จอมนักรบทรงเกียรติยศ - ตอนที่ 386
หลังจากที่เขาปรากฏกายแล้ว รอบๆเต็มไปด้วยพลังด้านมืด ด้านในโรงงานกระจกเทมเปอร์ที่เดิมทีเงียบสงัดได้เปลี่ยนเป็นเงียบสงบมากขึ้นไปอีก พลังด้านมืดเหล่านั้นค่อยๆขยายวงกว้างออกไป ไปที่ทั้งสองคนอย่างช้าๆ ร่างกายของผู้เฒ่าราวกับภูตผี ทุกๆย่างก้าวจะมีเสียงดังสนั่นขึ้นมา ราวกับเขาสามารถทำให้โรงงานกระจกเทมเปอร์ที่ว่างเปล่าแห่งนี้เปลี่ยนเป็นมืดมนน่ากลัวได้
แรงอาฆาต นี่เป็นแรงอาฆาตที่อยู่ในตัว ตอนที่ผู้เฒ่าเจอเทียนขุยครั้งที่แล้ว !
นี่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจากที่ฆ่าคนจำนวนมากแล้ว ถึงจะเห็นด้วยตาเปล่าได้
ฟางเหยียนมองผู้เฒ่าอย่างนิ่งสงบ สุดท้ายก็มองไปยังผู้หญิงที่อยู่ในมือของผู้เฒ่า นั่นคือถังยู่ เธอหมดสติไปแล้ว เสื้อผ้าบนเรือนร่างของเธอยับยู่ยี่ไปหมด ฟางเหยียนแอบตระหนักถึงเรื่องราวที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก
หรือ ถังยู่ถึงไอ้เฒ่านี่…
เมื่อนึกถึงจุดนี้ ฟางเหยียนขมวดคิ้วขึ้นมา แม้เขาไม่ชอบถังยู่ แต่ถ้าเธอถูกผู้เฒ่าคนนี้ทำมิดีมิร้าย มันช่างน่าโมโหเสียจริงๆ ผู้เฒ่าคนนี้สกปรกยิ่งกว่าเจ้าของร้านอาหารครั้งที่แล้วเสียอีก แล้วยังอัปลักษณ์ ถ้าถังยู่ถูกเขาจัดการแล้ว ก็เป็นเรื่องที่ให้อภัยไม่ได้จริงๆ หญิงสาวคนนี้ก็ถือว่าจบสิ้นทุกอย่างแล้ว
ในตอนที่สายตาจองฟางเหยียนค่อยๆดุร้ายขึ้น จู่ๆพายุลมก็พัดเข้ามา พัดเข้ามาจากทิศทางที่ต่างกันไป นี่เป็นกำลังภายในที่อ๋าวไท่ปล่อยออกมา ใช้กำลังภายในสร้างลม ดูจากจุดนี้ กำลังภายในของอ๋าวไท่แข็งแกร่งมาก
สัญชาตญาณของฟางเหยียนรับรู้ได้ว่า ฝีมือของเขาไม่ได้ด้อยไปกว่านักเต๋าอีเหมยเลย!
เมื่อพายุพัดมา พัดจนลืมตาไม่ขึ้น แต่ก็เป็นแค่เสี้ยววินาทีเท่านั้น แล้วพายุก็สลายไป ฟางเหยียนและเทียนขุยยังคงยืนมั่นคงไม่ขยับแม้แต่น้อย จ้องไปที่อ๋าวไท่ด้วยสีหน้าสบายๆ
สำหรับเหตุการณ์แบบนี้ พวกเขาคุ้นเคยตั้งนานแล้ว ตอนที่เผชิญหน้ากับศัตรูกองกำลังนับหมื่นนับพัน พวกเขาไม่สนใจ และนี่ดันแค่คนเดียว แล้วจะสนใจไปทำไมกัน
เมื่อคู่อาฆาตเจอหน้ากันความบาดหมางก็ยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น ฟางเหยียนมองอ๋าวไท่ได้อย่างนิ่งสงบ แต่เทียนขุยอดกลั้นไม่ไหวแล้ว เขาตะคอกใส่อ๋าวไท่ว่า “ไอ้แก่ แกนี่ไม่เจียมตัวเลยนะ เห็นจอมพลโผ้จวินของเรา แล้วไม่คุกเข่าให้อีก!”
สายตาของอ๋าวไท่เปลี่ยนไป ส่งเสียงอ๋อออกมาอย่างสบายๆ แล้วมองไปที่เทียนขุย
หลังจากที่เห็นสีหน้าของเทียนขุยแล้ว สีหน้าของเขาเริ่มกลายเป็นประหลาดใจขึ้นมา
เขา!นึกไม่ถึงว่าจะเป็นคนนั้นจริงๆ คนที่ถูกตนฆ่าที่เมืองจินโจว เขาถูกตนฆ่าแล้วไม่ใช่เหรอ?แล้วทำไมตอนนี้ยืนอยู่ต่อหน้าตัวเองเหมือนไม่เป็นอะไรเลยล่ะ อ๋าวไท่ที่ใจเย็นในตอนนี้ก็เริ่มเกิดความประหลาดใจแล้วเช่นกัน นี่เป็นสิ่งที่เหนือความคาดหมายของเขา เพราะคนที่อยู่ตรงหน้าเป็นคนที่เขาได้ฆ่าตายด้วยน้ำมือของตัวเอง
เขามั่นใจมากว่าคนที่อยู่ตรงหน้าเขานั้นได้ถูกฆ่าตายไปแล้ว โดนทุบจนหัวแตกไปแล้ว กระดูกของทั้งสองมือก็แหลกละเอียด ไม่มีทางที่เขาถูกทำร้ายขนาดนั้น แล้วยังมีชีวิตรอดมาได้ นี่ นี่มันเป็นไปได้อย่างไรกัน?!
ต่อให้เต็มไปด้วยความประหลาดใจมาก แต่เขาก็ยังนิ่งสงบ กดความประหลาดใจที่มีอยู่ในจิตใจไว้ เสแสร้งทำเป็นสุขุมเยือกเย็น แล้วกล่าว “แกยังไม่ตาย?”
เทียนขุยเกือบจะระเบิดออกมา เขาก้าวไปข้างหน้า ดูแคลนออกมา แล้วพูดเสียงดังว่า “แกคิดว่าตัวเองเป็นใคร?แกคิดว่าแค่แก จะฆ่าฉันได้งั้นเหรอ?”
อ๋าวไท่มองเทียนขุยอย่างเย็นชายิ่งอยู่ยิ่งไม่ชอบมาพากล คนที่อยู่ตรงหน้าตนค่อนข้างมีฝีมืออยู่บ้าง เป็นคนเก่งแนวหน้าต้นๆคนที่ตนฆ่าไป นึกไม่ถึงว่าจะสามารถต่อกรกับเขาได้หลายหมัดจึงจะเสียชีวิต แต่เรื่องที่ตายแล้วฟื้นคืนชีพขึ้นมานี่สิ มันไม่ใช่นะ
แต่อ๋าวไท่ไม่ใช่คนที่ชอบครุ่นคิด เขาขี้เกียจจะไปคิดอะไรมากมายขนาดนั้น ในเมื่อเขายังไม่ตาย งั้นก็ให้เขาตายอีกครั้งก็แล้วกัน!ด้วยเหตุนี้เขาจึงยกมือขึ้นมามองเทียนขุย แล้วกล่าวอย่างสบายๆว่า “ต่อให้แกยังไม่ตาย แต่ในใจของฉัน แกเป็นคนที่ตายไปแล้ว!แกก็เป็นแค่คนที่เคยพ่ายแพ้ ครั้งนี้คนที่ฉันต้องการไม่ใช่แก แต่เป็นมัน!”
อ๋าวไท่ค่อยๆวางถังยู่ลงบนพื้น ยกมือขึ้นชี้ไปที่ฟางเหยียน
สายตาของเขาไม่ได้มองไปที่ฟางเหยียน และเทียนขุย เพียงแต่ยกมือขึ้นมาวางไว้บนหน้าของถังยู่อย่างตามใจตัวเอง แล้วกล่าวด้วยสีหน้าแห่งความโลภว่า “นานแล้วที่ฉันไม่ได้ลิ้มลองสิ่งที่อร่อยขนาดนั้น มันช่างน่าโหยหาเหลือเกิน”
ตอนพูด เขายังคงเอามือลูบใบหน้าของถังยู่อย่างมักง่าย
สีหน้าของเทียนขุยเปลี่ยนไปอย่างมาก ต่อให้เขาไม่มีความสัมพันธ์ใดๆกับถังยู่ แต่เมื่อนึกถึงผู้เฒ่าที่น่ารังเกียจขยะแขยงคนนี้ทำอะไรเธอ ก็อดไม่ได้ที่จะโมโหขึ้นมา
เขาได้ก้าวไปปข้างหน้าอีกก้าว แล้วถามอย่างภาคภูมิว่า “แกทำอะไรเธอ?”
อ๋าวไท่ไม่พูด เพียงแต่มองถังยู่แล้วกล่าว “สาวน้อย รอฉันก่อนนะ รอให้ฉันฆ่าพวกมันแล้ว แล้วจะพาคุณไปทั่วทุกแห่ง ตั้งแต่วันนี้ไป คุณเป็นของอ๋าวไท่แต่เพียงผู้เดียว นี่จะเป็นเกียรติแก่คุณ!”
เทียนขุยตะคอกอย่างโมโห “ไอ้แก่ มึงแม่งหูหนวกหรือไงวะ?กูถามมึงว่ามึงทำอะไรกับเธอ?”
พลังอันแกร่งกล้าของเทียนขุยระเบิดออกมา เคราของผู้เฒ่าคนนั้นถูกพักจนพลิ้วไหว ไสวไปมา เทียนขุยโมโหแล้ว กำหมัดทั้งสองอย่างแน่น ในมือเกิดเป็นเปลวไฟที่กำลังปะทุลุกฮือ
“ฉันบอกแกแล้วนะ ว่าแกไม่มีสิทธิ์พูดอะไรกับฉัน และยิ่งไม่มีสิทธิ์ให้ฉันลงมือด้วย!” หลังค่อมของอ๋าวไท่เหยียดตรง เริ่มเปลี่ยนเป็นท่าทีที่น่าหวาดกลัวขึ้นมา การพูดจาก็เยือกเย็นอย่างหาที่เปรียบมิได้
ฟางเหยียนที่ไม่พูดไม่จามาโดยตลอดจู่ๆก็พูดขึ้นมาว่า “แกเหรอ ที่ฆ่าเขา?”
มือของฟางเหยียนชี้ไปยังเหล่าเห้อที่ล้มอยู่กับพื้น แล้วจ้องอ๋าวไท่ด้วยสายตาเยือกเย็น
อ๋าวไท่แน่วแน่ พยักหน้าอย่างไม่คิดอะไรแล้วกล่าว “ใช่ ฉันฆ่ามันเอง!มัน สมควรตาย!”
การต่อสู้ของยอดฝีมือทั้งสอง ต่อให้ใช้แค่สายตา ก็สามารถเกิดเปลวไฟปะทุขึ้นได้ จู่ๆโรงงานเทมเปอร์ที่รกร้างมีเสียงวิ้งๆๆดังขึ้น เพราะบรรยากาศอึมครึมสุดๆ จึงทำให้รอบๆเกิดเป็นเสียงวิ้งๆขึ้นมา
หลังจากที่ปะทะคารมณ์กัน ฟางเหยียนได้ถามอย่างเย็นชาว่า “บอกฉันมา แกทำเพื่อใคร?บางทีฉันอาจจะไว้ชีวิตแกก็ได้!”
เมื่ออ๋าวไท่ได้ยินประโยคนี้ สีหน้าชะงักไป ประโยคนี้เป็นคำพูดที่เขาพูดบ่อยๆไม่ใช่เหรอ?ทำตอนนี้กลายเป็นคนอื่นพูดแล้วล่ะ ไอ้นี่มันอายุยังน้อย น่าสนใจอยู่ นึกไม่ถึงว่าจะแย่งบทพูดไปแล้ว
“ฮ่าๆ!” อ๋าวไท่หัวเราะเสียงดัง จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นไป ปลดปล่อยตัวเอง แล้วหัวเราะเสียงดัง “ฮ่าๆๆ ฮ่าๆๆๆ!ฮ่าๆๆๆๆ!”
เสียงหัวเราะนี้ราวกับเสียงของผี ดังสะท้อนในโรงงานกระจกเทมเปอร์ไม่หยุด
เมื่อเห็นอ๋าวไท่ที่โอหัง เทียนขุยก็อดกลั้นไม่ได้อีกต่อไปแล้ว เขาชี้อ๋าวไท่แล้วถามด้วยความเกรี้ยวกราด “มึงหัวเราะอะไร?”
รอยยิ้มของอ๋าวไท่หยุดลง รอยยิ้มนั้นชะงักไว้บนใบหน้า สายตาเปลี่ยนไป มองไปที่ฟางเหยียนแล้วกล่าว “หัวเราะอะไร?ฉันคิดว่าแกตลกดีหวะ!แกบอกว่าฉันทำเพื่อใคร แกคิดว่าใต้หล้านี่มีใครที่มีปัญญาสั่งฉันด้วยเหรอ?ฉันอ๋าวไท่ชาตินี้ให้ความสำคัญกับเงินไม่ให้ความสำคัญกับคน ใครก็ควบคุมอะไรฉันไม่ได้ คำพูดนี้มันดูถูกฉันเสียเหลือเกิน แล้วไม่ให้เกียรติฉันอ๋าวไท่อย่างที่สุด คนที่จะให้ฉันทำอะไรให้ได้บางทีอาจจะยังไม่เกิดเลยก็ได้นะ!” จองหอง ยโสโอหัง เหมาะสมกับการบรรยายลักษณะของผู้เฒ่าคนนี้จริงๆ