จอมนักรบทรงเกียรติยศ - ตอนที่ 359
ฟางจินหยวนเหลือบมองใบหน้าของทุกคนแล้วกล่าวว่า “ในเมื่อมีสมาชิกใหม่เข้ามาอยู่ในตระกูลเรา ถือเป็นเรื่องที่น่ายินดี นอกจากจะมีความสุขกันแล้ว ก็อย่าลืมบอกให้สมาชิกใหม่รู้กฎที่จะเข้ามาอยู่ในตระกูลฟาง! นี่เป็นขั้นตอนแรกที่ต้องทำเมื่อก้าวเข้ามาอยู่ในตระกูลฟางของเรา เหตุผลที่ตระกูลฟางของเราสามารถยืนหยัดในเจียงตู ยืนหยัดในประเทศหวาได้ก็เพราะพวกเรามีกฎเกณฑ์ ตั้งแต่สมัยโบราณ จะทำอะไรก็ต้องมีกฎเกณฑ์ ถ้าไม่มีกฎเกณฑ์ก็จะไม่ประสบความสำเร็จ ฟางเหมี่ยว แกรู้ว่าควรทำยังไงใช่ไหม?”
ฟางเหมี่ยวตอบด้วยสีหน้าซีด “อืม ผมรู้ คุณปู่! ผมจะบอกหยุนเอ๋อร์เอง”
“นอกจากนี้ ยังมีอีกเรื่องหนึ่งที่ฉันอยากบอกกับทุกคน!” เสียงของฟางจินหยวนดังกังวานไปทั่วทั้งห้องโถง มีคนกว่าสิบคนนั่งอยู่ในห้องโถง ทว่าไม่มีใครกล้าพูดอะไรสักคำ ทุกคนเพียงแค่รอฟังข้อความต่อไปของเขาอย่างเงียบๆ
ฟางจินหยวนกล่าวว่า “ฉันอายุมากแล้ว ฉันควรจะเกษียณจากตำแหน่งของผู้นำตระกูลแล้วให้คนหนุ่มสาวที่มีความสามารถมานั่งแทน! แต่อย่างที่ฉันได้พูดไปก่อนหน้านี้ ตำแหน่งผู้นำตระกูลฟางมีเพียงฟางเหยียนเท่านั้นที่สามารถเป็นได้ คนอื่นนั่งตำแหน่งนี้ฉันไม่วางใจ! มีเพียงการมอบตำแหน่งให้อยู่ในมือของฟางเหยียนเท่านั้น ฉันถึงจะออกไปอย่างสบายใจ ฉันไม่ได้ตั้งเป้าหมายไว้กับคนที่นี่สักคน พวกนายที่นี่ไม่มีใครมีคุณสมบัติเพียงพอที่จะมานั่งตำแหน่งผู้นำตระกูลฟาง เรื่องนี้ ฉันหวังว่าพวกนายทุกคนจะเข้าใจ”
ประโยคนี้ดังเข้าไปในโสตประสาทของทุกคน ทุกคนเงียบเชียบไม่พูดอะไร แต่ภายในใจกลับเกิดคำถามต่างๆมากมาย ฟางจินหยวนกล่าวต่อ “ถ้าใครคิดจะชิงตำแหน่งผู้นำตระกูลของฉัน ไม่ว่าพวกแกจะใช้เล่ห์เหลี่ยมอะไร ทั้งหมดล้วนอยู่ในสายตาของฉัน ตระกูลฟางทั้งหมด ไม่มีเรื่องอะไรที่ฉันไม่รู้! ดังนั้นอย่าได้มาดีดลูกคิดรางแก้วอะไรในตระกูลฟาง”
ในขณะพูด ฟางจินหยวนก็ยกมือขึ้นทุบโต๊ะอย่างแรง จ้องมองตรงไปที่ตำแหน่งของฟางเหมี่ยวและตงฟางหยุนเอ๋อร์ เขากำลังเตือนตงฟางหยุนเอ๋อร์อยู่จริง ๆ เพราะตั้งแต่ต้นจนจบ แต่ไหนแต่ไรเขาไม่เชื่อว่าฟางเหยียนจะทำเรื่องพวกนั้น
ฟางเหยียนเป็นใคร วีรบุรุษในสนามรบ พลตรีของประเทศหวา ตำแหน่งจอมพลโผ้จวิน! เขาจะทำเรื่องแบบนั้นต่อภรรยาของพี่ชายตนเองออกมาได้อย่างไร พูดให้ไม่น่าฟังสักหน่อย ก็คือพ่อของฟางเหมี่ยวทำ ฟางเหมี่ยวไม่มีทางทำแบบนั้น
นี่เป็นเพียงแค่แผนเล่ห์เหลี่ยมของตงฟางหยุนเอ๋อร์! ฟางจินหยวนดูออก มันชัดเจนมาก!
ตงฟางหยุนเอ๋อร์ไม่ทันระวังเผลอเงยหน้าขึ้นไปมองที่ฟางจินหยวน เธอบังเอิญสบตากับเขาพอดี สายตาคู่นั้นทำให้ตงฟางหยุนเอ๋อร์ตกใจ แม้ว่าเธอจะเป็นคนดื้อรั้นและเอาแต่ใจตัวเอง แต่เธอก็รู้ตัวเองดี ถูกชายชราพูดอย่างนั้นใส่ ใบหน้าของเธอก็แดงขึ้นทันที ก้มหน้าลงต่ำ ทำเรื่องที่น่าละอายลงไป จะไม่กลัวผีเคาะประตูได้อย่างไร
สิ่งที่ทำให้เธอไม่พอใจคือ เพิ่งเข้ามาอยู่ในตระกูลฟาง เธอก็ถูกสั่งสอนไปรอบหนึ่ง ช่างน่าเศร้าจริงๆ!
แน่นอนว่ายังมีฟางเหมี่ยวที่รู้เรื่องนี้ เขามองไปที่ตงฟางหยุนเอ๋อร์โดยไม่รู้ตัว เมื่อเห็นตงฟางหยุนเอ๋อร์ที่ก้มศีรษะด้วยความอึดอัด เขาก็รีบเอื้อมมือจากด้านล่างโต๊ะไปจับมือของเธอไว้
ทันทีที่สัมผัสมือของตงฟางหยุนเอ๋อร์ เธอก็รีบเงยหน้าขึ้นมองไปทางฟางเหมี่ยว
สี่ตาสอดประสาน ฟางเหมี่ยวพยักหน้าให้กับอีกฝ่ายอย่างหนักแน่นและเด็ดขาดราวกับจะบอกว่าให้เชื่อฉัน เมื่อเห็นสายตาคู่นั้นของฟางเหมี่ยว เธอก็ขมวดคิ้วและจับมือเขาอย่างเชื่อฟัง
ภายในห้องโถงตกอยู่ในความเงียบจนน่าแปลกใจ ทว่าหลี่เยว่กลับทนไม่ไหวอีกต่อไป ผู้หญิงคนนี้จัดเป็นประเภทปากร้าย
“คุณพ่อ! ฉันคิดว่าวิธีการของคุณพ่อมันไม่ยุติธรรม ทำไมคุณพ่อถึงอยากยกตำแหน่งผู้นำตระกูลให้กับฟางเหยียน? เวลาตั้งหลายปีเขาไม่เคยอุทิศตนให้ตระกูลเราเลยแม้แต่น้อย แต่พวกเราทำงานอย่างหนักเพื่อตระกูลนี้มาตลอด เช่นเดียวกับไห่เซิง ไห่ถาง แล้วก็ฟางเหมี่ยว พวกเขาทุ่มเทแรงกายและแรงใจเพื่อตระกูลนี้ ไม่ต้องพูดถึงคนนอก ทำไมถึงไม่เป็นพวกเขา? ทำไมพ่อถึงต้องเลือกฟางเหยียน อีกอย่าง เขาดูเหมือนไม่ยอมรับมันด้วยซ้ำ!”
คำพูดนี้ของหลี่เยว่แทงใจของทุกคน นอกจากนี้ยังทำให้เกิดการประท้วงจากสมาชิกในครอบครัวอีกหลายคน
ฟางไห่เซิงเพิ่งจะถูกโกรธ ดังนั้นเขาจึงไม่ถูกตำหนิ ฟางไห่ถางเริ่มปริปากพูดก่อน “ใช่ คุณพ่อ! ผมรู้สึกว่าพี่สะใภ้พูดถูก ตระกูลฟางของพวกเราก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีคนอื่น คุณพ่อบอกว่าไม่ไว้ใจพวกเรา ตอนนี้ทั้งตระกูลฟางก็อยู่ในการดูแลของพวกเราสองพี่น้อง อีกอย่าง เสี่ยวเหยียนเองก็ไม่ยอมรับใช่ไหมล่ะ? คนหนุ่มสาวสมัยนี้ คุณพ่อจะไปบังคับให้เขาทำไม่ได้หรอก!”
เมื่อได้ยินคำพูดของฟางไห่ถาง ฟางไห่เซิงก็รีบฉวยโอกาสพูดขึ้นมาว่า “ใช่แล้วคุณพ่อ! ผมว่าฟางไห่ถางพูดถูก คุณพ่อไม่สามารถทำลงไปโดยพลการได้ แม้ว่าในตอนนี้เสี่ยวเหยียนจะมีฐานะและตำแหน่งในตระกูล แต่เมื่อพูดถึงการมีส่วนร่วมในตระกูล เขาไม่ได้มีส่วนร่วมอะไรเลย ถ้าจะให้เขามาเป็นผู้นำตระกูลเราจริงๆ เกรงว่าพนักงานเก่าแก่ในบริษัทเราบางส่วนจะไม่ยอมรับ”
สีหน้าของฟางจินหยวนเริ่มเปลี่ยนเป็นสีดำเมื่อโดนลูกชายทั้งสองคนพูดแบบนี้ใส่ เขาเหล่ตามองทั้งสองขึ้นลงไปมา หลังจากนั้นก็ยกมือขึ้นตบโต๊ะอย่างแรง พร้อมกับเปล่งเสียงพยัคฆ์ร้องมังกรคำราม “พอแล้ว!”
เป็นสองคำที่สั่นสะเทือนไปถึงภูเขา ทั้งสำนักงานถูกซัดด้วยแรงของคลื่นใหญ่!
ฟางจินหยวนสีหน้าเข้ม ดวงตาของเขาหรี่ลง ทั้งสองคนเงยหน้าขึ้นมามองเขา เมื่อเห็นการแสดงออกแบบนั้นของเขาก็นิ่งเงียบไม่พูดอะไร หลังจากนั้นไม่กี่วินาที ฟางจินหยวนก็เงยหน้าขึ้นมา จ้องมองลูกชายทั้งสองคนและถาม “ที่พวกแกพูดหมายความว่ายังไง? ความหมายของพวกแกคือไม่พอใจ? อยากให้ตัวเองเป็นผู้นำตระกูลถูกไหม?”
ทั้งสองคนยังไม่ตอบอะไร แต่นั่นคือสิ่งที่พวกเขาหมายถึง ในชีวิตนี้พวกเขาไม่มีใครเคยได้เป็นผู้นำตระกูล มันตรงไปตกอยู่ที่รุ่นหลาน แน่นอนว่าทั้งสองคนไม่พอใจ! อย่างน้อยก็ควรจะเป็นตาของพวกเขาก่อนสิ!
“ฉันบอกพวกแกแล้ว พวกแกคิดอะไรฉันรู้หมดทุกอย่าง ถ้าจะบอกว่าไม่พอใจ งั้นพวกแกก็ไม่พอใจไปเถอะ! แกไม่รู้หรือยังไงว่าทำไมฉันถึงแต่งตั้งฟางเหยียนให้เป็นผู้นำตระกูล?” ฟางจินหยวนกล่าวด้วยความสงบ
เขาจ้องมองไปที่ร่างของฟางไห่เซิง “ไหนแกลองพูดสิ ฟางไห่เซิง! ทำไมฉันถึงไม่ให้แกเป็นผู้นำตระกูล! เพราะแกคุมเมียของแกไม่ได้ไง! ผู้หญิงคนเดียวพูดจาส่งเดชไม่รู้จักกาลเทศะ นี่คือไม่มีกฎเกณฑ์ พูดให้ชัดแล้ว แต่ไหนแต่ไรแกก็คุมหลี่เยว่ไม่ได้ ถ้าฉันยกตระกูลฟางให้แก นั่นจะไม่เท่ากับว่าฉันยกมันให้กับหลี่เยว่หรือไง?”
“คุณพ่อ คุณพ่อก็พูด…” หลี่เยว่รีบขัดจังหวะฟางไห่เซิง เธอยากจะพูดอะไรบางอย่าง
แต่ก็ถูกฟางจินหยวนยกมือขึ้นห้าม “เห็นไหม ฟางไห่เซิง นี่คือเมียของแก! ฉันเพิ่งจะพูดว่าจะทำอะไรก็ต้องมีกฎเกณฑ์ ถ้าไม่มีกฎเกณฑ์ก็จะไม่ประสบความสำเร็จ ก็หวังว่าฟางเหมี่ยวจะไม่เดินตามรอยแก ผู้นำตระกูลฟางหลายชั่วอายุคนสามารถจัดการควบคุมให้ผู้หญิงของตัวเองยอมจำนนได้ แต่แกเล่า? แกดูสภาพตัวเองตอนนี้สิว่าแกยังเหมือนผู้ชายอยู่ไหม?”
ประโยคนี้ทำให้ใบหน้าแก่ๆของฟางไห่เซิงอายไปครู่หนึ่ง เขาก้มศีรษะลง ส่งสายตาเกลียดชังให้หลี่เยว่
จากนั้นเขาก็มองไปที่ฟางไห่ถาง ฟางไห่ถางเม้มริมฝีปาก เหลือบมองภรรยาของตัวเองที่อยู่ด้านข้าง เขาไม่กลัวภรรยา แต่กลับกำราบภรรยาของตนเองได้ ในสภาพแวดล้อมที่เคร่งครัดและเป็นทางการภรรยาของเขาไม่เคยเอ่ยแทรกมาก่อน