จอมนักรบทรงเกียรติยศ - ตอนที่ 377
เจี่ยเกิงจื่อจู่ๆก็เงยหน้าขึ้นมาจ้องตาฟางเหยียนเขม็ง ดวงตาฟางเหยียนคมปลาบ เหมือนมีดคมเล่มหนึ่ง สามารถเจาะทะลุใจส่วนลึกของตนได้ และเปิดโปงสิ่งที่ตนซ่อนไว้ในใจออกมา
ในฐานะเจ้าตระกูลของตระกูลร่ำรวยอันดับหนึ่งของทั่วทั้งเอเชีย เขาผ่านร้อนผ่านหนาวมามากมาย เจอคนมามากมาย แต่เขาไม่เคยเห็นใครมีสายตาคมปลาบแบบนี้มาก่อน แค่แวบเดียวก็มองทะลุคน ภายใต้สายตาของคนนี้ เจี่ยเกิงจื่อเหมือนเด็กน้อยไร้เดียงสาภายนอก แค่ไม่ระวังนิดเดียว อยากจะโกหกนิดเดียวก็โดนเปิดโปงหมด
เขาเริ่มละอายใจ นี่มันใครกันเนี่ย ทำไมถึงมีสายตาเทพได้แบบนี้
เขายังไม่ทันพูดอะไร กำลังเรียงร้อยถ้อยคำอยู่ ในใจกำลังคิดว่าจะพูดยังไงดี เหมิงซานเอ่ยปากแล้ว “สหายน้อย ผมว่าป่านนี้แล้ว เขาเองไม่จำเป็นต้องโกหกหรอก ทำไมคุณถึงคิดว่าคุณท่านเจี่ยจะโกหกล่ะ?”
ฟางเหยียนแค่นยิ้มเย็นพลางว่า “โกหกหรือเปล่ามีแต่ตัวเขาที่รู้ คุณว่างั้นไหม? เจี่ยเกิงจื่อ!”
อายุของเจี่ยเกิงจื่อห่างกันไม่น้อย เขากลับเรียกชื่อเจี่ยเกิงจื่อดื้อๆ ฟังดูไม่ค่อยมีมารยาทเท่าไหร่ แต่ตอนนี้เขายังได้ยินฟางเหยียนเรียกชื่อเขาตรงๆ ถ้าไม่สารภาพความจริง เขาจะไม่มีโอกาสอีก พอคิดอย่างนี้ เจี่ยเกิงจื่อกลืนน้ำลายดังเอื๊อก เขาเงยหน้ามองสบตาฟางเหยียน ตัดใจพูดออกมาว่า “ผมไม่ได้โกหก เมื่อกี้ผมพูดความจริง! นี่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นตอนนั้นจริงๆ”
ฟางเหยียนสีหน้าเย็นชาลงทันที เหมือนท้องฟ้าก่อนพายุโหมกระหน่ำ ดำทะมึนและน่ากลัว สายตาคู่นั้นของเขาเหมือนฟ้าแลบ พุ่งเข้าหาเจี่ยเกิงจื่อ ทำให้เขาสั่นเทาไปทั้งตัว
“ตอนนั้นของที่คุณขุดออกมาจากดิน คุณไม่ได้คืนกลับที่ และเก็บเอาไว้เอง ถ้าคุณไม่ได้เหลือของนั้นไว้ คุณไม่มีทางได้เป็นเจ้าตระกูลเย่โล่!” ฟางเหยียนโพล่งประเด็นสำคัญออกมา
ไม่นาน คำพูดนี้ก็เห็นผลได้ทันที เจี่ยเกิงจื่อเริ่มร้อนรนละ เขาปิดบังเรื่องนี้ไว้จริงๆ ในสายตาคนนี้ เขาเหมือนโดนมองทะลุก็ไม่ปาน เขาเริ่มสงสัยแล้วว่าตอนนั้นคนคนนี้อยู่ข้างกายเขา
พอคิดว่าคนคนนี้อยู่ข้างกายเขา เขาเริ่มเหงื่อแตกซิก
และเงยหน้าขึ้นมองฟางเหยียนอีกครั้ง สายตาของเขายังคงจับจ้องมาที่ตนเขม็ง เหมือนกำลังทวงหนี้ ถ้าเขาอยู่ข้างกายตนมาตลอด แล้วยังหนุ่มขนาดนี้ เขายังเป็นคนอีกหรือ? ไม่ เขาไม่ใช่คน งั้นต้องเป็นผีแน่ๆ!
เจี่ยเกิงจื่อกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก เหงื่อไหลพรากจากขมับลงมาที่คาง!
ฟางเหยียนพูดอย่างไม่รีบร้อนว่า “คุณจะไม่ยอมรับก็ได้ แต่ถ้าคุณไม่ยอมรับ ลูกชายคุณไม่รอดแน่ เพื่อความโลภส่วนตัว คุณทำร้ายคนมากมายขนาดนั้น ยังอยากได้จุดจบดี เหอะ น่าสนใจจริงๆ!”
เจี่ยเกิงจื่อลนลานแล้ว ตอนนี้ทั้งหัวเขานึกถึงแต่จะเก็บสายเลือดตนไว้ได้ยังไง ตนจะตายหรือไม่มันไม่สำคัญอีกต่อไป ถ้าสายเลือดตนขาดไป งั้นต่อให้เขาตายไปก็ไม่มีหน้าไปพบบรรพบุรุษอยู่ดี เขารีบเงยหน้าขึ้นมองฟางเหยียนพลางว่า “เทพหมอ ครับ ผมยอมรับ ผมเอาไป ของชิ้นนั้นผมเอาไปจริงๆ!”
ภาพลักษณ์ของเจี่ยเกิงจื่อพังทลายอีกครั้ง เขายกมือขึ้นตบกกหูตัวเองฉาดหนึ่ง ตบไปก็พูดไปพลางว่า “เป็นความผิดของผมเอง เป็นความผิดของผม! ตอนนั้นของที่พวกเราขุดออกมาได้คือไข่มุกกลมมากลูกหนึ่ง! พ่อตาผมบอกว่ามันเป็นมุกเทพที่มังกรเหลือไว้ การที่สถานที่นี้อยู่สงบมาได้หลายปีขนาดนั้นเป็นเพราะมุกเทพเม็ดนี้ สะกดทุกชีวิตใต้นี้ไว้ มันมีฤทธิ์ปัดเป่าความชั่วร้าย ใช้มาสะกดคนตาย ภายในระยะหนึ่งร้อยลี้นี้ไม่มีทางมีปัญหาวิญญาณออกอาละวาดแน่ คนเป็นถ้ามีไว้ จะสามารถเปลี่ยนดวงและปัดเป่าความชั่วร้ายได้!แถมยังทำให้อายุยืนยาวด้วย! พ่อตาผมบอกว่าเป็นของล้ำค่าที่โลกมนุษย์น้อยนักจะมี คนปกติอยากจะเห็นสักครั้งยังยาก
มีแต่คนที่วาสนาดีมากเท่านั้นถึงจะมีโอกาสได้เห็น เขาบอกว่าในเมื่อผมขุดมันออกมาแล้ว ก็ต้องฝังกลับไป แต่หลังจากฝังกลับไปแล้ว ชาตินี้ผมจะเป็นได้แค่คนธรรมดาคนหนึ่ง โทษผมเอง ตอนนั้นผมไม่อยากเป็นแค่คนธรรมดา ดังนั้นเลยตัดสินใจเอามันติดตัวไปด้วย เป็นความโลภ ความโลภของผมทำร้ายผมเอง ผมโตมาในตระกูลใหญ่แต่เด็ก ถ้าธรรมดาไม่มีอะไร นั่นคือเอาชีวิตผม มันเป็นโลกทัศน์ของผมในตอนนั้น ทัศนคติของผม ดังนั้นผมเลยไม่อยากเป็นแค่คนธรรมดา”
พูดมาถึงตรงนี้ เจี่ยเกิงจื่อหลั่งน้ำตาของความรู้สึกผิดออกมาอีกครั้ง ฟางเหยียนหัวเราะเสียงเย็นพลางว่า “ดังนั้นคุณเลยเอาของสิ่งนั้นไป ทำร้ายคนมากมายที่นี่ให้ตาย? เหตุผลที่คุณไปจากที่นี่ เพราะคุณรู้ว่าที่นี่จะมีคนตาย”
เจี่ยเกิงจื่อก้มหน้าลง น้ำตาไหลอาบแก้ม แต่หลังจากเขาได้ยินประโยคนี้ ก็เงยหน้าพรวดปฏิเสธทันควันว่า “ไม่! ตอนนั้นผมไม่รู้เลยว่าจะทำให้คนตาย พ่อตาผมไม่เคยบอกผมเลยว่าจะเกิดเรื่อง ถ้าผมรู้ ผมคงไม่ทำแบบนั้น เขาแค่บอกว่าผมไม่สามารถพัฒนาในประเทศต่อได้แล้ว ต้องไปพัฒนาที่ต่างประเทศแทน ดังนั้นผมเลยไปกับเขา”
ฟางเหยียนยิ้มเย็นว่า “ความโลภ น่ากลัวขนาดไหน! ใช้ความโชคดีของคุณแลกกับชีวิตคนมากมายขนาดนั้น ทำให้วิญญาณอาฆาตที่หลับใหลพวกนั้นได้รับการรบกวน คุณทำความผิดร้ายแรงระดับอาชญากรรม!ของสิ่งนี้ไม่ใช่สิ่งที่ไว้ใช้สะกดวิญญาณอาฆาตใต้ดินพวกนั้น แต่เป็นของที่พวกเขารักษาไว้ คุณเอาสิ่งที่พวกเขาปกป้องรักษาไป พวกเขามีหรือจะไม่ออกมาตามหา เจี่ยเกิงจื่อ ความโลภของคุณมันมากเกินไป!”
เหมิงซานเองก็ตกตะลึงเหมือนกัน เขาไม่คิดเลยว่าเจี่ยเกิงจื่อจะเกี่ยวพันกับเรื่องร้ายแรงขนาดนั้น งั้นหมอนี่รู้ได้ยังไงล่ะ? หรือว่าเขาจะสามารถอ่านใจคนได้จริงๆ?
เจี่ยเกิงจื่อตกใจจนอ้าปากค้าง เขากระโดดจากเก้าอี้ขึ้นมา และคุกเข่าลงต่อหน้าฟางเหยียนอีกครั้ง เขาอ้อนวอนอย่างน่าสงสารว่า “คุณครับ ตอนนี้ผมยอมเป็นคนธรรมดาแล้ว ผมรู้ว่าผมทำความผิดไว้ตอนนั้นมากมายแค่ไหน แต่จะช่วยลูกชายผมได้ไหม ขอเพียงสามารถช่วยลูกชายผมได้ ต่อให้ผมต้องสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างในตอนนี้ไป ผมก็ยอม”
ฟางเหยียนผงกหัวขึ้น หันไปมองคุณชายเจี่ยที่นอนบนเตียง หลังจากเงียบขรึมสักพัก พลางว่า “ที่ผมช่วยไม่ใช่ลูกชายคุณ แต่เป็นวิญญาณอาฆาตใต้ดินพวกนั้น วิญญาณอาฆาตที่หลับใหลมานานนับพันปี บางสิ่งจะดื้อรั้นนัก ก่อนตายปกป้องรักษาไว้ พอตายไปก็กลายเป็นวิญญาณอาฆาต แต่ยังปกปักรักษาที่ดินผืนนี้ไว้ตลอดมา”
เหมิงซานอ้าปากถามว่า “สหายน้อย ทำไมถึงรู้มากขนาดนี้ล่ะ? ผมไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อนเลย!”
ฟางเหยียนชะงักไปเล็กน้อยก่อนถามขึ้น “คุณเคยได้ยินเรื่องผีของสุ่ยหยุนต้งเทียนไหม?”
เหมิงซานลูบเครา พยักหน้าอย่างครุ่นคิดพลางว่า “เคยได้ยินมาบ้าง แต่นั่นเป็นตำนานนะ!”
ฟางเหยียนโบกมือบอก “ไม่ มันไม่ใช่ตำนาน! ผมเองก็พึ่งได้ยินระหว่างทางที่มา พี่น้องของผมเทียนขุยเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นที่นี่กับผม บวกกับผมดูภูมิประเทศของที่นี่ นี่เป็นแหล่งฮวงจุ้ยที่โครงสร้างซับซ้อน และยังเกิดตามธรรมชาติอีก แสดงว่าใต้ดินต้องมีสมบัติล้ำค่าซ่อนอยู่แน่ แต่มีของบางอย่างทำร้ายคน แสดงว่าสมบัตินั้นไม่อยู่แล้ว โดนคนเอาไป เลยทำให้พวกเขาออกมาทำร้ายคน”