จอมนักรบทรงเกียรติยศ - ตอนที่ 395
ดวงตาของอ๋าวไท่กลอกไปมาพลางว่า “ฉันไม่รู้จักองค์กรสัตว์เพลิงอะไรที่แกพูดถึง แกบ้าหรือเปล่า?”
ยิ่งอ๋าวไท่พูดแบบนี้ ก็ยิ่งแสดงว่าในใจเขาเก็บซ่อนอะไรไว้ ฟางเหยียนเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด เขาพูดขึ้นเนือยๆว่า “ฉันไม่ได้บ้า ฉันแค่อยากรู้เรื่องเกี่ยวกับองค์กรสัตว์เพลิง! ถ้าแกบอกฉัน ฉันจะให้แกตายดีๆ ตายอย่างนักรบ! ถึงเวลานั้นแกจะเหลือชื่อไว้ในยุทธภพ การตายด้วยน้ำมือฉันถือเป็นเกียรติของแก”
“ฮะฮะฮะ!” อ๋าวไท่จู่ๆก็หัวเราะออกมา เสียงหัวเราะนี้ทำให้ใบหน้าแก่ชราย่นเข้าด้วยกัน ดูแล้วค่อยสมกับอายุเขาหน่อย สีหน้าเขาเคร่งขรึมลง สูดลมหายใจเข้าลึกพลางว่า “แกคิดว่าฉันจะสนใจวิธีตายหรอไง?”
สองตาเขาจ้องมองฟางเหยียนพลางว่า “ไอ้หนู ต้องยอมรับจริงๆว่าแกฉลาดมาก ไม่ปิดบังแกเลย ฉันเป็นคนขององค์กรสัตว์เพลิง แต่ถ้าแกอยากรู้เรื่องเกี่ยวกับองค์กรสัตว์เพลิงจากปากฉันล่ะก็ ไม่มีทางหรอก” อ๋าวไท่อ้าปาก เผยรอยยิ้มที่น่าเกลียดซะยิ่งกว่าร้องไห้ออกมา
ดวงตาฟางเหยียนมีประกาย เขายอมรับแล้ว เขายอมรับว่าตนเป็นคนขององค์กรสัตว์เพลิงแล้ว! ฟางเหยียนตามหาคนขององค์กรนี้มานานมากแล้ว ไม่คิดเลยว่าหมอนี่จะเป็นคนขององค์กรสัตว์เพลิง!
เขาเก็บกดความตื่นเต้นในใจ เข้าใกล้อ๋าวไท่ พลางถาม “บอกฉัน สำนักงานใหญ่ขององค์กรสัตว์เพลิงอยู่ที่ไหน? ผู้นำองค์กรเป็นใคร? พูดแล้ว ฉันอาจจะให้แกตายสบายๆ ไม่งั้นแกรู้ดีว่าจะเจออะไร”
อ๋าวไท่ไม่ได้พูดอะไร ได้แต่นิ่งเงียบ เงียบอยู่สักพักเลย
เงียบจนเทียนขุยเริ่มรำคาญ เขาเดินเข้ามา ตะคอกดังว่า “ถามแกอยู่นะ ใครเป็นผู้นำองค์กรสัตว์เพลิง?”
ผ่านไปสักพัก เขาถึงเงยหน้าขึ้นมามองคนทั้งคู่ บอกแกมครุ่นคิดว่า “น่าจะเมื่อสองสามปีก่อน มีองค์กรลึกลับหนึ่งมาหาฉัน พวกเขาเรียกตัวเองว่า องค์กรสัตว์เพลิงบอกว่าจะมาช่วยโลกอะไรเนี่ยแหละ จะสามารถช่วยชาวโลกที่ไร้ความรู้ได้ พวกเขาเชิญฉันเข้าร่วมกับพวกเขา ฉันปฏิเสธไป ฉันไม่ชอบเข้าร่วมองค์กรนินจาใดๆ เพราะฉันแข็งแกร่งกว่าทุกองค์กรซะอีก ต่อมาคนขององค์กรนั้นมาข่มขู่ฉัน บอกว่าถ้าฉันไม่เข้าร่วมพวกเขา จะทำให้ฉันต้องมีชีวิตอยู่ในฝันร้ายตลอดไป”
“ฉันไม่ได้สนใจคำพูดของเจ้าบ้านั่น ยังคงใช้ชีวิตของฉันไป ต่อมาคำพูดของเขาเริ่มเป็นจริงขึ้นเรื่อยๆ ทุกการร่วมมือกับคนอื่นของฉัน ไม่มีสักครั้งที่สำเร็จเลย พวกเขาคอยขัดขวางแผนการฆ่าคนของฉันซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทำลายภารกิจของฉันซ้ำแล้วซ้ำเล่า ชื่อเสียงในยุทธภพของฉันค่อยๆแย่ลง ตกต่ำมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ฉันไม่พอใจมาก ต่อมาฉันอยากไปตามหาองค์กรนั่น เพื่อพูดเปิดอกกับพวกเขาเลย”
“น่าเสียดาย ฉันหาพวกเขาไม่เจอ เดิมคิดว่าพวกเขาคงไม่โผล่หน้ามาแล้ว ใครจะรู้ผ่านไปไม่นานพวกเขาก็ปรากฏตัวอีก คราวนี้มากันสามคน เป็นนินจาระดับต้าชี่กันหมด สามคนร่วมมือกันสู้กับฉัน และบีบให้ฉันเข้าร่วมพวกเขา เงื่อนไขพวกเขาดีมาก ฉันไม่มีหนทางจะปฏิเสธ เลยได้แต่เข้าร่วมพวกเขา”
พอพูดถึงตรงนี้ อ๋าวไท่ชะงักเงียบลง ยิ้มเนือยๆบอกทั้งคู่ว่า “ฉันเตือนพวกแกอย่าสืบต่อไปเลย ความลึกลับขององค์กรนี้มักมากกว่าที่พวกแกคิดไว้มากนัก ต่อให้พวกแกจะเก่งมากก็ตาม แต่อย่าไปหาเรื่ององค์กรนี้เลยดีกว่า! พวกเขาแกร่งมากเกินกว่าคนธรรมดามากนัก พวกแกแค่คนธรรมดา อย่าคิดว่ามีฝีมือหน่อยแล้วจะไม่สนใจเป็นตาย”
ฟางเหยียนขมวดคิ้ว ดูท่าคงถามอะไรจากปากตาแก่นี่ไม่ได้มากละ เขาเลยถามเสียงเย็นขึ้นว่า “งั้น พวกเขาให้แกมาฆ่าเหล่าเห้อใช่ไหม?”
อ๋าวไท่พยักหน้าพูดตรงไม่ปิดบังว่า “ใช่ พวกเขาให้ฉันมาฆ่าเอง เพราะเหล่าเห้อเป็นคนทรยศขององค์กรสัตว์เพลิง เขาไม่ควรทรยศหักหลังองค์กรใหญ่ขนาดนั้น! เขาคิดว่าหลบซ่อนตัวหลายปีแล้วจะรอด ที่จริงองค์กรสัตว์เพลิงแค่ไม่อยากมาเอาชีวิตเขาเท่านั้นเอง”
ฟางเหยียนกลืนน้ำลายเอื๊อก ก่อนถามต่อ “บอกฉัน สำนักงานใหญ่ขององค์กรนั่นอยู่ที่ไหน? พวกเขาคิดจะทำอะไรกันแน่?”
“แก ไม่มีโอกาสได้รู้แล้วล่ะ! ฉันไม่กล้าพูด และไม่มีทางบอกแกด้วย”
“งั้นหรอ? แกแน่ใจว่าจะทำแบบนั้น?” ฟางเหยียนลุกขึ้นยืนจากพื้น แผ่ซ่านรังสีอำมหิตออกมาจากตัวอีกครั้ง
ท่าทีอ๋าวไท่นิ่งสงบ เขาพูดอย่างเหนื่อยใจว่า “ใช่ ต่อให้แกจะทรมานฉัน ฉันก็ไม่มีทางบอกแกเรื่องเกี่ยวกับองค์กรนั่นหรอก เพราะว่า…”
เขาพูดยังไม่ทันจบ ก็ไม่พูดอะไรอีกเลย เลือดสดคำโตกระอักออกมา
จากนั้นเขาพูดกลั้วหัวเราะว่า “เพราะฉันจะตายแล้ว!”
พอพูดจบ เขาก็ล้มหงายหลังลงพื้นไปเลย ฟางเหยียนรีบเข้าไปรับเขา มือคว้าเข้าที่คอ เขาไม่หายใจแล้ว
เขายกมือขึ้นทำซีพีอาร์ที่หน้าอกหลายครั้ง ไม่มีประโยชน์เลย และลองจับชีพจรที่ข้อมืออ๋าวไท่ดู พบว่าชีพจรขาดสะบั้นไปหมดแล้ว
ตัดชีพจรตายเอง ดูท่าเขาเตรียมตัวจะตายตั้งแต่แรกแล้ว หรือตั้งแต่วินาทีที่รู้ว่าคงหนีไม่รอด เขาก็เตรียมตัวตายแล้ว ที่แท้ตาแก่นี่แกล้งหลอกตนมาตลอด
“โผ้จวิน ทำยังไงดี?” พอเห็นเบาะแสที่คาดว่าจะได้ขาดหายไปดื้อๆ เทียนขุยร้อนใจหนักนัก
ฟางเหยียนส่ายหัวบอก “เขาตายแล้ว!เบาะแสขาดแล้ว!”
เทียนขุยสีหน้าเปลี่ยนทันที เขาชกหมัดลงพื้นอย่างแรง ตะโกนดังด้วยความโกรธว่า “งั้นการตายของเทียนหม่า จะ…”
“เทียนขุย!” ฟางเหยียนยกมือขึ้นจับบ่าเทียนขุย ปลอบว่า “อย่างน้อยพวกเราก็ได้รู้เรื่องเกี่ยวกับองค์กรนี้บ้างแล้ว พวกเขากำลังรับสมัครพรรคพวก ดูท่าจะเริ่มปฏิบัติการอะไรบ้างละ”
“รับสมัครพรรคพวก!” เทียนขุยหันไปมองฟางเหยียน
ใช่ องค์กรนี้กำลังรับสมัครพรรคพวก พวกเขาพยายามหาตระกูลมีอำนาจมาเข้าร่วม เพื่อส่งเสริมช่องทางเศรษฐกิจของพวกเขา ตระกูลเล็กขนาดในเมืองนี้ ตระกูลใหญ่ในเมืองใหญ่ ตระกูลพวกนี้ร่ำรวยมาก มีความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พวกเขาย่อมทำอะไรที่ตนอยากทำได้ทั้งนั้น
ตระกูลเซียวของเมืองจินโจว ก็เป็นเป้าหมายที่พวกเขากำลังเรียกเข้าร่วมไม่ใช่หรือไง? นักเต๋าอีเหมยคนนั้นก็เป็นคนที่พวกเขารับเข้ามาไม่ใช่หรือไง? แป๊บเดียวก็สามารถส่งนินจาระดับต้าชี่แบบนี้ออกมาได้ เห็นได้ชัดว่าอำนาจพวกเขาแข็งแกร่งมาก
ช่วงนี้องค์กรนี้ครึกครื้นมาก มันยังไม่เพียงพอที่จะบอกอีกหรอว่าพวกเขาเริ่มลงมือแล้ว?
“ความหมายของคุณคือ องค์กรนี้คิดจะปฏิวัติ?” เทียนขุยเบิกตากว้างอย่างตกใจ
ฟางเหยียนส่ายหัวว่า “ฉันไม่รู้ แต่เป้าหมายพวกเขาชัดเจนมาก การเข้าร่วมของนินจามากมายขนาดนั้น คอยชักใยตระกูลใหญ่มากมายขนาดนั้นอยู่เบื้องหลัง ทำลายเบาะแสของเรา เห็นชัดว่า พวกเขาจับตาดูฉันนานแล้ว”
ระหว่างพูด ฟางเหยียนยืนตัวตรง ดวงตาหรี่ลงเป็นเส้น
สมองเขาคิดไม่หยุด มีทิศทางคร่าวๆไว้แล้ว องค์กรนั้นต้องมาหาลุงเย่ก่อนแน่ ให้ลุงเย่เข้าร่วมพวกเขา แต่โดนลุงเย่ปฏิเสธ เลยมีเหตุการณ์ต่อๆมา
พวกเขาหันไปเลือกตระกูลเซียว ในเมื่อเลือกแล้ว ก็ต้องทำให้ตระกูลเซียวรู้เรื่องหนึ่งว่า ใครตามข้าอยู่ ใครต้านข้าตาย ดังนั้นพวกเขาเลยช่วยตระกูลเซียวกำจัดตระกูลเย่ ด้านหน้าคือการช่วยตระกูลเซียวกำจัดตระกูลเย่ แท้ที่จริงแล้วคือเชือดไก่ให้ลิงดู ทำให้ลูกหลานตระกูลเซียวรู้ว่า พวกเขาสามารถควบคุมทุกอย่างได้ ตระกูลเซียวที่ดูไม่ธรรมดา เมื่ออยู่ในการควบคุมของพวกเขาแล้ว ก็ไม่ต่างอะไรกับหมากตัวหนึ่งเท่านั้น
ไม่ต้องสงสัยเลย องค์กรนี้เป็นฆาตกรที่แท้จริงในการอยู่เบื้องหลังการกำจัดตระกูลเย่
พอคิดถึงตรงนี้ ฟางเหยียนสูดลมหายใจเข้าลึก พ่นคำพูดออกมาสองคำเน้นๆว่า “องค์กรสัตว์เพลิง!”