จอมนักรบทรงเกียรติยศ - ตอนที่ 369
หญิงชุดดำส่งเสียงเชอะออกมา แล้วกล่าว “กล้ามาก นึกไม่ถึงว่าจะกล้าฆ่าคนที่นี่”
เมื่อพูดจบ จู่ๆสาวชุดดำโยนของสิ่งหนึ่งไปทางเทียนขุย เป็นอาวุธลับ เห็นเพียงเข็มบินสามเข็มลอยไปที่เทียนขุย เทียนขุยขยับไปทางข้าง หลบการโจมตีของเข็มทั้งสามได้สำเร็จ เข็มบินทั้งสามลอยไปที่ด้านหลัง ปักเข้าไปในเสาไม้อย่างลึกๆ เข็มบินเข้าปักเข้าไปด้านในทั้งเข็ม เหลือไว้แค่รู หญิงสาวคนนี้โจมตีอย่างโหดเหี้ยม
ไม่รอให้เทียนขุยตั้งตัวทัน สาวคนนั้นก็ลอยขึ้นไปในอากาศ เธอใช้ท่าที่เหมือนกับหญิงสาวผ้าคลุมหน้า โจมตีเทียนขุยจากที่สูงลงมา แต่สิ่งที่ทั้งสองไม่เหมือนกันคือ พลังไม่เหมือนกัน
พลังของหญิงสาวคนนี้แข็งแกร่งกว่าหญิงผ้าคลุมหน้าไม่รู้ตั้งกี่เท่า ขาทั้งสองข้างของเธอพุ่งไปที่เทียนขุยอย่างรุนแรง เทียนขุยกำหมัด แล้วตะคอกออกมาว่า ”ขั้นที่แปด ขยี้!”
เสียงขั้นที่แปดขยี้นี้เต็มไปด้วยพลังแห่งการทำลายล้าง หมัดของเทียนขุยปล่อยประกายไฟที่มอดไหม้ทุกอย่างออกมา
และที่เท้าของหญิงสาวก็ปล่อยน้ำแข็ง ประกายไฟกับน้ำแข็งเจอเข้าด้วยกัน สาวชุดดำลอยอยู่ในอากาศ เทียนขุยยืนยึดมั่นอยู่ที่พื้น หนึ่งหมัดกับหนึ่งเท้า คนหนึ่งอยู่ข้างบนอีกคนอยู่ข้างล่าง พลังของทั้งสองเหมือนแข็ง อยู่ในอากาศไปแล้ว
แรกเริ่ม รอบๆเงียบสงัดจนน่าแปลกใจ ต่อมา ค่อยๆกลายเป็นวุ่นวายขึ้น จู่ๆพายุได้พัดไปรอบๆสวน พัดดอกไม้ที่อยู่ในกระถางและต้นไม้สั่นไหว ลมนี้ได้พัดไปที่หน้าของฟางเหยียนเช่นกัน จนทำให้หน้าของฟางเหยียนขยับไปมา นี่เป็นประโยชน์ของชี่ ทั้งคู่เป็นยอดฝีมือที่สามารถปล่อยชี่ออกมาด้านนอกได้ เมื่อใช้ชี่ต่อสู้กันจึงทำให้เกิดการสั่นไหวรอบๆข้าง นี่เป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้น สำหรับฟางเหยียนแล้ว ไม่ได้เป็นเรื่องประหลาดอะไรตั้งนานแล้ว
คนอื่นไม่สามารถมองเห็นชี่ น้ำแข็งและเปลวไฟที่พวกเขาปล่อยออกมาได้ แต่ฟางเหยียนเห็นได้อย่างชัดเจน ตอนนี้ถ้ามีคนเข้าไปหาสองคนนั้น จะต้องถูกเข้ากับชี่จนลอยไป
ตอนที่พลังภายในของทั้งคู่ชกเข้ากันจนถึงจุดสุดยอดนั้น ขาทั้งสองของเทียนขุยเริ่มสั่น! และหญิงสาวก็กำหมัดที่สั่นคลอนอย่างแน่น ทั้งสองกัดฟันแล้วเตรียมจะโจมตีครั้งสุดท้าย
และแล้ว ทั้งสองก็ระเบิดพลังออกมา ชี่ที่อยู่ระหว่างกลางระเบิดออกมา ได้ยินเพียงเสียงปัง ทั้งคู่ต่างถอยหลังไปหลายก้าว ร่างกายของเทียนขุยถอยไปจนถึงหน้าด้านของฟางเหยียน ฟางเหยียนจึงได้ใช้มือกันไว้ให้
หลังจากที่สาวชุดดำถอยหลังไปสองก้าวแล้วก็ตั้งหลักยืนอย่างมั่นคง จากนั้นเธอก็ก้าวไปด้านหน้าอีกเร็วอีกอย่าง ทุกๆย่างก้าวของเธอราวกับจะทำลายเทียนขุยให้ได้ หลังจากที่เดินไปสามก้าวแล้ว ร่างกายของเธอปรากฏเป็นผืนน้ำอันเยือกเย็นขึ้นทันใด
ผืนน้ำนั้นค่อยๆเปลี่ยนไปอย่างช้าๆ ทันใดนั้น ก็ได้กลายเป็นแท่งน้ำแข็ง จู่ๆแท่งน้ำแข็งก็ทอดยาว ไปยังที่เทียนขุย ถ้าเธอยังเดินหน้าต่อไป แท่งน้ำแข็งนั้นจะโจมตีไปที่ฟางเหยียน ถึงตอนนั้นเทียนขุยจะต้องรับรู้ถึงความเจ็บปวดที่ทิ่มแทงเข้าไปในจิตใจ ไม่ต้องสงสัยเลยสักนิด ว่าหญิงสาวคนนี้ถูกเทียนขุยยั่วโมโหเข้าให้แล้ว ดังนั้นจึงได้คิดที่จะฆ่า
เทียนขุยอยากจะเข้าไปโจมตีอีกครั้ง แต่ถูกฟางเหยียนจับแขนไว้
ฟางเหยียนกล่าวอย่างเลือดเย็น “เดี๋ยวผมจัดการเอง!”
เมื่อพูดจบ ฟางเหยียนก็เข้าไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นเขาก็ลอยขึ้นไปในอากาศ เตะไปที่หญิงสาวคนนั้นอย่างรุนแรง แว็บเดียว หญิงสาวคนนั้นยังไม่ทันได้ตั้งตัว ก็เห็นประกายไฟขาวเข้ามาที่ตัวเอง
ได้ยินเสียงปังดังขึ้น แท่งน้ำแข็งที่อยู่ด้านหลังของหญิงสาวคนนั้นหายไปหมดแล้ว จากนั้นก็ได้ถีบไปที่สาวชุดดำ หญิงสาวยกมือขึ้นมารับเท่านั้น ครั้งนี้ตั้งรับทันแล้ว ผู้ที่ยืนอยู่บนพื้นคือสาวชุดดำ และผู้ที่อยู่ในอากาศกลายเป็นฟางเหยียนแล้ว ฟางเหยียนเพิ่มพลังที่เท้าลงไปอีกโดยไม่ไยดี ด้วยเหตุนี้หญิงชุดดำจึงได้ถอยหลังไปกว่าหลายสิบเมตร พลังของเท่านั้นมีมหาศาล เป็นพลังการโจมตีที่เธอรับไม่อยู่
จนกระทั่งเธอถอยไปชนกับเสาอย่างรุนแรงร่างกายของเธอจึงได้หยุดลงได้ แต่ตอนที่หยุดลง เธอกลับรู้สึกความเจ็บปวดจากการที่กระดูกแตกละเอียด พลังเท้าของคนนี้เหมือนมีความหนักกว่าพันกรัม ถีบเข้าไปที่เธออย่างหนักหน่วง
เดิมทีเขาคิดว่าชายกำยำคนนั้นเป็นการ์ดของคนนี้ ตอนนี้เธอเพิ่งจะรู้ว่าคนนี้ต่างหากที่เป็นยอดฝีมือตัวจริง ท่าเดียว แค่ท่าเดียวก็ทำลายอาวุธของเธอจนแตกกระจาย แล้วยังซัดเธอจนพินาศ!พลังการโจมตีแบบนี้ช่างน่ากลัวเสียจริง เมื่อก่อนเธอไม่เชื่อว่าประเทศหวาเป็นที่ซ่อนของเหล่ายอดฝีมือ จนกระทั่งวันนี้ สุดท้ายเธอก็ได้เข้าใจแล้วว่าอะไรคือที่ซ่อนของเหล่ายอดฝีมือ!
“หยุดเดี๋ยวนี้!” จู่ๆ เสียงอันทรงพลังดังขึ้น จากนั้นประตูใหญ่ของบ้านได้ถูกเปิดออก มีชายวัยกลางคนสวมชุดคอจีนเดินออกมา ด้านหลังของชายวัยกลางคนตามมาด้วยผู้หญิงและผู้ชายอีกหลายคน ผู้หญิงและผู้ชายเหล่านั้นหน้าตาไม่เหมือนกับคนในประเทศ กลับหน้าตาเหมือนชาวต่างชาติ แต่คนพวกนี้ดูๆแล้วกลับเหมือนกับสมาชิกในครอบครัวของเขา
ฟางเหยียนมองชายวัยกลางคนตั้งแต่หัวจรดเท้า อายุราวๆห้าสิบกว่าปี ใส่ลูกประคำไว้ที่ข้อมือ และใส่พระหยกไว้ที่คอ ลักษณะอ้วนท้วน และมีความมั่งคั่งที่บรรยายไม่ถูก
ความเคร่งขรึมของเขา เมื่อมองแล้วไม่ใช่คนที่ดีอะไร!แต่ภายใต้ความเคร่งขรึมได้หลบซ่อนความเจ็บปวดบางๆไว้ ดูออกว่าเขากำลังเจ็บปวดกับเรื่องบางอย่างอยู่
“คุณผู้ชาย กรุณาเมตตาด้วยเถิด!” ชายวัยกลางคนโค้งคำนับ กล่าวกับฟางเหยียนอย่างนอบน้อม
ฟางเหยียนหยุดการโจมตี แล้วดูแคลนออกมา เขาไม่แม้แต่จะมองหญิงสาวที่อยู่ใต้เท้าของเขาเลยแม้แต่น้อย แล้วกล่าวอย่างโมโหว่า “ในเมื่อพวกคุณไม่มีใจให้ผมรักษา แล้วจะให้ผมเข้ามาทำไม?”
“เทียนขุย ไปกันเถอะ!” เมื่อพูดจบ ฟางเหยียนได้เดินออกไป
ชายวัยกลางคนรีบกล่าว “คุณผู้ชาย หยุดก่อน!ที่พวกเราทำแบบนั้น ก็ทำเพราะจำใจ”
ฟางเหยียนหยุดเดินโดยปริยาย หันไปมองชายวัยกลางคนแล้วกล่าว “หมายความว่าไง?”
ชายวัยกลางคนกล่าว “หลังจากที่พวกเราหาหมอของแต่ล่ะพื้นที่มา ก็เจอคนหลอกลวงมาไม่น้อย คนพวกนั้นมาเพื่อฉวยโอกาส เช็คลูกชายผมนู่นทีนี่ที เช็คไปเช็คมาก็ไม่ได้อะไร ดังนั้นผมทำได้เพียงกำหนดนโยบายแบบนี้ บีบความสามารถที่แท้จริงออกมา จึงจะตัดสินใจว่าจะรักษาลูกชายของผมได้หรือไม่”
คนผู้นี้คือเจี่ยเกิงจื่อคุณท่านของตระกูลเจี่ย!เกิดปีชวด จึงได้ชื่อเจี่ยเกิงจื่อ
ฟางเหยียนไม่พูดอะไร เทียนขุยได้พูดขึ้นมาว่า “แต่คุณต้อนรับแขกอย่างไร้มารยาท ล่วงละเมิดจอมพลโผ้จวินของพวกเรา!ไม่ฆ่าไอ้สวะสองคนนี้ ก็ถือว่าไว้หน้าคุณแล้ว”
“ครับๆๆ!ผมรู้ว่าล่วงละเมิดพวกคุณทั้งสองแล้ว ขอพวกคุณได้โปรดอย่าถือสากันเลยนะ ผมจะชดเชยผลกระทบที่กระทำกับพวกคุณ ผมชดเชยให้พวกคุณร้อยล้านเป็นไงครับ?นั่นหมายถึงว่าไม่ว่าพวกคุณจะรักษาอาการของลูกชายผมได้หรือไม่ได้ ผมก็จะให้พวกคุณร้อยล้าน หลังจากที่รักษาหายแล้ว ยังมีค่าตอบแทนอีกพันล้าน” เจี่ยเกิงจื่อรีบกล่าว
ชดเชยร้อยล้าน นี่ถือเป็นเงินจำนวนมากแล้ว สมแล้วที่เป็นเศรษฐีอันดับหนึ่งของเอเชีย มีเงินมหาศาล ฟางเหยียนและเทียนขุยไม่ได้รับบาดเจ็บ แล้วได้รับร้อยล้านแบบนี้ เจี่ยเกิงจื่อมองว่า อย่างนี้ถือเป็นการแสดงน้ำใจของตนเองแล้ว