จอมนักรบทรงเกียรติยศ - ตอนที่ 393
ร่างของเขาหมุนตลบบนพื้นหลายรอบ ร่างท่อนบนที่เปลือยอยู่พริบตาเดียวขะมุกขะมอมทันที สภาพดูน่าอนาถมาก
รอจนเขาเริ่มอยู่นิ่ง เขาเงยหน้าขึ้นฉับพลันมองไปทางฟางเหยียน ฟางเหยียนในตอนนี้แผ่ซ่านรังสีอำมหิตรุนแรงออกมาทั่วร่างกาย มันเป็นรังสีอำมหิตที่ทำให้คนหวาดกลัวชนิดหนึ่ง ขนาดอ๋าวไท่ที่ฆ่าคนจนชินแล้วยังอดตะขิดตะขวงใจไม่ได้ แถมยังขนลุกไปทั้งตัวอีกด้วย นี่ไม่รู้ว่าต้องฆ่าคนมามากเท่าไหร่ถึงจะสามารถแผ่รังสีอำมหิตน่ากลัวแบบนี้ได้
อ๋าวไท่เป็นฝันร้ายในใจคนมากมายนับไม่ถ้วน ในบรรดาคนที่เขาฆ่า ไม่เคยมีสักคนที่หนีรอด บนมือเขาอย่างน้อยต้องมีสักหมื่นคนล่ะ แต่รังสีอำมหิตที่ตนแผ่ซ่านออกมากลับดูจิ๊บจ๊อยไปเลยเมื่ออยู่ต่อหน้าคนคนนี้
งั้นเขาฆ่าคนมาเท่าไหร่กันเนี่ย? หนึ่งแสน? สองแสน? สามแสน? หรือว่าหนึ่งล้าน?!
อ๋าวไท่ไม่กล้าคิดต่อไปแล้ว ถ้าคิดต่อไปอีก คนคนนี้คงเป็นเทพแห่งสงครามในยุคนี้แน่แล้ว นอกจากเทพแห่งสงครามในยุคนี้แล้ว บุคคลที่สามารถแข็งแกร่งสยบทุกทิศในสนามรบได้ จะยังมีใครที่ฆ่าคนมากมายขนาดนั้น และสามารถมีรังสีอำมหิตแข็งแกร่งแบบนี้ได้อีก!
อ๋าวไท่ไม่ใช่คนนอก เขารู้ว่าทุกประเทศต้องมีสงครามอยู่แล้ว เพียงแต่สงครามพวกนั้นจะซ่อนตัวอยู่เท่านั้นเอง
เขาเคยได้ยินคำพูดหนึ่งจากปากทหารต่างชาติว่า ประเทศหวามีเทวดาไล่ฆ่าคนนั้นอยู่ ก็อย่าไปเข้าใกล้เด็ดขาด แค่เข้าใกล้ก็ตายแล้ว ไม่มีใครรอดกลับมาเลย หรือว่าคนคนนั้นคือเขา?!
ไม่ไม่ไม่ ไม่มีทางเป็นเขา พอคิดถึงตรงนี้ ก็โดนตัวอ๋าวไท่ปฏิเสธเองเลย เทวดาไล่ฆ่า คนที่จะได้รับการขนานนามว่าเป็นเทวดาไล่ฆ่าต้องไม่อายุน้อยขนาดนั้นแน่ เขาอายุน้อยเกินไป ไม่มีทางเป็นเทวดาไล่ฆ่าที่ทำคนชะงักเท้าแค่เพียงได้ยินชื่อคนนั้นแน่
ไม่นาน รังสีอำมหิตแผ่ซ่านไปทั่วโรงงานเหล็ก รอบข้างเหมือนเต็มไปด้วยเสียงโห่ร้องของทหารนับพันนับหมื่น ที่นี่เหมือนแปรเปลี่ยนไปเป็นสนามรบแห่งหนึ่งเลย
“แก แก แกจะทำอะไร?” อ๋าวไท่เริ่มลนลานละ อ๋าวไท่ที่สุขุมนุ่มลึกเสมอกลับมีสีหน้าแตกตื่นในที่สุด เขาใช้มือยันพื้น สองขาถอยไปด้านหลังอย่างห้ามไม่อยู่ ท่าทางดูแย่หนักกว่าเดิมอีก
ฟางเหยียนก้าวเท้าเข้าไป ค่อยๆเข้าใกล้อ๋าวไท่ พูดอย่างสบายว่า “แกบอกจะฆ่าฉันเพื่อล้างแค้นให้ศิษย์แกไม่ใช่หรือไง? ทำไมตอนนี้ยังไม่ได้ล้างแค้นเลย จะหนีแล้ว? แกกลัวแล้วหรือไง?”
อ๋าวไท่สีหน้าเปลี่ยนทันที กลัว ต้องยอมรับจริงๆว่า เขากลัวแล้ว
แต่เขาไม่มีทางยอมรับหรอก ในฐานะนักฆ่าฝีมือฉมังคนหนึ่ง จะยอมรับว่าตนกลัวได้ยังไง? ต่อให้เขาเป็นเทพสงครามแล้วยังไง? ต่อให้เขาฆ่าคนมามากแล้วยังไง หรือว่าคนแบบนี้จะทำให้ตนก้มหัวให้หรือไง?
เขาตาแดงก่ำพลางว่า “กลัว? ฉันจะกลัวอะไร? ทำไมฉันต้องกลัว? แกคิดว่าแกเป็นใครกัน? แกคิดว่าตัวเองมีสิทธิ์ทำให้ฉันกลัวหรือไง?”
ยังไงซะตนก็เป็นยอดฝีมือระดับต้าชี่ เป็นระดับต้าชี่ขั้นสุดยอด ยอดฝีมือแบบนี้มักจะรักหน้าตัวเองมากกว่าสิ่งใด จะบอกว่าเขากลัว สู้ฆ่าเขาเลยดีกว่า
“เหอะเหอะ!” ฟางเหยียนแค่นเสียงเย็น พูดด้วยท่าทีสบายว่า “แกรู้ไหมว่าตอนลูกศิษย์แกตายทำอะไร? เขาคุกเข่าต่อหน้าฉัน ขอร้องให้ฉันไว้ชีวิตเขา ยังบอกอีกว่าอาจารย์ของเขาคืออ๋าวไท่ เป็นวีรบุรุษที่เกรียงไกร ที่จริงฉันชื่นชมวีรบุรุษอยู่นะ ตอนแรกที่ฉันฆ่าลูกศิษย์แก ก็เพราะอยากเจอแกสักครั้ง จะดูสิว่าแกเป็นวีรบุรุษเหมือนปากลูกศิษย์แกว่าไหม แต่ตอนนี้ฉันได้เจอแล้ว ฉันผิดหวังมาก เพราะแกไม่ใช่วีรบุรุษเลยสักนิด สู้แพ้ก็หนี แถมยังหนีหัวซุกหัวซุนอีก ในสายตาฉัน แกมันก็แค่ขยะเท่านั้นเอง พูดบ้าอะไรคนทั่วไปในสายตาแกเป็นแค่มด ที่จริงแล้วแกน่ะแหละที่เป็นแค่มด ไม่ใช่หรือไง?”
น้ำเสียงของฟางเหยียนเย็นชามาก แทบทุกคำพูดแทงส่วนลึกของจิตใจอ๋าวอย่างจัง เขาเป็นใคร? อ๋าวไท่ อ๋าวไท่ที่ทำให้คนหวาดกลัวเมื่อได้ยินชื่อ คนที่ทำให้ทหารรับจ้างทั้งหมด ทำให้หัวหน้ากองทหารต่างชาติพวกนั้นปวดหัว
เขาจะยอมให้ชายหนุ่มอายุยี่สิบกว่าคนหนึ่งพูดว่าเขาแบบนั้นได้ยังไง! มันเป็นการลบหลู่เขา และเป็นการลบหลู่วงการนินจาของทั่วทั้งประเทศหวาด้วย!
เขากัดฟัน กำหมัดแน่น ค่อยๆลุกขึ้นจากพื้น สองตาจ้องเขม็งไปที่ฟางเหยียนด้วยความโกรธพลางว่า “แกว่าใครเป็นมด?”
เห็นท่าทางกัดฟันโกรธของอ๋าวไท่แล้ว ฟางเหยียนพูดต่อว่า “แก มันคือมด!”
“ไอ้เลว!”อ๋าวไท่ยันตัวขึ้นจากพื้นยืนขึ้นมา ตะคอกสีหน้าขึ้งโกรธว่า “แกว่าใครเป็นมด?”
ในสายตาเขา ทุกคนล้วนเป็นมด แต่หมอนี่กลับพูดจาซี้ซั้ว บอกว่าตนเป็นมด! นี่เป็นครั้งแรกที่เขาโดนเหยียดหยามแบบนี้ คนตรงหน้านี้กำลังเหยียบย่ำศักดิ์ศรีของเขา!
“ทุกคนเมื่ออยู่ต่อหน้าโผ้จวิน ล้วนเป็นมดทั้งนั้น!” เทียนขุยที่อยู่อีกด้านค่อยๆลุกขึ้นมาพลางว่า
สายตาอ๋าวไท่ค่อยๆหรี่ลงเป็นเส้น จากนั้นตะคอกเสียงดังออกมา “งั้นหรอ? งั้นฉันจะดูสิว่าแกเก่งแค่ไหน!”
พูดจบ ร่างอ๋าวไท่พุ่งเข้าฟางเหยียน เขาเร็วมาก เพราะเขาอยากชนะในท่าเดียว ดังนั้นเลยต้องใช้ความเร็วที่สุดมาโจมตี!
ฟางเหยียนไม่ขยับเลยสักนิด ที่ยิ่งไปกว่านั้นคือ เขากลับหลับตาลงซะงั้น
ลบหลู่ นี่มันลบหลู่อ๋าวไท่อยู่ชัดๆ
“ย๊ากซ์!” อ๋าวไท่ตะคอกดัง แสงนั้นเริ่มเด่นมากขึ้น
นี่เป็นศึกครั้งสุดท้ายของเขา หลังจากศึกนี้แล้วเขาจะไม่เหลือแม้แต่แรงหนีด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้เขาไม่มีทางเลือก ได้แต่สู้สักตั้ง! ถ้าเกิดชนะล่ะ ถ้าชนะ คนที่ตายคือพวกเขา
พอคิดถึงตรงนี้ อ๋าวไท่รวบรวมพลังทั่วร่าง ตอนนี้แหละ หนึ่งท่า เขาต้องให้ตายในท่าเดียว ไอ้หนู ชดใช้ให้กับความหนุ่ม ความอหังการ์ของแกละกัน!
ในที่สุด ร่างของเขากำลังจะปะทะกับตัวฟางเหยียนแล้ว แต่ในวินาทีนี้เอง มือใหญ่เย็นเฉียบของฟางเหยียนยกขึ้นมาอีกครั้ง คว้าหมับเข้าที่คอหอยเขา ไม่เอียงไม่เบี้ยว คอหอยพอดิบพอดี
คอหอยเป็นจุดอ่อนของร่างกายคน พอโดนคว้าไว้ ทั้งตัวจะเข้าสู่สภาวะขาดอากาศหายใจ คนจะหมดลมหายใจอยู่แล้ว มีหรือจะเหลือแรงดิ้นรนหรือต่อสู้อีก อ๋าวไท่ในตอนนี้อ่อนแรงไปทั่วร่าง ร่างของเขาดิ้นรนอย่างรุนแรงกลางอากาศ เหมือนเมื่อกี้ ไม่ว่าทำยังไงเขาก็ดิ้นไม่หลุดการจับของมือใหญ่ได้เลย
เขาอ้าปากเหมือนอยากพูดอะไร แต่กลับพูดไม่ออก
แกร่งเกินไปแล้ว ฟางเหยียนแกร่งเกินไปแล้ว ต่อให้ตนมีพลังที่สามารถทำลายฟ้าดินได้ เมื่อมาอยู่ต่อหน้าเขากลับไร้น้ำยาสิ้นดี! งั้นเขาเป็นระดับไหนกันแน่ล่ะ? ต้าชี่ระดับสูงยิ่งไปกว่านั้นอีก? หรือว่าระดับปรมาจารย์?
ไม่ว่าจะเป็นระดับไหน วินาทีนี้อ๋าวไท่รู้สึกว่าตนแพ้แล้ว แพ้หมดรูป ทุกทางเลย!
ฟางเหยียนค่อยๆลืมตาขึ้น ดวงตาคู่นั้นจับจ้องที่อ๋าวไท่ มันเต็มไปด้วยรังสีอำมหิตอันน่าสะพรึง
“อ๋าวไท่! แกมันเป็นแค่มดที่น่าสงสารมาตลอดเท่านั้นเอง!” ฟางเหยียนพูดอย่างเย็นชา
สีหน้าอ๋าวไท่เริ่มผุดเหงื่อขึ้นมา เขาร้องอึกอัก พยายามดิ้นรนอย่างลำบาก แต่ไม่ว่าจะทำยังไงก็ทำอะไรฟางเหยียนที่แข็งแกร่งไม่ได้เลย อ๋าวไท่ตกใจมาก ที่แท้คนที่ร้ายกาจจริงๆไม่ใช่เทียนขุย แต่เป็นเขา!
ต่อหน้าคนคนนี้ เขาไม่มีโอกาสแม้แต่จะตอบโต้เลย ตนเป็นยอดฝีมือระดับต้าชี่ ต่อให้ได้รับบาดเจ็บก็ตาม การโจมตีเมื่อกี้ก็ใช้พลังเกือบทั้งหมดของตนไปแล้ว
พลังทั้งหมดพอมาอยู่ต่อหน้าเขากลับไร้น้ำยาสิ้นดีขนาดนี้ เขาแกร่งถึงขั้นไหนกันเนี่ย?