียบไว้ และสะบัดมือ ปล่อยตะเกียบบินออกไปอย่างเร็ว
ตะเกียบในตอนนี้แปรสภาพเป็นมีดบินพุ่งไปหาเย่เฟย
แต่ว่าสายเกินไปแล้ว เย่เฟยสัมผัสได้ถึงอันตรายที่มาถึง รีบหลบหลีกอย่างว่องไว ร่างเขาหมุนวนในอากาศ ตะเกียบข้างนั้นฉิวเฉียดกับแขนเขา ไม่ได้ทะลุเข้าแขนเขา แต่กลับบินไปที่เสาตรงหน้า มันเป็นเสาที่ด้านนอกเหมือนเสาไม้ แต่ด้านในเป็นน้ำ ตะเกียบปักเข้าไปเกินครึ่ง
เย่เฟยจ้องมองเสาต้นนั้นที่ตะเกียบปักอยู่ ในใจกระตุกวูบ นี่มันพลังอะไรกัน? ใช้แค่ตะเกียบจะปักเข้าไปได้ขนาดนี้ได้ยังไง? ถ้าเมื่อกี้เขาหลบไม่ทัน ตะเกียบคงปักเข้าแขน ป่านนี้มันคงทะลุแขนเขาไปแล้วแน่
ที่จริงคนในที่นั่นต่างไม่รู้กันว่าเกิดอะไรขึ้น ด้วยความสามารถในการมองของพวกเขามองไม่เห็นด้วยซ้ำว่าตะเกียบข้างนั้นบินมา เพราะมันเร็วเกินไป พวกเขาไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งตกอยู่ในสถานการณ์ตื่นเต้นตึงเครียด ดังนั้นทุกคนเลยไม่รู้ว่าทำไมเย่เฟยต้องหมุนตัวกลางอากาศ
เย่เฟยหันกลับไปมองอย่างตกใจ เขารู้สึกเจ็บปวดที่แขน พอก้มมองดู ก็เห็นว่าที่แขนเหลือรอยแดงหนึ่งเส้น ที่เห็นเป็นเส้นสีแดง เพราะตะเกียบข้างนั้นเร็วเกินไปแล้ว ตะเกียบเหมือนกับพกพาไฟร้อนแผดเผาแขนเขา ตะเกียบข้างเดียวส่งพลังได้ถึงขนาดนี้ พลังรุนแรงมาก เขาค่อยๆเงยหน้าขึ้นมา และเห็นหมอนั่นที่พึ่งลุกขึ้นมาในแวบแรก บังเอิญละ หมอนั่นกำลังใช้สายตาเตือนจ้องเขาอยู่เหมือนกัน
สายตาสองคู่ปะทะกัน เขาเห็นรังสีอาฆาตจากดวงตาอีกฝ่าย ในเวลาเดียวกันด้านหลังมีออร่าที่ผิดปกติขึ้นมาชั้นหนึ่ง นั่นเป็นลมปราณที่ปล่อยออกมาจากกำลังภายใน ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ตะเกียบข้างนั้นหมอนี่เขวี้ยงออกมาแน่ ใช้ตะเกียบเป็นไม้ตาย บ้าคลั่งจริงๆ ไม่ต้องสงสัยแล้ว คนตรงหน้านี้เป็นยอดฝีมือแน่!
วิทยายุทธ์ของประเทศหวาวิเคราะห์กันที่ความเร็ว ขอเพียงเร็วพอ ต่อให้ถือต้นหญ้าหนึ่งต้นก็สามารถกลายเป็นอาวุธฆ่าคนได้ วิทยายุทธ์ในใต้หล้ามีแค่ความเร็วเท่านั้นที่เป็นนิรันดร์ ขอเพียงเร็วพอ ไม่ว่าของนั้นจะเป็นอะไรก็สามารถแสดงพลังที่แข็งแกร่งที่สุดออกมาได้
“แกยังมีเวลาอีกหนึ่งนาที!” ฟางเหยียนพูดอย่างเย็นชา สีหน้ายังคงเย็นชาไร้วี่แววตื่นตัวแต่อย่างใด
“ราชานักล่า พวกเรารีบไปกันเถอะ!” ชายคนนั้นที่ใส่ชุดสีบรอนซ์ถือปืนไว้พยุงเย่เฟย ผู้ชายคนนี้ไม่เพียงเคยได้ยินชื่อกองทัพสำนักเจ็ดพิฆาตมาก่อน ยังเคยรบกับพวกเขาหนึ่งครั้ง ครั้งนั้นเป็นฝันร้ายตลอดกาลของเขา เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะมีกองทัพแข็งแกร่งขนาดนี้มาก่อน เดิมคิดว่าพวกเขาเองแกร่งพอแล้ว แต่กองทัพนั้นกลับแกร่งยิ่งกว่า แกร่งจนเพียงพอให้กลั้นหายใจทันทีที่ได้ยิน
ดูจากลักษณะภายนอกของเขาแล้ว เขาเป็นคนที่ไม่กลัวฟ้าไม่กลัวดิน มีเพียงสำนักเจ็ดพิฆาตเท่านั้นที่เขาจำเป็นต้องกลัว!
เย่เฟยยังยืนไม่นิ่ง สายตาจ้องฟางเหยียนเขม็ง ถ้าสายตาสามารถฆ่าคนได้ ตอนนี้เขาคงฆ่าฟางเหยียนไปแล้ว!
“ราชานักล่า วิญญูชนสิบปีล้างแค้นก็ไม่สาย! ไปก่อนเถอะ เราหาเรื่องสำนักเจ็ดพิฆาตไม่ได้หรอกนะ” ผู้ชายคนนั้นเห็นแววตาไม่ยอมแพ้ของเย่เฟย รีบเตือนให้ลุกขึ้น
เย่เฟยเบนสายตาไปที่ตัวถังยู่ ถังยู่ในตอนนี้วิ่งไปที่ด้านล่างเวที ห่างจากตนไปเกือบยี่สิบเมตร ตอนนี้ไปลากถังยู่เพื่อให้ไปกับตนคงไม่ได้แล้ว เขาจำต้องดึงสายตากลับมา และหันไปมองฟางเหยียนอีกที หมอนั่นกล้าทำร้ายเขา! ทำลายแผนการที่เขาวางแผนมานานมาก! มันต้องได้ชดใช้แน่
นี่เป็นการได้รับบาดเจ็บครั้งแรกของเขานับตั้งแต่เขากลายเป็นราชานักล่า และเป็นครั้งแรกที่เขาพ่ายแพ้ตกอับขนาดนี้!
“ฉันจำแกได้แล้ว ฉันจะกลับมาหาแกแน่” พูดจบทั้งสองคนก็หายไปท่ามกลางสายตาทุกคน
ไม่นาน ท้องฟ้าหนานหลิงก็มีเสียงเครื่องบินหลายลำบินผ่าน ดึงดูดความสนใจของทุกคน แต่ก็เป็นแค่ช่วงเวลาหนึ่ง แค่ชั่วพริบตาเดียว! พวกเขาเหมือนว่าบังเอิญผ่านมาทางนี้พอดี
พอทุกอย่างสงบลงจริงๆ ห้องโถงใหญ่ตระกูลถังเริ่มมีเสียงมากมายดังขึ้น เสียงวิเคราะห์ เสียงร้องไห้ เสียงหัวเราะเยาะ เสียงวิเคราะห์มาจากผู้ชายหลายคนที่ได้รับเชิญมา! พวกเขากำลังวิเคราะห์สถานการณ์ตึงเครียดเมื่อครู่
“พระเจ้า ผมคิดว่าจะเปิดศึกแล้วนะ? ถ้ารบกันจริงๆ พวกเราคงตายกันหมดแน่!”
“ก็ใช่ไง นายไม่ได้ยินเย่เฟยพูดหรอว่า เขามาที่นี่ก็เตรียมจะมาระเบิดตระกูลถังแล้ว?”
“เออนี่ สำนักเจ็ดพิฆาตคืออะไรน่ะ? ทำไมพอพวกเขาได้ยินชื่อก็กลัวขนาดนั้น หรือว่าในประเทศหวาของเรามีกองทัพแข็งแกร่งขนาดนี้อยู่ด้วยหรอ?”
“น่าจะเป็นกองทัพเก่งฉกาจมากกองทัพหนึ่งนะ ฉันเองก็ไม่เคยได้ยินมาก่อน! พวกเราก็เป็นนักธุรกิจธรรมดา ประเทศหวามีความลับมากมาย พวกเราจะเคยได้ยินทุกอย่างหรือไง? รู้มากเท่าไหร่ เป็นผลร้ายต่อตัวเองเท่านั้น!”
“นายว่า สำนักเจ็ดพิฆาตนั่นจะเกี่ยวข้องอะไรกับเทพหมอคนนั้นไหม?”
“ฮะฮะ นายกำลังล้อฉันเล่นอยู่ใช่ไหม? เขาน่ะแค่โชคดี ดันพูดตรงเผงก็เท่านั้น นายไม่เห็นแววตาตกใจบนใบหน้าเขาเมื่อกี้หรอ? บางทีเขายังไม่คิดเลยว่าตัวเองจะโชคดีขนาดนี้!”
สำหรับคนส่วนใหญ่แล้ว สำนักเจ็ดพิฆาตไม่เป็นที่รู้จักกันเลย! ในหนานหลิง คนที่รู้จักสำนักเจ็ดพิฆาตมีแค่ไม่กี่คน น่ากลัวว่าต่อให้เป็นหัวหน้าทีมของทีมบังคับใช้กฎหมายนั่นก็ไม่รู้จักสำนักเจ็ดพิฆาตหรอก!
เสียงหัวเราะเยาะมาจากผู้หญิงหลายคนที่หัวเราะเยาะผู้หญิงสองคนนั้นที่พึ่งโดนด่าไป เพราะพวกเธอตกใจจนฉี่ราดเลยทีเดียว
“ฮะฮะฮะ พวกเธอดูสิ พวกหล่อนฉี่ราดแน่ะ!”
“นี่ฉี่ราดกางเกงเลยหรือไง? ทำไมขี้ขลาดแบบนี้ล่ะ ถ้าปอดแบบนี้ คราวหน้าก็อย่าออกหน้าพูดแทนคนอื่นสิ!”
“ไม่ ไม่ใช่ฉี่ นี่น้ำ น้ำหกบนพื้นเฉย”
“งั้นกางเกงเธอก็เปียกแล้วนะ หรือว่านี่ก็น้ำสาดขึ้นไปเหมือนกัน?”
คนเราก็แบบนี้แหละ ภัยไม่มาถึงตนเอง ก็จะชอบเห็นเรื่องคนอื่นเป็นเรื่องสนุก!
เสียงร้องไห้มาจากถังยู่ที่วิ่งลงไปด้านล่างเวที เธอกอดถังเสี่ยนจง มองดูเลือดที่ยังไหลไม่หยุดจากต้นขาเขา ก็อดร้องไห้ไม่ได้ นอกจากเธอแล้ว ยังมีหลานสาวหลายคนของถังเสี่ยนจงที่ร้องไห้เหมือนกัน
ฟางเหยียนคลายหมัดที่กำแน่นออก มองมาทางด้านนี้พลางเดินมา รอบข้างถังเสี่ยนจงรายล้อมไปด้วยกลุ่มคน ฟางเหยียนมองผ่านกลุ่มคนมาที่เลือดสดๆไหลรินจากตัวเขา เขามีสีหน้าทรมาน แต่ก็กัดฟันอดทน
ถังยู่ย่อตัวข้างเขา เอาแขนโอบเขาพลางร้องไห้ไม่หยุดว่า “คุณปู่ คุณปู่ ไม่เป็นไรใช่ไหม? ไม่เป็นไรใช่ไหม? หนูไปตามหมอ หนูไปตามหมอเดี๋ยวนี้ ขอโทษนะคะ คุณปู่ ขอโทษค่ะ!”