จอมนักรบทรงเกียรติยศ - ตอนที่ 374
คนตระกูลเจี่ยเห็นดังนั้น ต่างคิดหาทางพยุงขึ้น แต่เจี่ยเกิงจื่อกลับโบกมือปฏิเสธพวกคนที่จะพยุงเขาลุกขึ้น พลางว่า “พวกนายอย่าขยับ ให้ผมคุกเข่า!”
“คุณท่าน! คุณเป็นเจ้าตระกูลเย่โล่ จะคุกเข่าได้ยังไงครับ?” คนพวกนั้นถามด้วยสีหน้าตกตะลึง
เขาน้ำตาอาบแก้ม และไม่ตอบคำถามคนคนนั้น ได้แต่มองฟางเหยียนด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย
หลังจากร้องไห้สักพัก เขาพูดพร้อมน้ำตาอาบแก้มว่า “เทพหมอฟาง ผมเองก็ไม่รู้ว่าชีวิตนี้ทำผิดอะไรมา มีลูกชายกับเขาแค่คนเดียว แถมยังเป็นลูกหลง ผมอายุสามสิบแปดแล้ว ถึงได้มีลูกชายคนนี้กับภรรยา สำหรับผมแล้ว ลูกชายคนนี้เป็นความหวังทั้งหมดในชีวิตผม แต่ผมไม่คิดเลยว่าเขาอายุพึ่งจะยี่สิบปี ก็เป็นโรคประหลาดนี้ อย่าพึ่งพูดถึงเรื่องทรัพย์สมบัติ เอาเรื่องความผูกพันมาพูด ลูกคนนี้เป็นความรักเพียงหนึ่งเดียวของผม เห็นลูกคนนี้เติบโตอย่างแข็งแรงเป็นความหวังในชาตินี้ของผม ผมไม่หวังให้เขาร่ำรวยอะไรมากมาย ขอเพียงให้เขาแข็งแรงสุขภาพดีก็พอ เทพหมอฟาง ผมขอร้องคุณช่วยรักษาลูกผมด้วยเถอะ ต่อให้คุณต้องการทรัพย์สมบัติของผมทั้งหมด ผมก็จะยกให้คุณทั้งหมดเลย ผมหวังแค่ให้ลูกผมแข็งแรง”
คำพูดนี้กระแทกใจทุกคนที่อยู่ที่นั่น นี่คือความยิ่งใหญ่ของความรักของพ่อ! พ่ออาจจะแสดงออกว่าไม่ได้สนใจลูกตนเท่าไหร่ มักทำตัวเป็นพ่อที่เข้มงวด แต่พอลูกเกิดเรื่อง เขามักจะตื่นเต้นและวุ่นวายใจมากกว่าทุกคน
ฟางเหยียนไม่ใช่หุ่นยนต์ เขามีความรู้สึก ในส่วนลึกของใจเขาก็มีความรู้สึกแบบนี้เหมือนกัน
ตอนแรกที่พ่อแม่ของเขาถูกฆ่า และโอบเขาไว้ในอ้อมแขนแน่นๆ ไม่ยอมให้เขาเห็นภาพเลือดสาดนั่น จนต่อมาเขาสลบลงไปท่ามกลางกองเลือดของพ่อกับแม่ ครอบครัวตายจากกันมันเจ็บแค่ไหน ฟางเหยียนเข้าใจ เขาเข้าใจดี
ตอนนี้เจี่ยเกิงจื่อเจอเหตุการณ์คนแก่ต้องมาส่งศพเด็ก ความรู้สึกแบบนี้ฟางเหยียนเองก็เข้าใจ! ต่อให้ฆ่าคนจนชิน จนเลือดเขาเย็นชาเป็นเลือดเย็น แต่พอเขามาอยู่ข้างเย่ชิงหยู่ เขาก็ได้รับรู้ความอบอุ่นของโลกมนุษย์อีกครั้ง ทำให้เขาเริ่มมีความรู้สึกดีกับโลกนี้อีกครั้งหนึ่ง
เจี่ยเกิงจื่อก็แค่คนที่อยากช่วยลูกชายตัวเอง เขาไม่ได้ทำอะไรผิด สำหรับความเป็นพ่อแล้ว เขาเป็นพ่อที่ดี ตอนแรก ลุงเย่ก็ทำแบบนี้กับตนมาตลอดไม่ใช่หรือไง?
บนตัวเจี่ยเกิงจื่อ เขาเห็นเงาของลุงเย่ บางทีอาจจะไม่ใช่เพื่อช่วยเหลือเจี่ยเกิงจื่อ ไม่ใช่เพื่อให้ได้เบาะแสขององค์กรสัตว์เพลิง แต่เป็นเพราะซาบซึ้งกับความรักที่จริงใจแบบนี้ของเจี่ยเกิงจื่อล่ะมั้ง!
พอคิดถึงตรงนี้ ฟางเหยียนสูดลมหายใจเข้าปอดลึก จับจ้องสายตาไปที่เจี่ยเกิงจื่อที่ร้องไห้น้ำตาไหลพราก ก่อนพยักหน้าน้อยๆว่า “เอาเถอะ! ผมรับปากจะดูให้”
“อ๊า!” เจี่ยเกิงจื่อตื่นเต้นสุดๆ เขารีบโขกศีรษะลงพื้นพลางว่า “ขอบคุณเทพหมอฟาง ขอบคุณเทพหมอฟาง! ขอเพียงคุณยื่นมือเข้าช่วย ลูกชายผมต้องรอดแน่!”
เหมิงซานหันไปมองฟางเหยียน ในใจเศร้าสร้อยมาก หมอนี่คิดเบ็ดเสร็จในมใจมาเรียบร้อยแล้วนี่นา! ในสายตาเหมิงซานแล้ว ฟางเหยียนคือได้ยินคำที่เจี่ยเกิงจื่อบอกว่าจะยกทรัพย์สมบัติให้ทั้งหมดถึงใจอ่อน การที่เขาขอร้องเพื่อตระกูลเจี่ย เป็นเพราะหมอนี่มีฝีมือจริงๆ สามารถใช้แค่ฝ่ามือเดียวก็ทำEvergreenเฉาลงได้ ไม่มีฝีมือจริงทำไม่ได้หรอก
พอคิดถึงตรงนี้ เหมิงซานอดปวดหัวแทนวงการแพทย์แผนจีนของประเทศหวาไม่ได้ เขาต้องการโอกาสสักหนึ่งครั้งในการฟื้นฟูการแพทย์แผนจีนของประเทศหวา แต่เขาแก่มากแล้ว ไม่สามารถทำด้วยตัวเองได้ และแพทย์แผนจีนที่ร้ายกาจบางส่วนก็หลบซ่อนตัว ไม่ยอมออกมาเปิดโลก บอกว่าจะเป็นการลบหลู่วิชาแพทย์ที่ตนร่ำเรียนมา ตอนนี้ได้พบเข้าหนึ่งคน กลับเป็นพวกโลภมากแบบนี้
การแพทย์แผนจีนวิจัยกันที่จิตใจ คนที่จิตใจไม่ดี หวังแค่เงินต่อให้มีฝีมือมากแค่ไหน ก็ไม่มีทางได้รับการยอมรับ! พอคิดถึงตรงนี้ เหมิงซานรู้สึกหมดหวังอย่างหาที่เปรียบไม่ได้กับการแพทย์แผนจีนของประเทศหวา
แต่เขาไม่ได้ว่าชายหนุ่มคนนี้แต่อย่างใด คนเรายอมตายได้เพื่อเงิน นี่ไม่ใช่อะไรง่ายดายแบบคำพูดหนึ่งแล้ว
ทุกคนมีทางเลือกของตัวเอง ธุรกิจของตระกูลเจี่ยในสายตาคนแก่อย่างตนไม่เท่าไหร่ แต่ในสายตนคนอื่นกลับไม่ใช่แบบนั้น เหมิงซานเอ๋ยเหมิงซาน นายจะให้คนอื่นคิดเหมือนนายได้ยังไงกัน
พอคิดถึงตรงนี้ เหมิงซานส่ายหัวอย่างหน่ายใจ!
ช่างมันละกัน ดูฝีมือหมอนี่ก่อน ถ้าเขามีฝีมือจริงๆ บางทีวันหนึ่งอาจจะพัฒนาอะไรได้ พอคิดถึงตรงนี้ เหมิงซานถอนหายใจออกมาหนึ่งเฮือก ลูบเครา เดินเข้าไปด้านในห้อง
ที่จริงความคิดของเหมิงซานง่ายมาก เขาคิดแค่ว่าเพื่อให้วัฒนธรรมการแพทย์แผนจีนของประเทศหวาได้รับการเผยแพร่ ยิ่งอยู่มานาน ยิ่งมองได้ชัดขึ้น! คนอย่างเขาเหมิงซานอยู่มาร้อยกว่าปี มาวันนี้แค่หวังอยากให้วัฒนธรรมประเทศหวาได้รับความเคารพ
ฟางเหยียนเดินตามคนหลายคนเข้าไปในห้องกว้างห้องหนึ่ง ภายในห้องมีเตียงหนึ่ง
เตียงไม่ได้อยู่ชิดผนัง แต่กลับวางอยู่กลางห้องเลย ทั้งแปดทิศวางเหรียญทองแดงไว้ทิศละหนึ่งอัน เหรียญทองแดงนั่นไม่ได้วางอยู่บนพื้น แต่กลับตั้งขึ้น ฟางเหยียนมองแวบหนึ่ง ก็รู้แล้วว่าเตียงนี้ใช้เพื่อวางแปดทิศแบบสร้างขึ้น
ตำแหน่งนี้เป็นจุดหยางพอดี และก็เป็นจุดหยินแรงที่สุดในห้องนี้ด้วย แบบนี้เท่ากับว่า จะสามารถป้องกันไม่ให้วิญญาณคุณชายน้อยเจี่ยโดนแย่งไปได้ นี่เป็นวิชาหนึ่งในวิชาเหมาซาน เรียกว่าสะกดวิญญาณ!ถ้าเขาเดาไม่ผิด บนตัวคุณชายน้อยเจี่ยคงวางเหรียญทองแดงไว้อีกห้าเหรียญ โดยเหรียญทองแดงทั้งห้านี้จะวางอยู่ในตำแหน่งหัวใจ ตับ ม้าม ปอดและไตทั้งห้าตำแหน่งของเขา
พอคิดมาถึงตรงนี้ ฟางเหยียนก้าวเท้าเข้าไปจนถึงตัวคุณชายน้อยเจี่ย คุณชายน้อยหน้าตาออกแบบลูกครึ่ง ดูมีสายเลือดตะวันตกอยู่ด้วย และมีสายเลือดตะวันออกปะปน โหงวเฮ้งดูไม่เลว น่าจะเป็นคนมีจิตใจดี เพียงแต่ในตอนนี้ดูผอมบาง ไม่มีเนื้ออะไรเลย เหลือแต่หนังหุ้มกระดูก บนตัวคุณชายน้อยเจี่ย ฟางเหยียนเห็นเหรียญทองแดงทั้งห้านั่น แบ่งกันวางตามตำแหน่งหัวใจ ตับ ม้าม ปอดและไต ค่ายกลแบบนี้ ถ้าไม่ใช่ปรมาจารย์แล้ว ทำไม่ได้จริงๆ
“ค่ายกลแปดทิศหยาง! ห้าองค์ประกอบทำให้ใจสงบ!” ฟางเหยียนพึมพำคำพวกนี้ออกมา
เหมิงซานร้องออกมา “โอ้ คุณฟางเองก็รู้จักวิชาทิศทั้งแปดและธาตุทั้งห้าด้วยหรือครับ?”
“วิชาโบราณประเทศหวาทะลุทั่วถึงกัน การสืบทอดวิชาแพทย์มาก็คือการเรียนทิศทั้งแปดและธาตุทั้งห้า การรักษาคนก็เป็นการช่วยโดยวิเคราะห์จากวันเดือนปีเกิดของคน รวมถึงทิศทั้งแปดและธาตุทั้งห้า รวมถึงเสี่ยงทายกระดอง นี่เป็นค่ายกลต่อชีวิต!” ฟางเหยียนพูดออกมาทันที
เจี่ยเกิงจื่อพูดอย่างตกใจว่า “คุณพูดไม่ผิดเลย นี่เป็นค่ายที่ผู้อาวุโสเหมิงซานใช้ต่อชีวิตให้ลูกชายผม! เทพหมอฟางนี่สุดยอดจริงๆ! ขอให้เทพหมอฟางรีบดูอาการลูกชายผมด้วยครับ ผมอยากรู้อาการป่วยของลูกเต็มแก่แล้ว”
ฟางเหยียนพยักหน้าอย่างครุ่นคิด เขาจ้องเข้าไปในตาเจี่ยเกิงจื่อและพูดออกมาว่า “อาการป่วยของเขา คุณควรจะรู้ดีที่สุด!”
เจี่ยเกิงจื่ออึ้งไปเล็กน้อย ขมวดคิ้วมุ่นคิดอยู่นาน ก่อนจะส่ายหัวว่า “เทพหมอฟาง แปลว่าอะไรครับ? ผมไม่ใช่หมอ จะรู้ได้ยังไงว่าลูกชายผมป่วยเป็นอะไร!”