จอมนักรบทรงเกียรติยศ - ตอนที่ 32
บทที่ 32 มาแล้ว
เมื่อได้ยินอย่างนั้น ผู้บริหารระดับสูงของบริษัทไม่สามารถนิ่งอยู่ได้ แต่ละคนต่างจับจ้องเย่ชิงหยู่ด้วยสายตาที่แปลกประหลาด
เย่ชิงหยู่เองก็ฉงน เธอขมวดคิ้วอย่างสงสัย “จางไห่เฟิง แกประสาทหรือไง? ฉันยักยอกทรัพย์สินของ บริษัท โดยไม่ได้รับอนุญาตยังไง?”
“เหอะ แกคิดว่าฉันไม่รู้หรือว่ายักยอกเงินบริษัท?” จางไห่เฟิงทำหน้าเชื่อมั่น
จางฉี่เหาสีหน้าเคร่งขรึม พลันจับจ้องจางไห่เฟิงนิ่ง “แกพูดแบบนี้ เย่ชิงหยู่ยักยอกทรัพย์สินของบริษัท? หากแกยังสร้างเรื่องไม่เลิก ฉันจะไล่แกออกจากตระกูลจาง”
จางไห่เฟิงได้ใจ “หากผมสร้างเรื่อง ก็ไล่ผมออกจากตระกูลจางได้เลย คุณปู่ เย่ชิงหยู่ซื้อรถเบนซ์หรูคันหนึ่ง ด้วยราคา5ล้านกว่า ขอสอบถามหน่อยว่า เย่ชิงหยู่เอาเงินตั้งมากมายมาจากไหน ถึงได้มีปัญญาซื้อรถหรูได้”
เมื่อจางฉี่เหาได้ยินรถหรูราคา5ล้านกว่า สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปทันที
ตระกูลจางยังรถทั้งหมดสี่คัน ยังไม่เกิน5ล้านเลย
“แกซื้อรถแล้วจริงๆ งั้นเหรอ?” จางฉี่เหาเอ่ยถาม
เย่ชิงหยู่ขมวดคิ้ว ก่อนพยักหน้า “ใช่ แต่ฉันไม่ได้ใช้เงินของบริษัท ฟางเหยียนเป็นคนซื้อให้หนู”
“ฮ่าฮ่าฮ่า!” จางไห่เฟิงอดนึกขำไม่ได้ “ฟางเหยียน? ไอ้เขยแต่งเข้าที่ไร้ประโยชน์นั่นหรือ? ช่วงนี้เขากินอยู่ตระกูลจาง เขาจะเอาเงินตั้งมากมายมาซื้อรถจากที่ไหนกัน? ฉันว่าแกแอบยักยอกเงินของบริษัทเห็นๆ”
“จางไห่เฟิง ใส่ร้ายคนอื่นต้องรับรับผิดชอบนะ ตาข้างไหนของแกเห็นว่าฉันยักยอกทรัพย์สินของบริษัทกันล่ะ?” เย่ชิงหยู่ลุกขึ้นยืน อธิบายอย่างไม่พอใจ
“ตาข้างไหนเห็นอะไรกัน รถหรูราคากว่า5ล้าน นอกจากเงินของบริษัท แกมีเงินจำนวนนี้หรือไง? เงินเดือนของแกเดือนละสองหมื่น อยากจะซื้อรถหรูราคา5ล้าน ยากยิ่งกว่าอะไรดี”
เย่ชิงหยู่พยักหน้ารัว “โอเค ถ้าหากแกคิดว่าฉันยักยอกเงินของบริษัท ก็ไปตรวจบัญชีสิ หวังเฟิง ไป ตรวจเช็กว่าบริษัทมีเงินสูญหาย5ล้านรึเปล่า”
หวังเฟิงผู้อำนวยการฝ่ายการเงินของบริษัท เขาตอบรับสั้นๆ กะพริบตาปริบ เขาไม่อยากจะเชื่อว่าเย่ชิงหยู่จะขานชื่อของเขาโดยตรง
จางฉี่เหาตบโต๊ะเสียงดัง คำรามกราด “พอได้แล้ว!”
เขารู้ดี ว่าเย่ชิงหยู่ไม่มีทางทำเรื่องแบบนี้แน่ เธอไม่มีเหตุผลที่จะทำเรื่องแบบนี้ ทั้งหมดนี้เป็นเพราะจางไห่เฟิงต้องการใส่ร้ายเย่ชิงหยู่ คำเดียว คือจางไห่เฟิงโกรธเกลียดเย่ชิงหยู่ เกลียดจนไร้สติ
หากเปลี่ยนเป็นคนที่มีสมองหน่อยละก็ จะไม่มีทางทำแบบนี้
จางฉี่เหาไม่อยากจะมอบบริษัทให้กับเย่ชิงหยู่ที่เป็นคนนอก แต่เขารู้จักเย่ชิงหยู่ดี
“คุณปู่ เย่ชิงหยู่ยักยอกทรัพย์สินของบริษัท ผมรับรองได้!” จางไห่เฟิงยังคงมีความเชื่อมั่นเต็มที่
จางฉี่เหาลุกขึ้น เดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าจางไห่เฟิง ก่อนที่จะยกแขนขึ้นฟาดเข้าบ้องหูเขาเต็มๆ
จางไห่เฟิงนิ่งอึ้งอยู่กับที่ ทุกคนในที่ประชุมเองต่างก็นิ่งอึ้งไป แม้ว่าจางฉี่เหาจะอารมณ์รุนแรง แต่ก็ไม่เคยลงมือกับจางไห่เฟิงต่อหน้าคนตั้งมากมายแบบนี้ เพราะทุกคนต่างรู้ดี ว่าเขาเอ็นดูจางไห่เฟิงที่สุด
อันที่จริง ทุกคนต่างก็รู้ดีว่าจางไห่เฟิงเป็นผู้สืบทอดของบริษัท
แต่ การกระทำของเขาในวันนี้ทำให้ทุกคนประหลาดใจ
จางไห่เฟิงยกมือขึ้นปิดหน้าอย่างมึนงง “คุณปู่ ทำไมต้องลงมือกับผม?”
“ยังมีหน้ามาถามอีก? ไสหัวกลับบ้านไปซะ จากนี้ไปอย่าได้เจ้ามาที่ตงข่ายกรุ๊ปอีกแม้แต่ก้าวเดียว!” จางฉี่เหาดวงตาแดงก่ำ กล่าวอย่างดุร้าย
เขาให้โอกาสจางไห่เฟิงแล้ว อย่างน้อยก็ไม่ได้ไล่เขาออกจากตระกูลจาง
จางไห่เฟิงกล่าวอย่างไม่พอใจ “คุณปู่ ผมไม่ยอม ทำไมผมถึง…..”
“เพี๊ยะ” ฟาดเข้าให้อีกหนึ่งที จางฉี่เหาชี้ไปที่ประตู “ฉันไม่อยากจะพูดเป็นครั้งที่สาม!”
จางซื่อตงที่เห็นนิ้วมือทั้งห้าที่ประทับอยู่บนใบหน้า ทำให้เขาเจ็บปวดใจนัก
จึงโพล่งขึ้น “ท่านพ่อ ยังไงซะไห่เฟิงก็เป็นหลานของท่าน ที่เขาทำแบบนี้ก็เพื่อบริษัทนะครับ!”
“แกจะบังคับให้ฉันสั่งสอนแกต่อให้ผู้บริหารชั้นสูงหรือยังไง?” จางฉี่หาวตวาดใส่จางซื่อตงที่อายุปาเข้าไป40กว่า
จางซื่อตงกลืนคำพูดที่ยังไม่ได้หลุดออกมากลับลงคอ
หากเขาถูกพ่อแท้ๆ สั่งสอนต่อหน้าคนตั้งมากมายแบบนี้ละก็ คงได้ขายขี้หน้าแน่
จางไห่เฟิงยังคงไม่พอใจ รีบเอ่ย “ปู่ ผม…”
“รปภ! “ภายใต้เสียงคำรามดังลั่น รปภ.สองนายลากจางไห่เฟิงออกไปจากตงข่ายกรุ๊ป
หลังจากที่จางไห่เฟิงออกไป จางฉี่เหากลับเข้าที่เดิมอีกครั้ง “โอเค เรื่องที่เราจะประชุมกันในวันนี้คือเรื่องที่เราร่วมมือกับทางซีหนานกรุ๊ป”
“ผมแก่มากแล้ว คงช่วยอะไรไม่ได้มาก เรื่องนี้ หลานสาวของผมเย่ชิงหยู่จะเป็นผู้รับผิดชอบ ต่อจากนี้เรื่องเล็กใหญ่ในบริษัท ต้องฟังคำสั่งจากเธอ หวังว่าทุกคนจะให้ความร่วมมือกับเธอ หากมีใครที่ไม่เห็นด้วยหรือคัดค้าน ก็ลาออกไปซะ!” จางฉี่เหาประกาศจบในลมหายใจเดียว
“ชิงหยู่ ต่อจากนี้ตงข่ายกรุ๊ป ต้องฝากเอาไว้กับแกแล้ว” แม้ว่าจางฉี่เหาจะไม่ยอม และเสียดายอยู่บ้าง แต่เขาไม่มีตัวเลือกอื่นอีกแล้ว
เย่ชิงหยู่จับจ้องใบหน้าที่ขาวซีดของคุณตา ด้วยหัวใจที่เป็นกังวลเล็กน้อย
แต่ถ้าหากทำเพื่อตระกูลจางจริงๆ เธอก็ต้องดูแลตงข่ายกรุ๊ปให้ดีที่สุด
หลังจบการประชุม หลังจากที่เย่ชิงหยู่จัดแจงการงานเสร็จเรียบร้อย ก็ลงไปยังชั้นล่างทันที
ฟางเหยียนยังอยู่ตรงนั้น เขาขึ้นทะเบียนรถเรียบร้อยแล้ว
เมื่อเดินลงมายังชั้นล่าง โทรศัพท์ของเย่ชิงหยู่ก็ดังขึ้นทันที
“อะไรนะ? โอเค หนูจะไปเดี๋ยวนี้”
เย่ชิงหยู่วางสาย ด้วยสีหน้าที่ไม่สู้ดี
“มีอะไร?” ฟางเหยียนเดินเข้าไปยังเธอ
เย่ชิงหยู่กล่าว “เกิดเรื่องขึ้นกับแม่ของฉัน ที่ร้านวี่ผิ่นเซวียน”
ฟางเหยียนขมวดคิ้วอย่างสงสัย “ไปกันเถอะ”
เขาลากเย่ขิงหยู่ขึ้นไปบนรถ ก่อนที่จะออกเดินทางทันที
สำหรับฟางเหยียน คนของตระกูลเย่เป็นครอบครัวของเขาทั้งหมด จางเจียวเจียวเองก็มองเขาเป็นลูกชายแท้ๆ มาโดยตลอด เขาไม่อยากเห็น คนในครอบครัวถูกคนอื่นรังแกที่สุด
เย่ชิงหยู่เมื่อได้ยินว่าเกิดเรื่องขึ้นกับมารดาของเธอ สติของหญิงสาวหลุดลอยทันที
หลังจากที่บิดาของเธอเสียไป เธอให้ความสำคัญกับความรักในครอบครัวเป็นอย่างมาก มารดาเป็นคนที่เธอใกล้ชิดที่สุดบนโลกใบนี้
เธอให้คำมั่น ต่อให้เธอจะเป็นยังไง เธอก็ไม่มีทางให้มารดาของเธอลำบากเป็นอันขาด
แต่ตอนนี้ เย่ขิงหยู่รู้สึกผิดคำสัญญาที่ให้ไว้ต่อบิดาที่เสียไป
“ไม่เป็นไรหรอก ชิงหยู่ ทุกอย่างมีผมอยู่” ฟางเหยียนเอ่ยปลอบด้วยประโยคที่อ่อนโยน
ไม่นาน ทั้งคู่ก็ขับรถมาถึงร้านหยกวี่ผิ่นเซวียนจงได้
รอบข้างต่างเต็มไปด้วยผู้คนรุมล้อม จางเจียวเจียวยืนอยู่ที่หน้าร้านหยกวี่ผิ่นเซวียนอย่างหน้าถอดสี
คุณนายหวงและคุณนายหยางยังคงพูดไม่หยุด “ฉันว่านะคุณนายเย่ ลูกเขยของพี่ทำแบบนี้ได้ยังไง ไม่มีปัญญาซื้อ ก็ซื้ออันที่ราคาถูกหน่อยไม่ได้หรือไง ทำไมต้องขโมย แถมยังขโมยอันที่ราคาสูงขนาดนี้อีกต่างหาก เป็นยังไงล่ะ! เราเองก็พลอยขายขี้หน้าไปด้วย!”
เธอขายขี้หน้ามากพออยู่แล้ว แต่สองคนนี้ยังพูดไม่ยอมหยุดอีก ทำให้เธอหน้าขี้หน้าหนักไปกว่าเก่า
เถ้าแก่หวงยู่หัวนั่งอยู่บนเก้าอี้ ด้วยที่หน้าที่เคร่งขรึม “ลูกเขยของคุณ เมื่อไหร่จะมา?”
“มาแล้ว” ไม่รอให้จางเจียวเจียวตอบ ฟางเหยียนก็ตะโกนเสียงดังลั่น