จอมนักรบทรงเกียรติยศ - ตอนที่ 318
พอคำพูดนี้ออกมา ทุกคนปิดปากกันเงียบกริบ! ใช้คุณท่านมาบีบให้ทุกคนหุบปาก นี่เป็นวิธีการที่ได้ผลที่สุด
หลินถงพูดชัดถ้อยชัดคำต่อหน้าทุกคนว่า “ฉันรู้ว่าทุกคนหวังดีอยากให้คุณปู่หาย ฉันเองก็อยากให้คุณปู่หาย! ในเมื่อจุดเริ่มต้นของทุกคนคือดี ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นทำไมไม่เชื่อฟังเทพหมอฟาง รอดูอีกสักหน่อยล่ะ อีกหนึ่งชม.รอคุณปู่ฟื้น ก็จะรู้อาการเขาแล้วไม่ใช่หรือไง?”
หลินถงพูดมีเหตุผล ไม่มีใครกล้าค้านเลย
เห็นทุกคนทำหน้าอดกลั้นแต่พูดอะไรไม่ออก หลินถงหัวเราะบอกว่า “เอาล่ะ ฉันไปส่งเทพหมอฟางนะ!”
พูดเสร็จ เธอเดินออกไปข้างนอกหน้าตาเฉย
พอเห็นท่าทางเย่อหยิ่งของหลินถง ก็ทำให้ทุกคนไม่พอใจอีก หลังจากเธอออกไป ทุกคนต่างแสดงความไม่พอใจของตนออกมา
“หลินถงคนี้ไม่เห็นใครในสายตาจริงๆ ต่อให้หล่อนเก่งยังไง มีความสามารถยังไงก็เป็นแค่คนนอก คุณปู่สลบไปสักพักแล้ว หล่อนยังมีหน้าจะมารับมอบอำนาจคุมตระกูลถังของเรา แถมยังไล่พี่ใหญ่ออกไป พวกเราต่างหากที่เป็นสายเลือดตระกูลถังตัวจริง บนร่างมีเลือดตระกูลถังไหลเวียน หล่อนถือดียังไงหยิ่งยโสอย่างนี้?”
“นั่นสิ หล่อนถือสิทธิ์อะไรมาชี้นิ้วสั่งพวกเรา ก็แค่คนนอกคนหนึ่ง”
“ก็คุณท่านน่ะสิให้สิทธิ์กับหล่อน ปกติเชื่อใจหล่อนขนาดนั้น ไม่รู้ว่าคุณท่านคิดยังไง เขาแก่ปูนนี้แล้ว ยังอยากจะมองอนาคตตระกูลถังเราไว้ในมือผู้หญิงคนนี้หรือยังไงกัน?”
“นั่นสิ หล่อนน่ะทำให้อาหาวตาย ยังหน้าด้านอยู่ในตระกูลถังของเราต่ออีก เป็นเพราะอำนาจที่คุณท่านให้หล่อนน่ะแหละ ถ้าคุณท่านไม่เชื่อใจหล่อนขนาดนั้น มีหรือหล่อนจะกล้าเหิมเกริมต่อหน้าพวกเราขนาดนี้”
“รอคุณท่านฟื้นแล้ว พวกเราต้องรายงานเขาเรื่องนี้”
นับแต่คุณท่านสลบลงไปไม่กี่นาทีนี้ก็ดูออกฐานะแต่ละคนในตระกูล ทุกคนต่างกังวลถึงอนาคตตระกูลถังหลังจากคุณท่านสิ้น ถ้ามอบตระกูลถังไว้ในมือผู้หญิงคนหนึ่ง นี่มันจะน่าเศร้าขนาดไหนเนี่ย
ฟางเหยียนเดินออกจากตระกูลถัง ตอนนี้เขายังไม่อยากกลับรีสอร์ทหยูฉวน เขาอยากไปที่มหาวิทยาลัยซีหนานสักหน่อย เขาอยากไปดูผลการวิจัยของศาสตราจารย์โจวว่าเป็นยังไงบ้าง ทำไมถึงมีหินของเมื่อหลายหมื่นปีได้
อาจารย์เคยบอก มีหินสองก้อนจะสามารถเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตเขาได้ หรือว่าจะเป็นสองก้อนนี้?
เขาอยากรู้ผลวิจัยของหินสองก้อนนั้นมากที่สุด แต่เขาไม่สามารถไปได้ อย่างมากก็ทำได้แค่ไปวนรอบหน้าประตูเท่านั้น ดูๆว่ามีทางเข้าเล็กหรือไม่ เพราะเป็นไปได้ว่าองค์กรนั้นจะจับตาดูเขาอยู่
เขาไม่กลัวองค์กรนั้น เพียงแต่ในตอนที่เขายังฟื้นฟูวิทยายุทธ์ได้ไม่เต็มร้อย เขาไม่มั่นใจว่าจะรับมือพวกมันได้ ถ้าเกิดพวกมันทำร้ายศาสตราจารย์โจว งั้นตนไม่เท่ากับทำเรื่องเสียเวลาเปล่า แถมยังจะเสียชีวิตเพิ่มไปอีกหรือไง
ดังนั้นเขาจำเป็นต้องอดทนสักหน่อย อดทนรอให้แน่ใจว่าปลอดภัยแล้วจริงๆแล้วค่อยไป!
ระหว่างเดินไป ความคิดของฟางเหยียนก็กลับไปอยู่ที่พวกคนตระกูลถังเมื่อกี้ สถานการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดมันเหลือเชื่อจริงๆ ผู้หญิงอย่างหลินถงนี่มีความสามารถดีเด่นอะไรนะ ถึงได้ทำให้ถังเสี่ยนจงเชื่อใจเธอขนาดนี้? ผู้นำของตระกูลใหญ่ตระกูลหนึ่ง ส่วนมากจะสืบทอดอำนาจต่อให้ลูกชายตน ต่อให้ลูกชายไม่มีความสามารถอะไร ก็ไม่มีทางยกให้ผู้หญิงนอกตระกูลคนหนึ่ง
ความหมายของคุณท่านถังนี่ชัดเจนมากนะ เหมือนจะยกตระกูลถังให้หลินถงดูแลจัดการ
ฟางเหยียนไม่คิดแบบนั้นแน่นอน ถ้าถังเสี่ยนจงเป็นคนแบบนั้นจริง ก็ไม่คู่ควรให้ตนเมื่อกี้ยื่นมือเข้าช่วยเหลือแล้ว
งั้นเพราะอะไรกันแน่ล่ะ? หลินถงใช้วิธีอะไรกันแน่ถึงได้รับความเชื่อใจจากคุณท่านถังขนาดนี้กันล่ะ?
ระหว่างเดินไป ฟางเหยียนครุ่นคิดปัญหานี้ไปด้วย มันสำคัญกับฟางเหยียนมาก
เพราะหลินถงมีบางอย่างพิเศษ พิเศษจนทำให้เขาต้องสังเกตผู้หญิงคนนี้
เธอมักจะปรากฏตัวต่อหน้าตนหลายครั้ง แถมยังยั่วยวนตนอีก แน่นอนว่าเจตนาเธอไม่ได้มีเพียงเรื่องพวกนั้น เธอต้องมีเป้าหมายอย่างอื่นแน่ ส่วนจะเป็นอะไรนั้น พูดยากละงานนี้
ระหว่างเดินไป ไม่รู้เดินไปนานแค่ไหนแล้ว ทันใดนั้นมีเสียงฝีเท้าเร่งรีบหลายฝีเท้าดังขึ้นตรงหน้าฟางเหยียน
เขาเงยหน้ามองไปตามเสียงฝีเท้า เห็นผู้ชายหลายคนกำลังวิ่งตรงมาทางเขา ในระยที่ห่างจากฟางเหยียนไม่มากนัก เล่นสกัดกั้นทางเขาเอาดื้อๆ การกระทำแบบนี้ทำให้ฟางเหยียนจำต้องหยุดฝีเท้าลง ฟางเหยียนไม่ได้ขับรถมา เทียนขุยส่งเขามา ส่วนเทียนขุยน่ะหรอ โดนให้ไปทำภารกิจที่อื่นแล้วล่ะ
“เหอะเหอะ? เดินเล่น?” เหลียงเจิ้งกุมมือถามง่ายๆ สีหน้ายิ้มร้าย
ด้านหลังเขามีลูกน้องตามติดมาสองคน คือจ้าวก่วงและหยางซิง ทั้งสองยืนข้างเหลียงเจิ้งซ้ายขวาด้านละคน เหมือนเป็นการ์ดซ้ายขวาของเขา!
ฟางเหยียนพยักหน้าไม่พูดอะไร เหลียงเจิ้งยิ่งยิ้มได้ใจหนักขึ้นพลางว่า “ไม่รู้จริงๆว่าใครให้ความมั่นใจกับแก กล้าออกมาเดินคนเดียว พูดตามตรงนะ ฉันอดนับถือแกไม่ได้จริงๆ นับถือในความไม่กลัวตายของแก ฉันเคยบอกแล้วว่า ฉันจะไม่ปล่อยแกไปแน่ ตอนนี้ไม่มีใครช่วยแกได้แล้วล่ะสิ? การ์ดคนนั้นของแกไม่อยู่ข้างกายแกแล้ว หลินถงของตระกูลถังคนนั้นก็ไม่ออกมาช่วยแกแล้ว ฉันจะดูสิว่าตอนนี้แกจะพึ่งใครได้ล่ะ?”
พูดจบ ใบหน้าเหลียงเจิ้งฉายแววยิ้มเย็นมาดร้ายออกมา หมอนี่ออกมาเดินคนเดียวเท่ากับเดินเข้ากับดักเอง หาเรื่องตายชัดๆ ที่เขาไม่รู้คือ แต่ไหนแต่ไรมาฟางเหยียนไม่เคยพึ่งพาใครเลย คนพวกนั้นแค่ยอมรับใช้เขาโดยเต็มใจก็เท่านั้น เพียงแต่จะอธิบายให้เหลียงเจิ้งฟังก็ใช่ที่ พอคิดถึงตรงนี้ ฟางเหยียนอดยิ้มเศร้าไม่ได้
พอเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าฟางเหยียน เหลียงเจิ้งถามเสียงเย็นชาว่า “แกหัวเราะอะไร?”
ฟางเหยียนสูดลมหายใจเข้าลึก ก่อนถามว่า “หรือว่านายไม่ได้กลับไปบอกพ่อนายว่า เมื่อวานนายเจอฉันหรือไง? เขาไม่ได้บอกนายหรือว่า อย่ามาหาเรื่องฉัน หรือว่าเขาบอกนายแต่นายลืมแล้ว”
ไม่รอเหลียงเจิ้งพูดอะไร จ้าวก่วงที่กอดอกอยู่ก็ชี้นิ้วตะคอกดังใส่ฟางเหยียนว่า “ไอ้นี่ จะถึงที่ตายอยู่แล้ว ยังปากดีอีก รู้ไหมว่าทำให้คุณชายเหลียงของเราไม่พอใจแล้วจะเป็นยังไง? เตรียมตัวตายได้เลยแก!”
พูดจบ เขาหันไปมองทางเหลียงเจิ้งพูดว่า “คุณชายเหลียง หมอนี่มันกร่างมากจริงๆ!” หยางซิงพูดด้วยความไม่พอใจเหมือนกันว่า “ตอนนี้ผมเริ่มอยากเห็นตอนมันโดนอัดแล้วล่ะ ไว้มันโดนอัดจนเป็นหมา ดูสิว่ามันจะกร่างอีกไหม ไม่รู้เลยจริงๆว่าทำไมคุณนายน้อยตระกูลถังอย่างหลินถงคิดยังไง ถึงได้ออกหน้าช่วยไอ้ขี้ขลาดแบบนี้”
ระหว่างพูด หยางซิงกวาดตามองฟางเหยียนตั้งแต่หัวจรดเท้า นี่มันตัดสินคนจากรูปลักษณ์ภายนอกชัดๆ
เหลียงเจิ้งขมวดคิ้วแน่น หมอนี่รู้ได้ไงว่าพ่อตนพูดอะไร? แต่ว่านิสัยมีคุณต้องทดแทน มีแค้นต้องชำระอย่างเหลียงเจิ้งแล้ว ไม่มานั่งคิดจริงจังหรอก ในหนานหลิงเขาใหญ่ที่สุด เกิดเรื่องอะไรมีคนช่วยเขารับอยู่แล้ว