จอมนักรบทรงเกียรติยศ - ตอนที่ 364
แต่ทว่าคนที่อยู่ตรงหน้า นึกไม่ถึงว่าจะต่อกรกับคนที่ถืออาวุธเป็นพันกว่าคนด้วยตัวคนเดียวได้ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ผู้คนล้มลงไปเกินครึ่งแล้ว แต่เขายังคงไม่บาดเจ็บใดๆ ถึงขั้นไม่มีเหงื่อไหลออกมาเลย
ฆ่าพันคน โดยใช้วิธีเดียวกัน เร็วมากอย่างน่าประหลาด เขาแข็งแกร่งขนาดไหนกัน?เขายังเป็นคนอยู่มั้ย?
อาเปียวแข็งทื่อชะงักไปแล้ว ไอ้นี่มันได้เปลี่ยนความคิดของเขาใหม่ทั้งหมดแล้ว!
ร่างกายของคนนั้นอ่อนแอขนาดนั้น เมื่อกี๊เขาไม่ได้ใส่ใจในคนนี้เลยเสียด้วยซ้ำ เพียงแต่สังเกตคนที่ร่างกำยำข้างๆเขาคนนั้น แต่ตอนนี้เขาเพิ่งจะรู้ ว่าตัวเองคิดผิดไป คิดผิดไปมากด้วย ไอ้นั่น มันทำได้อย่างไรกัน?หรือขีดจำกัดของร่างกายมนุษย์ไม่ใช่ต่อสู้หนึ่งต่อหนึ่งร้อยหรอกเหรอ?
อาเปียวกลืนน้ำลาย แล้วเหงื่อไหลออกมาอย่างกลั้นไว้ไม่อยู่ ตอนนี้เขารู้สึกโชคดีที่เมื่อกี๊ไม่ได้ลงมือก่อน ถ้าลงมือก่อนล่ะก็ อาจจะเป็นพวกเขาที่จบเห่
หลงเสี่ยวเฟิงตัวสั่นขึ้นมา เขาตกใจเข้าให้แล้ว เขามองคนที่โอหังไม่หวาดกลัวใดๆที่อยู่ในหมู่คนนับพันอย่างอ้าปากค้าง เขาใช้แค่สองมือ ฟิ่วๆๆไม่กี่ครั้ง แค่ฟิ่วๆๆไม่กี่ครั้งก็ฟันไปเป็นกองเป็นกอง
ไอ้นี่มันอะไรกันเนี่ย ทำไมถึงได้ฆ่าได้อย่างได้อย่างกำเริบเสิบสานที่ตระกูลกาวแบบนี้ได้?
เขายกมือจับแขนของอาเปียวอย่างตัวสั่น ในมือของเขามีเหงื่อไหลออกมา เขาจับแขนของอาเปียวจนชื้นไปหมด เขาถามอย่างอ้ำๆอึ้งๆว่า “ลุงๆๆเปียว เขาๆๆ เขายังเป็นคนอยู่มั้ย?”
อาเปียวยกมือขึ้นมาปาดเหงื่อบนหน้าผาก พยักหน้าแล้วกล่าว “เป็นคน คนที่แข็งแกร่งมากคนหนึ่ง!”
“มันใช้มีดฟันคน หรือใช้มือ?” เสียงของหลงเสี่ยวเฟิงสะอื้น เขาตกใจจนจะร้องออกมาแล้ว
อาเปียวหายใจเข้าลึกๆ สงบสติอารมณ์ แล้วกล่าวอย่างแสร้งทำเป็นใจเย็นว่า “ดูเหมือนใช้มีด น่าจะเป็นกริชที่แหลมคนเล่มหนึ่ง ซ่อนไว้ที่ฝ่ามือ”
“แต่ๆๆ แต่ผมมองไม่เห็นนะ!” หลงเสี่ยวเฟิงยังคงพูดด้วยน้ำเสียงจะร้องไห้
อาเปียวนิ่งเงียบไปสักพัก เพราะเขาก็ไม่คาดคิดเหมือนกัน
“งั้น พวกๆๆเรายังจะรอให้มันออกมามั้ย?” หลงเสี่ยวเฟิงถาม ตอนที่ถามเขาล่ะอยากที่จะจากไปเดี๋ยวนี้เลย ถ้าเดี๋ยวถูกไอนั่นจับได้ ไม่รู้ว่าตัวเองจะเป็นอย่างไร
เขาไม่มั่นใจในลุงเปียวอย่างมาก แม้ลุงเปียวจะแข็งแกร่งมาก แต่การต่อกรกับสองคนนี้ เขาไม่เห็นดีเห็นงามกับลุงเปียวแต่อย่างใด ไอ้นั่นต่อสู้กับคนเป็นพันโดยไม่ต้องขอความช่วยเหลือจากใคร ไม่ต้องใช้อาวุธใดๆ ใช้เพียงมือเดียวก็ฟันจนคนเลือดออกได้ เหตุการณ์นี้จะเห็นได้แค่ในตำนานที่อยู่ในทีวีเท่านั้น ฉากนี้ห่างไกลจากความจริงไปแล้ว
แต่ลุงเปียวมากสุดก็แค่ต่อสู้กับคนในความจริงเท่านั้น เมื่อเอาทั้งสองคนมาเทียบกัน คนล่ะชั้นกันโดยสิ้นเชิง!
หลังจากที่อาเปียวเงียบไปหลายวินาที จึงได้กล่าวว่า “พวกเราไปกันเถอะ!”
เมื่อขึ้นมานั่บนรถ อาเปียวสูดหายใจเข้าลึกๆ ในหัวนึกถึงแต่ฉากการต่อสู้ที่น่ากลัวที่เกิดขึ้นเมื่อกี๊ไม่หยุด เขากลืนน้ำลายลง เหงื่อได้ไหลลงมาจากหน้าผาก
“เสี่ยวเฟิง เอาบุหรี่มาให้ลุงหนึ่งตัว!” อาเปียวยกมือขึ้นส่งสัญญาณให้หลงเสี่ยวเฟิง
หลงเสี่ยวเฟิงคลำไปที่ตัว จากนั้นก็หยิบซิการ์ออกมา เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วยื่นบุหรี่ให้อาเปียว จากนั้นได้ถามว่า “ลุงเปียว ลุงกลัวเหรอ?”
อาเปียวรับบุหรี่มา หลังจากที่ลังเลไปหลายวินาที จึงได้ถามไปว่า “กลัว?กลัวอะไร?”
หลงเสี่ยวเฟิงมองไปในคฤหาสน์ของตระกูลกาว หรี่ตาแล้วถาม “ลุงเปียว ลุงชนะไอ้นั่นมั้ย?”
อาเปียวกดความกลัวที่มีอยู่ในใจไว้ แล้วกล่าว “เสี่ยวเฟิง ต้องยอมรับนะว่าแกยังเด็ก แกคิดว่าการจัดการคนสักคนมันง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ?ไอ้นั่นมันฆ่าคนที่ตระกูลกาวได้ขนาดนี้ แล้วยังไม่มีใครมาจัดการอีก นี่หมายถึงอะไร หมายถึงมันมีเบื้องหลังที่แข็งแกร่ง ลุงถามแกนะ เบื้องหลังของตระกูลกาวคือใคร?”
หลงเสี่ยวเฟิงนิ่งไปสักพัก แล้วกล่าว “ตระกูลฟาง!”
อาเปียวกล่าว “นั่นไง แม้แต่ตระกูลฟางมันยังไม่กลัว ถ้าเดี๋ยวลุงต่อสู้กับมันขึ้นมา ก็หมายถึงทำผิดต่อมัน!ลุงไม่ได้กังวลเรื่องฝีมือของมัน แต่เบื้องหลังของเขา แบบนี้จะนำพาวิกฤตที่ไม่ควรมาให้พ่อของแกได้”
เมื่อได้ยินอาเปียวชี้แจงให้ฟัง หลงเสี่ยวเฟิงก็รู้สึกว่าเป็นแบบนั้นจริงๆ
ด้วยเหตุนี้หลงเสี่ยวเฟิงจึงถาม “ลุงเปียว ลุงชนะไอ้นั่นได้มั้ย?เหมือนเขาจะเก่งกาจมากเลยนะ!”
อาเปียวจุดซิการ์ สูดเข้าลึกๆ แล้วพ่นออกมายาวๆ เขาใส่แว่นอีกครึ่ง แล้วหัวเราะ “ฮ่าๆๆ ชนะมั้ย?ลุงเคยกลัวใครบ้างล่ะ?แม้ไอ้นี่จะแข็งแกร่งมาก แต่ลุงเห็นจุดอ่อนมันแล้ว!ต่อให้ลุงไม่มั่นใจว่าจะชนะมัน ลุงก็พอจะสู้กับมันได้อยู่บ้าง!”
ยังไงการขี้โม้ก็ไม่ผิดกฎหมาย อาเปียวในฐานะที่เป็นผู้อาวุโสของหลงเสี่ยวเฟิงจะเสียภาพพจน์อันสูงส่งของตัวเองไปไม่ได้ ถ้าตนยอมรับว่าขี้ขลาด เมื่อหลงเสี่ยวเฟิงพูดออกไป แล้วตนจะยืนหนึ่งต่อหน้าพี่น้องสหายได้อย่างไรกัน?
“เมื่อนานมาแล้ว มีอยู่ครั้งหนึ่งที่ลุงถูกคนเป็นร้อยหาเรื่อง พวกเขาถือว่าคนเยอะแล้วจะรังแกลุงได้ แต่ถูกฉันเล่นงานจนหมด ลุงไม่เหมือนกับไอ้นั่น ลุงใช้หมัด มันใช้มีด!”
เมื่อหลงเสี่ยวเฟิงได้ยินอาเปียวพูดดังนี้ ก็ชะงักไป แล้วถาม “จริง จริงเหรอ?”
อาเปียวเหอะออกมา แล้วตะคอก “แล้วลุงจะหลอกแกทำไมวะ?รีบไปเถอะ!”
หลงเสี่ยวเฟิงส่งเสียงอ๋อออกมา แล้วขับรถจากไป
ในคฤหาสน์เต็มไปด้วยผู้คนที่บาดเจ็บ พันกว่าคนล้มลงกับพื้นทั้งหมด กอดมือร้องคร่ำครวญอย่างเจ็บปวด ใบหน้าของฟางเหยียนยังคงนิ่งสงบเช่นเคย ท่าทียังคงยโสโอหังไม่เปลี่ยน เขาก้าวไปข้างหน้าอีกก้าว แล้วจ้องไปที่กาวหรง
ไม่ถึงสามนาที พันกว่าคนราบเป็นหน้ากลอง กาวหรงตกใจตั้งแต่แรกแล้ว นี่มันพันกว่าคนนะ แล้วยังเป็นนักเลงที่ต่อสู้อยู่เป็นประจำอีกด้วย ในนั้นยังมีคนที่ต่อสู้หนึ่งต่อสิบอีกด้วย แต่ตอนนี้ราบเป็นหน้ากลองไปหมดแล้ว
จะ จะไม่ให้กาวหรงตกใจได้อย่างไรกัน เขายั่วโมโหใครกันนะ?ไม่สิ นี่ไม่ใช่คน!นี่มันปีศาจ แค่คนเดียวก็ทำลายพันกว่าคนได้ แล้วยังไม่บาดเจ็บอะไรอีก แม้แต่เสื้อผ้าก็ไม่หลุดรุ่ยแต่อย่างใด นี่ไม่ใช่พลังที่คนปล่อยออกมาได้ ดังนั้นถ้าเขาไม่ใช่ปีศาจ แล้วเป็นอะไร!
เขาอ้าปากค้าง มองไปยังสายตาไร้อารมณ์คู่นั้นของฟางเหยียน จากนั้นก็กล่าวอย่างตัวสั่นว่า “แก แกๆๆๆจะทำอะไร?รู้มั้ยว่าฉันเป็นใคร?ฉันเป็นอาเขยของตระกูลฟาง แก แกจะต้องเจอกับการล้างแค้นของตระกูลฟาง!”
ตอนนี้ ก็มีแต่ต้องย้ายออกจากตระกูลฟางแล้ว แม้ไม่รู้ว่าไอ้นี่เกี่ยวข้องกับตระกูลฟางอย่างไร แต่ถ้าย้ายออกมาจากตระกูลฟาง เขาหวังว่าจะสามารถปกป้องชีวิตขอตัวเองไว้ได้!
ฟางเหยียนไม่พูดใดๆ ก้าวไปข้างหน้าอย่างเงียบๆอีกก้าว กาวหรงรู้สึกถูกภูเขามากดทับตัวเองไว้ แล้วยังทับที่หัวของเขาอีกด้วย ตอนนี้ค่อยๆดันลงไปด้านล่าง
นี่เป็นครั้งแรกที่กาวหรงมีความรู้สึกแปลกๆแบบนี้ เขากำลังกลัวอยู่เหรอ?ไม่สิ ไม่ใช่กลัว ถ้ากำลังกลัว ตนตั้งสติสักหน่อยก็จะไม่มีความรู้สึกแบบนี้แล้ว ต่อให้กลัว ก็เป็นแค่นิดๆหน่อยๆเท่านั้น แต่นี่ไม่เหมือนกัน ไม่ว่าตนจะตั้งสติอย่างไร นี่ก็เป็นการกดขี่จริง เหมือนกับมีของอะไรกดตัวเองไว้ เขาไม่เข้าใจว่าต้นเหตุคืออะไร แต่ตนก็รับรู้ได้ถึงการขี่ที่แปลกประหลาดนี้อย่างจริงๆจังๆเข้าให้แล้ว!