จอมนักรบทรงเกียรติยศ - ตอนที่ 34
บทที่ 34 ความโกรธของเทพแห่งสงคราม
หลังจากที่หลิวเหอฉางลงจากรถ เขายื่นมือออกมาจับมือทักทายหวงยู่หัว “เถ้าแก่หวงช่วงนี้กิจการเป็นยังไงบ้าง?”
“เป็นเพราะบารมีของท่าน! ดีกว่าเดิมมาก” หวงยู่หัวระเบิดหัวเราะ
เขาเล่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นให้เขาฟัง หลิวเหอฉางตอบรับอย่างประหลาดใจ “มีเรื่องแบบนี้ด้วยหรือ? ผมอยากรู้จริงๆ ว่าใครกันที่กล้าขโมยของในร้านของท่านหวง แถมยังบอกว่าผมเป็นคนให้ไปอย่างนั้นเหรอ?”
หลิวเหอฉางก้าวเท้ายางเข้ามาในร้านหยกวี่ผิ่นเซวียน ทุกคนต่างรอคอยความพินาศที่จะเกิดขึ้น
หลังจากที่เดินเข้ามาด้านใน หวงยู่หัวชี้ไปที่ฟางเหยียน “เขาคนนี้ บอกว่าท่านเป็นคนให้เขา เขาขโมยมรกตจากในร้านของผมชัดๆ แถมยังกล้าบอกว่าท่านเป็นคนให้”
“ถ้าแก่หลิว ท่านรู้จักไอ้หมอนี่หรือไม่?” หวงยู่หัวชี้ไปที่ฟางเหยียนอย่างได้ใจ
เมื่อหลิวเหอฉางได้พบกับฟางเหยียน ราวกับว่าเวลาได้ถูกแช่แข็งเอาไว้ เขาไม่คิดเลยว่าคนคนนั้นจะเป็นฟางเหยียน คนที่ทำให้องค์กรก่อการร้ายต่างชาติต้องสั่นสะท้านเมื่อได้ยินชื่อของเขา! เขายกแขนขึ้นฟาดเข้าที่บ้องหูของหวงยู่หัวเต็มๆ ก่อนคำรามเสียงดัง “แหกตาแกดูให้ชัดๆ นี่เป็นคนที่ช่วยชีวิตของฉันเอาไว้ ผู้มีพระคุณของฉัน!”
ทุกคนในที่เกิดเหตุ ต่างนิ่งอึ้งไปกับประโยคที่ได้ยิน
คุณนายหวงและคุณนายหยางต่างจ้องหน้ากัน ใบหน้านั้นราวกับว่าเป็นมะเขือที่ถูกบดขยี้
ไม่อยากจะเชื่อ หลิวเหอฉางตบบ้องหูของหวงยู่หัวเถ้าแก่ร้านหยกวี่ผิ่นเซวียนเพียงเพื่อเด็กหนุ่มอายุ20ต้นๆ
จางเจียวเจียวและเย่ชิงหยู่เองก็นิ่งอึ้งไป ทั้งคู่ตัวแข็งทื่อ ทำไมฟางเหยียนถึงได้กลายเป็นผู้มีพระคุณของหลิวเหอฉางไปได้ ลูกเขยของเธอ มีเรื่องผิดบังพวกเธอมากแค่ไหนกันแน่!
“ท่าน ต้องขอโทษด้วยจริงๆ ผมมีตาหามีแววไม่” หลิวเหอฉางกล่าวด้วยน้ำเสียงปนสะอื้น
“ไม่เป็นไร เถ้าแก่หลิว!” ฟางเหยียนกล่าว “อันที่จริง หวงยู่หัวเรียกคุณมา เพื่อที่จะสอบถาม ว่ามรกตชิ้นนี้ท่านเป็นคนให้ผมมาใช่หรือไม่”
ฟางเหยียนเดินวนอยู่ในร้านหยกวี่ผิ่นเซวียนหลายรอบ ก่อนที่จะมาหยุดอยู่ตรงหน้าหวงยู่หัว ยกมือออกไป “หยกล่ะ?”
หวงยู่หัวมึนงง เขาหยิบมรกตออกมาช้าๆ พร้อมกับเอ่ยด้วยใบหน้าสะอื้นไห้ “ก่อนหน้านี้หยกที่เหมือนกันกับแบบนี้เป๊ะๆได้หายไปจากร้านราจริงๆ หากผมรู้ว่าหยกชิ้นนี้เถ้าแก่หลิวให้คุณ ผมก็ไม่กล้าคาดเดาว่าเป็นคุณ”
“เมื่อสักครู่ ผมบอกกับคุณแล้วไม่ใช่หรือไง? ไม่เพียงแค่คุณเท่านั้นที่ได้ยินหรอกมั้ง!” ฟางเหยียนกวาดสายตาไปโดยรอบ และพนักงานทั้งหลายในร้าน
“แบบเดียวกัน!” หลิวเหอฉางไม่พอใจ “ของของแกกล้าเหมือนกับของของฉันงั้นเหรอ แกรู้ไหมว่าหยกชิ้นนี้ของฉันได้มายังไง? ความบริสุทธิ์ของหยกชิ้นนี้ร้านกระจอกของแกเทียบได้หรือ? ของเก็บสะสมทุกชิ้นในร้านของผมโลกภายนอกไม่สามารถหาซื้อได้ทั้งนั้น”
แม้ว่าวี่ผิ่นเซวียนจะเป็นแบรนด์ที่หรูหรา แต่ก็ไม่สามารถเทียบได้กับร้านหยกตี้เซิ่งหยวน!
“หวงยู่หัว อย่าบอกฉันนะว่าแกไม่เข้าใจ ในร้านของแกมีสักชิ้นไหมที่บริสุทธิ์เท่ากับชิ้นนี้ของฉัน?” หลิวเหอฉางโกรธจัด
หวงยู่หัวพยักหน้าด้วยเหงื่อที่ไหลผุด “ครับครับ ของของผมไม่สามารถเทียบได้กับของของเถ้าแก่หลิวเลย”
“ถ้างั้น แกคิดเอาเอง ว่าจะทำยังไง?” หลิวเหอฉางถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
หวงยู่หัวรับเพ่งสายตาไปยังผู้จัดการสาว ด้วยสายตาที่โกรธจัด
ผู้จัดการสาวเหงื่อแตกโชก เนื้อตัวสั่นเทา
เมื่อเห็นสายตาของหวงยู่หัว เธอโพล่งขึ้นทันที “เป็นความผิดของดิฉันเอง เพราะฉันเอง เห็นว่าหยกชิ้นนี้น้ำงาม คล้ายกับเราสูญหายไปในร้านของเรา เพราะงั้นฉันก็เลยอยากจะเก็บหยกชิ้นนี้เอาไว้ และเห็นว่าคุณนายคนนี้ดูไม่เหมือนกับคนมีเงินเลย เพราะงั้นฉันก็เลยคิดแผนการ เป็นความผิดของดิฉันเอง”
จบประโยค ผู้จัดการสาวคุกเข่าลงกับพื้น “ขอโทษค่ะ คุณผู้ชาย ดิฉัน…..”
เธออ้ำอึ้งพูดไม่ออก หวงยู่หัวจึงโพล่งขึ้น “คุณฟาง คุณนายเย่ คุณเย่ เราเองก็ถือว่าเป็นคนซื่อ เมื่อสักครู่เถ้าแก่หลิวเองก็ได้สั่งสอนเราไปแล้ว เป็นเพราะคนของผมมีตาหามีแววไม่ ทำให้เกิดการเข้าใจผิดใหญ่โต ท่านว่า เรื่องนี้ก็ปล่อยให้มันผ่านไปเถอะนะครับ?”
เขายื่นมรกตเข้ามาอย่างสั่นเทา “หยกของคุณ เป็นเพราะลูกน้องของผมใช้ไม่ได้การจริงๆ!”
การกระทำของหวงยู่หัวเหมาะสมกับความเจ้าเล่ห์ของเขา ต่อหน้าคนตั้งมากมายขนาดนี้ ยอมรับว่าเป็นความผิดของเขา อีกหน่อยกิจการของเขาก็จบเห่กันพอดี ก็แค่หาแพะมารับบาป เรื่องนี้ก็ถือว่าผ่านไปแล้ว
ยังไงซะก็เป็นคนมีหน้ามีหน้าของจินโจว เขาเชื่อว่าอีกฝ่ายก็คงจะไม่เกินหน้าเกินตามาก!
แต่ ลูกเล่นแบบนี้จะใช้การได้ต่อหน้าฟางเหยียนได้อย่างไรกันล่ะ?
เขาเป็นใคร? โผ้จวินแห่งสำนักเจ็ดพิฆาตในชายแดนเหนือ เทพสงครามแห่งประเทศหวา!
คนแบบนี้ต่อหน้าเขา ไม่ใช่อะไรทั้งนั้น เขาจะใส่ใจไว้หน้าคนแบบนี้ได้ยังไง?
เมื่อหวงยู่หัวเห็นทีท่าเย็นชาของฟางเหยียน เขาจึงโพล่งออกไป “เร็วเข้า ไปเตรียมของขวัญ!”
พนักงานสาวคนหนึ่งเดินเข้ามาพร้อมกับเครื่องประดับ วางลงตรงหน้าของจางเจียวเจียว “คุณนายเย่ เกิดเรื่องขึ้นขนาดนี้ ต้องขอโทษจริงๆ นี่มันน้ำใจเล็กๆ น้อยของผมหวงยู่หัว หวังว่าคุณนายเย่จะไม่ถือสาผม!”
จางเจียวเจียวหันไปทางฟางเหยียน สลับกับเย่ชิงหยู่
“คุณนายเย่ รับเอาไว้เถอะ ผมมีตาหามีแววไม่!” หวงยู่หัวกล่าว
คุณนายหวงและคุณนายหยางที่อยู่อีกด้านต่างชักจูงใจ “คุณนายเย่ ฉันว่าพอได้แล้ว เถ้าแก่หวงยังต้องทำมาหากิน อย่าเกินไปหน่อยเลย แบบนี้ไม่ส่งผลดีต่อใครทั้งนั้น”
“นั่นสิ คุณนายเย่ พอได้แล้ว! ของพวกนี้มีมูลค่าหลายสิบไปจนถึงหลายร้อยล้านเลยนะ หลายชิ้นรวมกัน ราคาจะเท่ามรกตของคุณอยู่แล้ว เถ้าแก่หวงเองก็แสดงความจริงใจให้เห็นแล้ว”
หวงยู่หัวเองก็พยักหน้ารัว “ใช่ครับ ผมรับรองว่าจะไม่มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีก”
จางเจียวเจียวเกือบจะคล้อยตาม แต่ในขณะที่เอื้อมมือออกไปหวังจะรับของมาไว้ ฟางเหยียนขัดขึ้นซะก่อน “คุกเข่าลง เอาของของเราคืนมาด้วยสองมือนั่น ของพวกนี้ของคุณ เราไม่ต้องการ”
ที่เกิดเหตุต่างตกตะลึง!
ทุกคนต่างอ้าปากค้างไปตามๆกัน นายฟางเหยียนคนนี้ ไม่รู้จักการเข้าสังคมเอาเสียเลย
หลิวเหอฉางเองก็รีบเดินหน้าเข้าไปอ้อนวอน “ท่าน ผมและเถ้าแก่หลิวมีความสัมพันธ์อยู่บ้าง ยังไงซะเขาก็ต้องทำธุรกิจ ท่านว่าเรื่องนี้…”
“หลิวเหอฉาง! คุณหมายความว่า เกียรติของแม่ยายผมสู้ไม่ได้แม้สุนัขตัวหนึ่งอย่างนั้นหรือ? หวงยู่หัวหยามเกียรติของแม่ยายผมต่อหน้าคนมากมาย ร้านของเขา ผมให้เขาเปิด เขาก็เปิดได้ ผมสั่งให้เขาปิด เขาก็ต้องปิด ให้สุนัขตัวหนึ่งคุกเข่าต่อหน้าแม่ยายผม ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรทั้งนั้น? หยามเกียรติของแม่ยายผมหรือไง?”
คำพูดของฟางเหยียน ราวกับระเบิด ทำให้หลิวเหอฉางไม่กล้าปริปากแม้แต่คำเดียว