จอมนักรบทรงเกียรติยศ - ตอนที่ 325
ตระกูลถัง
ในใจของทุกคนแม้ว่าต่างก็ไม่พอใจต่อหลินถง แต่ยังคงทำตามคำสั่งของเธอ พาคุณท่านไปพักผ่อนภายในห้อง
การรอคอยนั้นแสนยาวนาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องของขีวิตคนสำคัญดุจฟ้าเช่นนี้ ยิ่งทำให้คนรู้สึกกระวนกระวายใจ มองดูถังเสี่ยนจงที่ดวงตาทั้งสองข้างปิดสนิทอยู่ตลอดเวลา แล้วก็มองไปที่เวลาอีก ยังเหลือสี่สิบนาที ยังเหลือสามสิบนาที
ลูกหลานทั้งหลายของตระกูลถังต่างก็อยู่ภายในห้องรอคอยการฟื้นขึ้นมาของคุณท่าน แต่ว่าคุณท่านกลับไม่ขยับเลยแม้แต่น้อย บริเวณโดยรอบาดแผลยังคงเป็นสีดำสนิททั้งแถบ ดูเหมือนว่าทั้งต้นขาก็ได้รับพิษที่ลึกมากเช่นเดียวกัน
หลังจากที่หลินถงจากไป ถังหงก็มาถึงยังชั้นสองของคฤหาสน์ เขามืดมนไปทั่วทั้งใบหน้า คนทั้งคนทีท่าอารมณ์โกรธยังไม่สงบ เดิมทีมีคนจะทักทายเขา แต่พอนึกถึงอารมณ์รุนแรงนั่นของเขา ตอนนี้ก็ยังกำลังโมโหจนขึ้นสมองอีก ทักทายก่อนจะต้องโดนด่าอย่างแน่นอน ดังนั้นจึงอดทนเอาไว้ ก็เช่นนี้ จึงไม่มีใครทักทายเขา และก็ไม่มีใครพูดจาอะไร
เขามือไขว้หลัง สนใจแต่ตัวเองเดินไปถึงข้างกายของคุณท่าน มองดูคุณท่านที่ยังคงไม่ฟื้นตัวแวบหนึ่งตัวเองก็อดทนไม่อยู่แล้ว “ฉันว่าพวกเธอแต่ละคนต่างก็ถูกยัยหลินถงนั่นล้างสมองแล้วใช่หรือเปล่า? คุณท่านอายุมากแล้ว เลอะเลือนก็ยังพอว่า หรือว่าพวกเธอก็เลอะเลือนตามไปด้วยหรอ? ลองดูขานี่ ของดูสภาพนี้ของคุณท่าน สามารถฟื้นขึ้นมาได้หรอ? ทำตามที่ฉันว่า อยากจะให้คุณท่านหาย งั้นก็รีบส่งโรงพยาบาล หากช้ากว่านี้อีกหน่อย รับประกันไม่ได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น”
ทุกคนต่างก็จ้องไปที่ถังหงพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย ไม่กล้าพูดอะไร และก็ไม่กล้าตอบกลับคำพูดของเขา
ถังหลงชะงักไปชั่วขณะ ตวาดเสียงสูงว่า “พวกเธอมองฉันทำอะไร? พูดจาสิ!หรือว่าที่ฉันพูดมีปัญหาหรอ? นี่ฉันคิดเพื่อพ่อของฉัน ตอนนี้คนที่ถูกกระสุนนอนสลบอยู่ที่นี่คือพ่อของฉัน หรือว่าฉันยังสามารถคิดแผนการชั่วร้ายอะไรได้อีกหรอ? ฉันคือลูกชายของท่าน นี่คือคนที่เลี้ยงฉันมาจนโต คนที่ถูกเรียกว่าเทพหมอนั่น วิธีการของเขาพวกเธอต่างก็เห็นหมดแล้ว มีใครที่ไหนถูกกระสุนไม่ทำความสะอาดบาดแผล ไม่เอาลูกกระสุนออกมากัน? นี่สอดคล้องกับตรรกะหรอ ไม่สอดคล้องแม้แต่นิดเดียว!ตามที่ฉันเห็น เขาก็คือคนหลอกลวงคนหนึ่ง”
ที่จริงแล้วคำพูดนี้พูดไปถึงในใจของคนจำนวนไม่น้อย เพียงแต่ไม่มีใครเริ่มเกริ่น ดังนั้นจึงไม่ได้พูดมาโดยตลอด ที่สำคัญคือประโยคนั้นที่ฟางเหยียนพูดช่างเหลวไหลเหลือเกิน คิดไม่ถึงว่าเขาจะบอกว่าให้เอากระสุนเก็บเอาไว้ในต้นขา นี่ไม่ใช่การหลอกลวงคนอย่างไม่มีความละอายใจหรอกหรอ ตอนนี้หลินถงก็ไม่อยู่ พี่ใหญ่ต่างก็พูดขนาดนั้นแล้ว ทุกคนก็เริ่มแย่งกันแสดงความคิดเห็นของตัวเองกันอย่างคับคั่งตามมาเช่นเดียวกัน
“นั่นสิ พี่ใหญ่พูดถูก ผมว่าคุณท่านสภาพนี้ก็ไม่เหมือนจะสามารถฟื้นขึ้นมาได้ภายในเวลาอันรวดเร็ว ไม่อย่างงั้นยังไงพวกเราก็ส่งไปโรงพยาบาลกันก่อนเถอะ!ที่สมัยไหนแล้ว พวกเราไม่ควรเชื่อลูกไม้นั่น”
“ผมเชื่อพี่ใหญ่ ทิ้งผู้นำไม่ผู้นำตระกูลไปไม่ต้องพูดถึง นี่คือพ่อของพวกเรา!ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม พวกเราต่างก็ต้องการให้คุณพ่อแข็งแรงดี หลิงถงนั่นไม่ได้เป็นญาติมิตรอะไรกับคุณพ่อ ไม่แน่ยังไม่อยากจะให้พ่อของเราหายด้วยซ้ำ”
“อื้อ!ฉันก็คิดว่าเทพหมอนั่นโม้เกินไป เขาจะต้องเป็นคนที่พี่สะใภ้ใหญ่หามาร่วมมือกันหลอกลวงคุณปู่อย่างแน่นอน ไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนี้ใช้มารยาอะไร หลอกล่อคุณปู่ ทำให้คุณปู่หลงใหลจนกลายเป็นสภาพแบบนี้”
ได้ยินทุกคนต่างก็ยินยอมแล้ว ถังหงพยักหน้าพร้อมกับเอ่ยด้วยความพึงพอใจว่า “ในเมื่อทุกคนต่างก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร งั้นพวกเราก็ไปกันเถอะ!ฉันทางนี้ก็จะจัดการโรงพยาบาลให้กับคุณพ่อ”
ทั้งตระกูลยินยอมพร้อมใจ ถังหงล้วงเอาโทรศัพท์มือถือออกมาเตรียมโทรศัพท์
“ไม่!” ในเวลานี้เอง เสียงของเด็กผู้หญิงคนหนึ่งก็ดังขึ้นมา ทุกคนต่างก็หันมองไปทางเด็กผู้หญิงคนนั้นในทันที คือถังยู่!ถังยู่นั่งอยู่ที่ด้านข้างของคุณท่านมาโดยตลอด มือไม่เคยละออกจากมือของคุณท่าน
ทั้งตระกูลต่างก็รู้ว่าคนที่คุณท่านรักและเอ็นดูมากที่สุดก็คือถังยู่ ที่จริงแล้วไม่เพียงแค่คุณท่านที่รักและเอ็นดูเธอ คนของทั้งตระกูลต่างก็ดีกับเธอมากเช่นเดียวกัน พูดได้ว่า เธออยู่บนเรือลำเดียวกันกับทุกคน
ตอนนี้พูดคำว่าไม่คำเดียวออกมา ทำให้ทุกคนไม่เข้าใจเป็นอย่างยิ่ง!หนึ่งในนั้นที่ไม่เข้าใจมากที่สุดก็คือถังหง
“เสี่ยวยู่ เมื่อครู่นี้เธอพูดว่าอะไรนะ?” ถังหงเอ่ยถามด้วยใบหน้าขอคำตอบ สงสัยว่าตัวเองฟังผิดเองใช่หรือเปล่า
ถังยู่มองใบหน้าของถังหง เอ่ยขึ้นด้วยดวงตาทั้งสองข้างที่จริงใจทั้งยังกล้าหาญ “หนูว่าไม่ หนูไม่ตกลงให้พาคุณปู่ไปโรงพยาบาลค่ะ”
“เพราะอะไร?” ถังหงยิ่งเพิ่มความไม่เข้าใจ เขาย้ำขึ้นอีกรอบ “บอกไปแล้วว่า ฉันหวังดีต่อคุณปู่เธอทั้งนั้น!เธอควรจะรู้ว่าคุณปู่ดีกับเธอที่สุด พวกเราต่างก็ไม่หวังให้คุณปู่เกิดเรื่อง ตอนนี้คุณปู่สลบไม่ได้สติ และก็ไม่รู้ว่าท่านคือสถานการณ์อะไร อยู่ที่บ้านนานขึ้นหนึ่งวินาที ก็เพิ่มความอันตรายขึ้นหนึ่งระดับ เธอเข้าใจไหม?”
ที่จริงแล้วถังยู่เองก็ไม่รู้เช่นเดียวกันว่าทำไมต้องพูดประโยคนี้ เธอหวังว่าคุณปู่จะรีบหายดีขึ้นมามากกว่าใครทั้งหมด แต่คิดไม่ถึงว่าเธอค่อนข้างที่จะเชื่อฟางเหยียนว่ามีวิชาทางการแพทย์เสียแล้ว ไม่รู้ว่าทำไม เธอก็รู้สึกว่าฟางเหยียนคือคนที่เชื่อใจได้คนหนึ่ง
เธอสะอึกสะอื้นเล็กน้อย เอ่ยว่า “หนูรู้ว่าทุกคนต่างก็อยากจะให้คุณปู่หาย หนูก็หวังให้คุณปู่หายมากกว่าใครทั้งนั้น แต่หนูเชื่อเทพหมอฟาง หนูคิดว่าเขาไม่มีทางโกหกพวกเรา เขาไม่มีทางเอาชีวิตของคุณปู่มาล้อเล่น”
ดวงตาของถังหงหรี่ลงภายในชั่วพริบตา เขาจิ๊ปาก เอ่ยถามขึ้นว่า “เสี่ยวยู่ เธอชอบคนๆนั้นเข้าแล้วใช่หรือเปล่า?”
คำพูดนี้ออกมา ใบหน้าของถังยู่ครู่เดียวก็แดงขึ้น เธอรีบส่ายศีรษะปฏิเสธว่า “เปล่านะคะ!พวกเราเพิ่งรู้จักกันเมื่อวาน หนูจะชอบเขาเข้าแล้วได้ยังไงกัน!”
พูดถึงตอนสุดท้าย เสียงของเธอก็เปลี่ยนเป็นเบาลง แม้แต่ดวงตาต่างก็ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมามองใคร ราวกับกลัวว่าหลังจากที่ถูกคนเห็นแล้วจะดูความจริงที่เธอชอบฟางเหยียนออก!
แต่ไม่มีใครสนใจสีหน้าของเธอ ทุกคนต่างก็อยู่ภายใต้สถานการณ์ที่เคร่งเครียดถึงขีดสุด ไม่มีทางพบรายละเอียดเล็กน้อยเหล่านี้
ถังหงอุทานหึออกมา เอ่ยว่า “ในเมื่อเธอไม่ได้ชอบเขา งั้นทำไมแม้แต่คุณปู่ของเธอต่างก็ไม่สนใจแล้ว!เขาแค่ลวกๆแบบนั้นไม่กี่ที ก็สามารถทำให้เธอเชื่อเขาได้แล้วหรอ? เรื่องนี้ก็ไร้สาระเกินไปหน่อยแล้ว”
ถังยู่เอ่ยขึ้นอย่างข้างๆคูๆ “ลุงใหญ่ ลุงจะบอกว่าหลินถงทำเรื่องเลวร้ายอะไรหนูเชื่อ แต่คุณฟางไม่มีทางทำอย่างนั้น เขาเป็นคนดี เมื่อวานเขาช้วยชีวิตหนูเอาไว้ วันนี้ช่วยตระกูลเราแก้ไขปัญหา หนูคิดว่าพวกเราไม่ควรสงสัยเขา”
“หึ!” ถังหงยืนกรานไม่เชื่อว่าฟางเหยียนเป็นคนที่มีความสามารถ ตะคอกเสียงสูงว่า “ฉันว่าเธอก็คือชอบเขาเข้าแล้ว ส่งผลให้พูดจาก็ไปทางเขาไปหมด เสี่ยวยู่ คนๆนั้นไม่ใช่คนดีอะไร”
ถังยู่สะอึกสะอื้น ยืนขึ้นมาจากบนเก้าอี้ เธอยกมือขึ้นมองดูนาฬิกาแวบหนึ่ง จากนั้นเอ่ยขึ้นด้วยท่าทางจริงจังว่า “ลุงใหญ่คะ ยังเหลืออีกยี่สิบนาที ห่างจากเวลาที่คุณฟางบอกว่าหนึ่งชั่วโมงยังเหลืออีกยี่สิบนาที พวกเรารออีกยี่สิบนาทีนี้ หากคุณปู่ยังไม่ฟื้นขึ้นมา พวกเราก็ส่งท่านไปที่โรงพยาบาล เป็นไงคะ?”
“ไม่ได้!” ถังหงเอ่ยขึ้นอย่างตาต่อตาฟันต่อฟัน “เรื่องอื่นรอได้ แต่ชีวิตคนไม่สามารถรอได้!อย่าพูดถึงยี่สิบนาทีเลย ต่อให้สองนาทีก็รอไม่ไหว!บางครั้งมีบางคนก็เพราะขาดนาทีสองนาทีนี้ไป สุดท้ายก็ตาย ฉันไม่หวังให้โศกนาฏกรรมแบบนี้เกิดขึ้นกับคุณปู่ของเธอ เธอหลีกไป พวกเราพาคุณปู่ไปโรงพยาบาล!”