จอมนักรบทรงเกียรติยศ - ตอนที่ 315
เธอโทษว่าเรื่องทั้งหมดนี่เป็นเพราะตนเอง ถ้าไม่ใช่เพราะตัวเธอ เย่เฟยคงไม่ปรากฏตัวในงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ถ้าไม่ใช่เพราะเขามา คุณปู่คงไม่ได้รับบาดเจ็บ การบาดเจ็บของคุณปู่ยังไงก็เป็นเพราะเธอ
ถังเสี่ยนจงจับมือถังยู่ที่ร้องไห้น้ำตาแทบเป็นสายเลือดอย่างงกๆเงินๆ ยกมือขึ้นมาจับหางตาเธอเล็กน้อย พยายามฝืนยิ้มออกมา พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนแรงว่า “ปู่ไม่เป็นไร เสี่ยวยู่ไม่ร้องนะ!”
“คุณปู่เลือดไหลแล้ว ยังมาบอกไม่เป็นไรอีก!” ถังยู่ร้องไม่หยุด
ถังเสี่ยนจงถอนหายใจหนึ่งทีพลางว่า “การเจอเลือดในเวลาอันหายากเช่นนี้ ไม่แน่ว่าจะไม่ใช่เรื่องดี! นี่บางทีอาจจะหมายถึงว่าต่อไปตระกูลถังของเราจะสว่างไสวลื่นไหลก็ได้นะ ไม่ร้องแล้วนะหลานปู่!”
พอได้ยินคุณปู่พูดแบบนี้ ถังยู่ยิ่งกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่!
“เทพหมอฟาง!” ตอนนี้หลินถงเดินมาข้างตัวฟางเหยียนที่ยืนอยู่รอบนอกกลุ่มคน เธอมองฟางเหยียนอย่างตื่นเต้นพลางว่า “ขอให้คุณช่วยรักษาเจ้าตระกูลเราหน่อยเถอะ!”
ที่จริงไม่ต้องให้หลินถงบอก ฟางเหยียนก็จะทำอยู่แล้ว เพราะเขาไม่ได้รังเกียจเจ้าตระกูลถังคนนี้ ถึงคนคนนี้ทำอะไรไม่เคยถามความเห็นตนเลย ก็จัดการประกาศให้ตนอย่างเอิกเกริกขนาดนี้ แต่ไม่ได้เป็นคนเลวร้ายอะไร
เขาเลยพยักหน้าเล็กน้อย เดินแทรกเข้ามาท่ามกลางผู้คน พอเห็นฟางเหยียนเข้ามา พวกคนที่รุมล้อมถังเสี่ยนจงต่างเบี่ยงตัวออกเป็นทางให้ ถึงทุกคนจะไม่เห็นภาพฟางเหยียนใช้ตะเกียบเป็นอาวุธ แต่ภาพเขายืนขึ้นมาประชันหน้ากับราชานักล่าแห่งเอเชียนั่นยังชัดเจนในสายตา ดังนั้นทุกคนเลยค่อนข้างแปลกใจในตัวชายหนุ่มคนนี้!
เขาเป็นแฟนถังยู่หรอ? หรือว่าแค่ต้องการประจบตระกูลถัง ดังนั้นเลยเสี่ยงทำเรื่องนี้?
ถ้าเป็นอย่างหลัง งั้นเขาก็ทำสำเร็จแล้ว เพราะตอนนี้ตระกูลถังซาบซึ้งใจในการกระทำของเขามาก เขาเองก็ขับไล่หมอนั่นออกไปจากหนานหลิงได้สำเร็จ!
ถ้าเป็นอย่างแรก ทุกคนจะไม่รู้สึกแปลกเลย กล้าทำขนาดนี้เพื่อรัก แสดงว่าหมอนี่ก็เป็นคนดีคนหนึ่ง แน่นอนว่าไม่มีใครคิดโยงไปถึงสำนักเจ็ดพิฆาตเลย ฟางเหยียนเดินแทรกผ่านฝูงคนเข้ามาย่อตัวลงหน้าถังเสี่ยนจง
พอเห็นฟางเหยียน ถังเสี่ยนจงเหมือนได้เจอความหวัง สีหน้าเขาแข็งค้าง มองฟางเหยียนอย่างตื่นเต้นว่า “เทพหมอฟาง ขอบคุณที่คุณช่วยตระกูลถังของเรา! ถ้าไม่ใช่คุณ ตระกูลถังของเราไม่รอดแน่”
ฟางเหยียนส่ายหัวอย่างลำบากใจว่า “ท่านถังเกรงใจไปแล้ว ไม่เกี่ยวอะไรกับผมเลยครับ”
“เทพหมอฟางนี่ถ่อมตนจริง เมื่อกี้ถ้าไม่ใช่คุณยืนขึ้นมา…”
“เอาล่ะ ตอนนี้คุณอย่าพึ่งพูดอะไรเลย ไว้เราค่อยว่ากันทีหลัง!” ฟางเหยียนตัดบทถังเสี่ยนจง
คนมากมายที่ยังตกใจขวัญหนีดีฝ่อกับสถานการณ์เมื่อกี้ต่างล้อมวงกันเข้ามา พวกเขาไม่ได้เป็นห่วงอาการบาดเจ็บของเจ้าตระกูลถัง แต่อยากดูฝีมือการแพทย์ของหมอนี่ ถังเสี่ยนจงเรียกเขาว่าเทพหมอ บอกว่าเขาช่วยหลินถง การช่วยคนต้องมีวิธีเฉพาะทางอะไรแน่ เมื่อกี้เขาเสี่ยงขนาดนั้น ทุกคนยังเชื่ออยู่ว่า ในตัวเขาต้องมีอะไรแน่ๆ
พอเห็นฟางเหยียน ถังยู่อึ้งเล็กน้อย จากนั้นจ้องใบหน้าเขาเขม็งพลางว่า “เทพหมอฟาง ขอร้องล่ะ ช่วยคุณปู่ด้วยนะคะ ขอร้องคุณช่วยเขาด้วย”
เธอไม่รู้ว่าฟางเหยียนเก่งจริงไหม แต่คุณปู่เชื่อใจเขามาก ตนก็เชื่อเขา ถังยู่เปลี่ยนท่าทีของการเจอฟางเหยียนครั้งแรกไปจนหมด เปลี่ยนจากสงสัยเป็นเชื่อใจ
ในสายตาถังยู่ ขอแค่มีเลือดไหล นั่นคือใกล้ตายแล้ว ตอนนี้เธอเลยคิดว่าปู่ตัวเองจะตายแล้ว
ฟางเหยียนยกมือขึ้นสัมผัสต้นขาเขา เห็นแต่เขาใช้นิ้วสองนิ้วจับวนอยู่ใกล้ๆบาดแผล หลังจากวนรอบบาดแผลหนึ่งรอบ เขาก็พูดอย่างราบเรียบว่า “ไม่เป็นไร แผลปืนยิงถากเท่านั้น อยู่แค่ที่ต้นขา ไม่มีใครเอาชีวิตเขาได้หรอก”
“เทพหมอฟาง ขอร้องล่ะ” ถังเสี่ยนจงสีหน้าซีดเผือดพูดระหว่างมองฟางเหยียน น้ำเสียงอ่อนแรง
“เพี๊ยะ!” ทันใดนั้นฟางเหยียนทำอย่างหนึ่งที่ทำให้ทุกคนพากันตกตะลึง เขาฟาดฝ่ามือลงไปกลางกระหม่อมถังเสี่ยนจง แรงฝ่ามือนี้ไม่ได้มาก แต่ฟาดลงไปทีเดียวก็ทำถังเสี่ยนจงสลบลงไปเลย
พอเห็นการกระทำนี้ของฟางเหยียน ทำให้ทุกคนไม่เข้าใจกัน ถังเสี่ยนจงที่เดิมทียังพอมีสติ เลยสลบเหมือดลงไปเลย ดูเหมือนไม่ได้กำลังช่วยคน แต่กำลังทำร้ายคน เดิมเขาไม่เป็นอะไร ฝ่ามือลงไปยังไม่รู้จะเป็นอะไรหรือเปล่า
ทุกคนพูดกันปากต่อว่ารัวๆว่า “นี่นี่นี่ หมอนี่ช่วยคนจริงหรอ? มั่วหรือเปล่าน่ะ?”
“มีใครเขาช่วยคนแบบนี้ที่ไหนกัน ได้รับบาดเจ็บ มีบาดแผลก็ต้องห้ามเลือดก่อนสิ จากนั้นก็เอาลูกกระสุนออก คนป่วยจะสลบยังต้องให้เขาพยายามทนไม่สลบลงไป เพราะกลัวเขาจะไม่ตื่นอีกเลย หมอนี่ยังโดนเรียกว่าเทพหมอเนี่ยนะ! แล้วหลักการพื้นฐานแค่นี้จะไม่รู้เลยหรือไง? ท่านถังไปเจอใครมาเนี่ย!”
“เมื่อกี้ฉันถึงบอกไงว่า เขาเป็นจอมมั่ว ไม่รู้ท่านถังคิดยังไง! หมอนี่ไม่รู้วิชาแพทย์เลยแน่ๆ”
ต่อให้เสียงพวกนี้ไม่ดังมาก แต่ก็เพียงพอที่จะลอยเข้าหูฟางเหยียนและคนตระกูลถัง
ถังยู่ร้องขึ้นอย่างตื่นเต้นว่า “คุณปู่ คุณปู่ เป็นอะไรน่ะ? ทำไม…”
“นาย!” ถังยู่ได้ยินคำพูดพวกนั้น หันมามองฟางเหยียน คิ้วขมวดพลางว่า “ทำไมนายต้องฟาดปู่ฉันสลบด้วย?”
ฟางเหยียนไม่ได้ตอบคำถามถังยู่ แต่หันไปมองหลินถงพลางว่า “ส่งแขกกลับเถอะ!”
“หา?” หลินถงมองฟางเหยียนอย่างงงๆ ไม่ค่อยเข้าใจว่าทำไมจู่ๆเขาพูดแบบนี้ ฟางเหยียนพูดซ้ำอีกรอบ “ส่งแขก! ในห้องโถงต้องการอากาศถ่ายเทที่เพียงพอ คนอยู่เยอะขนาดนี้ไม่เป็นประโยชน์กับการฟื้นฟูของคนไข้”
คราวนี้หลินถงได้ยินชัดละ เธอไม่คิดสงสัยฝีมือของฟางเหยียน เลยลุกขึ้นหันไปบอกทุกคนในห้องโถงว่า “ขอบคุณทุกท่านที่มาเยือน วันนี้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นทางเราต้องขออภัยจริงๆ วันหน้าหากมีโอกาส ตระกูลถังจะต้องเชิญทุกท่านมาร่วมงานอีกครั้งแน่ หวังว่าทุกท่านจะเห็นใจในสถานการณ์ของเราตอนนี้ด้วยนะคะ”
พูดรัว ดูน่าฟัง และมีแรงจูงใจ แบบนี้ทุกคนเลยออกไปจากตระกูลถังตามๆกัน
ในห้องโถงพริบตาเดียวเหลือแต่คนตระกูลถัง แบ่งเป็นลูกชายหลายคนของถังเสี่ยนจงและลูกหลานคนอื่นๆ
ลูกชายคนโตของถังเสี่ยนจงถามอย่างสงสัยว่า “เทพหมอฟาง เมื่อกี้ทำไมคุณต้องตีพ่อผมสลบด้วย คุณกำลังช่วยคนจริงๆหรอ?”
ฟางเหยียนมองเขาแวบหนึ่งพลางว่า “ใช่! ตอนนี้ผมต้องการความสงบ”
ระหว่างพูด ฟางเหยียนฉีกกางเกงถังเสี่ยนจงทันที ต้นขาที่โดนปืนยิงโผล่ออกมา เลือดยังคงไหลไม่หยุด และทำให้กางเกงเปียกชื้น เลือดสดไหลอาบทั่วทั้งขา
“คุณปู่!” ถังยู่เห็นเลือดกองนั้นทนไม่ไหวยกมือขึ้นปิดปากแน่น ดวงตากลมโตเบิกกว้าง เหมือนเห็นภาพที่น่ากลัวที่สุดในชีวิต