จอมนักรบทรงเกียรติยศ - ตอนที่ 338
ทั้งคู่สบตากัน พูดอย่างไม่เกินจริง นี่เป็นแววตาที่เห็นได้ชัด ทั้งคู่สบตากัน จนทำให้ผู้ที่อยู่รอบข้างตกใจได้เลย
ผ่านไปประมาณสิบสามวินาที โต๊ะเริ่มขยับ! เหล้าที่อยู่ในแก้วเหล้าบนโต๊ะเริ่มกระเซ็นออกมา
หัวหน้าแผนกเจียงจ้องถังเสี่ยนจงอย่างประหลาดใจ ถังเสี่ยนจงยกมือไปวางไว้ที่ไหล่ของหัวหน้าแผนกเจียงอย่างใจเย็น แล้วกล่าวอย่างปลอบใจว่า “ไม่เป็นไรนะ ท่านพี่! ”
“เหล่าเห้อ แกคิดจะทำอะไร?เทพหมอฟางคือแขกของพวกเรานะ” ถังเสี่ยนจงตะคอกอย่างเด็ดขาด
เมื่อฟางเหยียนได้ยินเสียงตะคอกของถังเสี่ยนจง จึงได้เก็บอารมณ์อันแข็งกร้าวไว้ จากนั้นเหล่าเห้อจึงได้หยุดจู่โจมลง ทั้งสองสบตากัน จากนั้นต่างคนต่างก้มหน้าไป
การคาดเดาของฟางเหยียนไม่มีผิด เหล่าเห้อคนนี้เป็นยอดฝีมือ ตอนแรกที่เห็นเหล่าเห้อ ฟางเหยียนก็เริ่มสังเกตผู้เฒ่าที่หน้าตาอัปลักษณ์นี้แล้ว ท่าทางการเดินของเขาไม่เหมือนลักษณะภายนอกที่เขาแสดงออกมา
นึกไม่ถึงว่าผู้เฒ่าที่หลังค่อมคนหนึ่งเดินแล้วฝุ่นไม่ตลบขึ้นมา นี่มันไม่เป็นไปตามตรรกะ!อีกอย่าง เมื่อวานตอนที่เกิดปัญหาที่ตระกูลถัง ผู้เฒ่าคนนี้เกือบจะออกโรงแล้ว ฟางเหยียนสังเกตทุกๆการกระทำ ถ้าไม่ใช่เพราะเขายืนขึ้น ไม่แน่ผู้เฒ่าคนนี้ได้จัดการให้กับตระกูลถังไปแล้ว
“ขอโทษครับ นายท่าน!” หลังจากที่เก็บปฏิกิริยาทั้งหมดแล้ว เหล่าเห้อก็ขอโทษด้วยสีหน้าละอายแก่ใจ จากนั้นก็พูดกับฟางเหยียนว่า “ขอโทษครับ เทพหมอฟาง ผมไม่ได้ตั้งใจทำแบบนั้น”
ฟางเหยียนหัวเราะ แล้วกล่าว “ไม่เป็นไร!ผมก็แค่สงสัยตัวตนของคุณก็เท่านั้น ถ้าคุณไม่สะดวกที่จะบอก ผมก็ไม่ถามต่อแล้วครับ”
“โอเคล่ะ ถ้าพวกคุณไม่มีอะไรแล้ว งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ” เมื่อพูดจบ ฟางเหยียนก็ลุกขึ้นยืน
ถังเสี่ยนจงรีบลุกขึ้นยืนแล้วกล่าว “เทพหมอฟางช้าก่อน ผมยังมีเรื่องจะรบกวนอีกเรื่อง ครั้งที่แล้วที่คุยกับคุณ ผมมีเพื่อนคนหนึ่งแซ่เจี่ย ชื่อเจี่ยเกิงจื่อ ลูกชายของเขาเป็นโรคประหลาด เป็นอัมพาตไปทั้งตัว ทั้งตัวมีแค่ลูกตาเท่านั้นที่ขยับได้ ปรึกษาหมอที่มีชื่อเสียงก็แล้วก็ยังรักษาไม่หาย เจี่ยเกิงจื่อรวยมาก ธุรกิจของเขามีทั่วเอเชีย ถ้าเทพหมอฟางช่วยรักษาได้ เขายอมให้ค่าตอบแทนห้าพันล้าน”
ห้าพันล้าน!มากกว่าครั้งที่แล้วสามพันล้าน ครั้งที่แล้วตอนที่ฟางเหยียนมาที่ตระกูลถัง ถังเสี่ยนจงบอกว่าสองพันล้าน
แน่นอน เงินเป็นสิ่งที่ดึงดูดอะไรฟางเหยียนไม่ได้ ห้าพันล้านสำหรับคนอื่นแล้ว บางทีอาจจะเป็นตัวเลขมหาศาล แปดชาติก็ไม่มีทางหาเงินได้มากขนาดนั้น แต่สำหรับฟางเหยียนแล้วก็แค่เลขตัวเลขเท่านั้น สิ่งที่เขาไม่ขาดแคลนมากที่สุดก็คือเงิน
ด้วยเหตุนี้เขาจึงมองถังเสี่ยนจง แล้วกล่าว “เหมือนเจี่ยเกิงจื่อจะสำคัญกับคุณมากนะครับ!”
ถ้าไม่สำคัญ ถังเสี่ยนจงก็ไม่มีทางขอร้องฟางเหยียนซ้ำแล้วซ้ำเล่า
เขาถอนหายใจ แล้วกล่าว “ค่อนข้างสำคัญครับ!ตระกูลของเขาเป็นเศรษฐีอันดับหนึ่งของเอเชียของเรา เมื่อหลายปีมาแล้วเขาได้แต่งงานกับหญิงต่างชาติคนหนึ่ง จึงลงหลักปักฐานที่ต่างประเทศ ครั้งนี้ถ้าไม่ใช่เพราะลูกชายของเขาเป็นโรคประหลาดนี่ บางทีเขาก็อาจจะไม่กลับประเทศ เขาเป็นคู่ค้าธุรกิจกับผมมานานหลายปีแล้ว เมื่อก่อนธุรกิจ50%ตระกูลถังของเราล้วนทำกับเขาทั้งนั้น เขาก็ถือเป็นเพื่อนเก่าที่ทำการค้าร่วมกันมากับผม ตอนนี้เห็นเขาเจ็บปวด ผมก็รู้สึกเจ็บปวดใจเช่นกัน ถ้าเทพหมอฟางยอมช่วย ผมเชื่อว่าต้องรักษาโรคประหลาดของลูกชายเขาได้แน่นอน ก็อยู่ที่คุณฟางจะยอมช่วยมั้ยแล้วล่ะครับ”
“ตระกูลเยโล๋?” ฟางเหยียนถามอย่างนิ่งสงบ
ถังเสี่ยนจงพยักหน้าแล้วกล่าว “ใช่ครับ ตระกูลเยโล๋!”
“ครับ ผมรับปาก!” ฟางเหยียนตอบรับอย่างรวดเร็ว
ถังเสี่ยนจงไม่ค่อยกล้าเชื่อหูของตัวเองสักเท่าไหร่ เขากล่าวอย่างตื่นเต้นว่า “ขอบคุณเทพหมอฟางจริงๆครับ ครั้งนี้คุณออกโรงช่วยผม ต่อไปมีเรื่องอะไร เชิญรับสั่งได้เลยครับ เพียงแค่ผมสามารถทำได้ ต่อให้ต้องบุกป่าฝ่าดงก็ไม่มีทางปฏิเสธ ถ้าคุณรักษาเขาหาย ผมยังให้คุณนอกอีกพันล้าน!”
ฟางเหยียนส่ายหน้า คิดในใจว่าถ้าคุณต้องบุกป่าฝ่าดง ผมว่าคุณก็ไม่น่าจะทำได้!ด้วยเหตุนี้เองจึงได้กล่าวอย่างจำใจว่า “ขอโทษนะครับ ผมไม่สนใจเงิน ผมเพียงแค่อยากรู้ว่าพวกเขาที่พ่อบ้านของคุณพูดเมื่อกี๊คือองค์กรไหน!”
ไม่สนเงิน เป็นคนแรกที่พูดประโยคนี้ออกมาต่อหน้าผู้นำตระกูลของตระกูลถัง บางทีอาจเป็นเพราะตระกูลฟางของเจียงตูไม่พูดประโยคแบบนี้ ที่พวกเขาแข็งแกร่งได้ ก็เพราะเงิน
แน่นอน เขาเป็นคนที่มีคุณธรรม การที่ไม่สนเรื่องเงินถือว่าเป็นเรื่องที่ปกติมาก
เพียงแต่… ถังเสี่ยนจงหันไปมองเหล่าเห้อ เหล่าเห้อหน้าถอดสีลง นิ่งไปสักพัก แล้วกล่าว “ครับ!”
เมื่อได้ยินประโยคนี้ของเหล่าเห้อ ฟางเหยียนจึงหัวเราะออกมา แล้วเดินออกจากตระกูลถังไป
หลินถงเห็นฟางเหยียนจากไป จึงได้รีบตามไป แล้วกล่าว “ฉันไปส่งเทพหมอฟางค่ะ”
หัวหน้าแผนกเจียงก็ออกตามไป หลังจากที่พวกเขาได้ออกไปแล้ว ถังเสี่ยนจงสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วถาม “ครั้งนี้ แกคิดอย่างไรกับเทพหมอฟาง?”
ตอนนี้สีหน้าของเหล่าเห้อยากที่จะคาดเดาได้ แล้วกล่าว “ยังคงเหมือนเดิมครับ ไม่สืบจะดีกว่า!ยิ่งสืบไปก็ยิ่งสืบยากขึ้นไปอีก!เขาไม่ใช่เทพหมอธรรมดา การสืบเรื่องของเขาไม่มีข้อดีต่อเรา เมื่อกี๊ผมทดสอบ ฝีมือของเขาเก่งกว่าผม ที่ประเทศหวา คนที่ฝีมือเก่งกว่าผมมีแค่ไม่กี่คนเท่านั้น ตัวตนของเขาต้องไม่ธรรมดาแน่นอน”
“งั้น แกคิดว่าเขาเป็นคนขององค์กรที่แกว่านั่นหรือเปล่า?”
เหล่าเห้อส่ายหน้าแล้วกล่าว “ไม่ใช่ครับ เขาไม่ใช่คนขององค์กรนั้น เขาก็อยากตรวจสอบองค์กรนั้นเช่นกัน ผมไม่รู้ว่าพวกเขามีความสัมพันธ์กันอย่างไร แต่เรื่องนี้ไม่ธรรมดาอย่างแน่นอนครับ”
“องค์กรนั้นเป็นอย่างไรกัน?” ถังเสี่ยนจงถามอย่างสงสัย ในช่วงหลายปีมานี้ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเอ่ยปากถามถึงองค์กรนั้น
เหล่าเห้อโค้งตัวลงไปอีก เขากล่าวด้วยความไม่สบายใจสุดขีด “นายท่าน อย่าถามผมอีกเลยนะครับ คนที่เกี่ยวข้องกับองค์กรนั้น ต่างก็เสียชีวิตไปหมดแล้ว ท่านอย่าถามลึกเข้าไปอีกเลยครับ!”
ถังเสี่ยนจงอ้าปากค้าง ไม่ถามต่อแต่อย่างใด
หลังจากที่ออกจากตระกูลถังแล้ว ฟางเหยียนก็เดินทางไปที่เขตคฤหาสน์หุบดอกพีชโดยตรง เขาไม่ได้ให้หลินถงไปส่ง แต่เรียกรถไปที่คฤหาสน์หุบดอกพีชเอง
เมื่อนั่งลงในรถ ฟางเหยียนก็หยุดคิดตัวตนของเหล่าเห้อไม่ได้ ถ้าเขาทายไม่ผิด เหล่าเห้อจะต้องเกี่ยวข้องกับเพลิงเสวนแน่นอน เขาก็ไม่รู้เช่นกันว่าทำไม ต้องคิดว่าเหล่าเห้อเป็นคนของเพลิงเสวน
ไม่รู้ทำไม ตอนนี้เขาเป็นห่วงเหล่าเห้อมาก ถ้าเหล่าเห้อเป็นคนของเพลิงเสวนจริงๆ ถ้าคนของเพลิงเสวนกำลังเล็งเขาอยู่พอดี งั้นเหล่าเห้อก็กำลังตกอยู่ในอันตราย ตอนนี้เพียงหวังว่าองค์กรนั้นจะไม่เพ่งเล็งตน
ไม่นาน รถได้ขับมาถึงคฤหาสน์หุบดอกพีช เขาได้เดินไปที่ประตูคฤหาสน์หลังนั้นที่ตระกูลถังมอบให้
เมื่อกี๊ตอนที่เปิดประตูคฤหาสน์ เขาหยุดเดินอย่างกะทันหัน!ในคฤหาสน์ มีอันตรายอยู่รอบด้าน
ฟางเหยียนมองไปรอบๆ ไม่มีอะไรแปลกไป แต่ที่นี่มีอันตรายอย่างหนึ่ง จากนั้นเขาจึงได้สุดหายใจเข้าลึกๆ แล้วกล่าวอย่างสบายใจว่า “ออกมาเถอะ!ไม่ต้องหลบแล้ว!”