จอมนักรบทรงเกียรติยศ - ตอนที่ 40
บทที่ 40 ตบเฮียเตา
ระหว่างที่พูด เขายกมือขึ้นมาที่หน้าต่งยู่ ในจังหวะที่มือจะสัมผัสใบหน้าต่งยู่ ก็ได้ยินเสียงเพี๊ยะดังขึ้น
ต่งยู่มีหรือจะยอมให้คนแบบนี้แตะต้องเธอ ปฏิกิริยาโต้ตอบฉับพลัน เลยตบหน้าเฮียเตาเข้าให้อย่างจัง
ตบนี้ทำเฮียเตาอึ้งไปเหมือนกัน ต่งยู่เองก็ถอยหลังไปหลายก้าว
เฮียเตายกมือขึ้นลูบแก้มข้างที่โดนตบ สีหน้าเปลี่ยนเป็นขึ้งโกรธสุดขีด
เขากัดฟันตะคอกว่า “แม่งเอ๊ย คนอย่างอาเตาอยู่ในวงการมาหลายปี ยังไม่เคยมีใครกล้าตบหน้าฉันเลย นังแพศยานี่ ให้เกียรติไม่เอาใช่ไหม? กล้าตบหน้าฉัน”
“เพี๊ยะ!” เขาพึ่งพูดจบ ก็โดนตบเข้าให้อีกฉาด
ฉาดนี้ทำเอาเลือดเขาออกมุมปาก ส่วนตัวเขาถอยไปข้างหลังหลายก้าวอย่างทุลักทุเล เขาเงยหน้าขึ้นฉับพลัน ก็เห็นฟางเหยียนที่ยืนหน้าไร้อารมณ์อยู่
“ไอ้เวรแกเป็นใคร? กล้ามาตบฉัน แม่งเอ๊ย!” เฮียเตาโกรธจัดจนเส้นเลือดปูดโปน
“เพี๊ยะ!” เขาพึ่งพูดจบ ฟางเหยียนก็ตบเขาอีกฉาด
ทำเอาเฮียเตาหมุนตัวไปกองกับพื้นเลย แต่ฟางเหยียนไม่คิดให้เขานอนแอ้งแม้งที่พื้นสบายๆ เลยยกคอเสื้อเขาขึ้นมา ตบอีกฉาดแล้วฉาดเล่า ตบจนคนรอบข้างเลิ่กลั่ก
หลังจากตบไปสิบกว่าฉาด เฮียเตาก็กลายร่างเป็นหัวหมู หายใจรวยริน
ฟางเหยียนหันหัวมามองเถ้าแก่ที่ยืนตกใจหน้าซีดเผือด
และปรายตามองลูกน้องที่เฮียเตาพามา ไม่มีใครกล้าเข้ามา ทุกคนมีท่าทีโกรธจัด แต่กลับหงออยู่กับที่ ได้แต่จ้องฟางเหยียนราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ
“เถ้าแก่ เล่าเรื่องราวออกมาโดยละเอียดซักหน่อยละกัน” ฟางเหยียนพูดอย่างเย็นชา จากนั้นก็ตบเฮียเตาอีกฉาด คราวนี้เฮียเตาล้มลงกับพื้นอย่างแรง กลายสภาพเป็นหมูตายตัวหนึ่ง
เถ้าแก่ขาอ่อนยวบ แบบนี้ไม่เล่าก็ไม่ได้แล้ว
เฮียเตาเป็นคนโหดร้ายแค่ไหน แต่กลับทำอะไรไม่ได้เหมือนเด็กน้อยคนหนึ่งเมื่ออยู่ต่อหน้าคนนี้
เขารีบโบกมือละล่ำละลักว่า “ผมพูด ผมพูด ที่นี่เป็นถิ่นเฮียเตา การค้าถ้าเจอคนต่างถิ่นให้ฟันไม่เลี้ยง ได้เงินมาก็จะแบ่งกับผม ผมเห็นสาวน้อยคนนี้มาคนเดียว และเป็นคนต่างถิ่น เธอมาดูหินก้อนนี้สองรอบแล้ว ต้องชอบมากแน่ๆ เมื่อกี้ผมก็เห็นหินเปล่งแสง ดังนั้นเลยคิดทำอย่างนี้ ผมไม่รู้ ไม่รู้จริงๆว่าคุณร้ายกาจขนาดนี้ ถ้าผมรู้ต่อให้ผมบ้าแค่ไหนก็ไม่กล้าหรอก!”
เรื่องแบบนี้เขาทำมาไม่น้อย และก็โกงเงินคนต่างถิ่นมาได้ไม่น้อยด้วย
ฟางเหยียนยิ้มเย็นพลางว่า “งั้นตอนนี้ล่ะ? ตอนนี้หินก้อนนี้เอาไง?”
“ผมให้! ผมให้พวกคุณ ไม่เอาเงินแม้แต่แดงเดียว” เถ้าแก่พูดรัวๆ น้ำตาแทบไหลอยู่รอมร่อ
วันนี้แม่งเตะโดนตอเข้าให้แล้ว เถ้าแก่เจ้าเล่ห์มาตลอดชีวิต ยังไงก็ไม่คิดว่าจะมาเจอคนแบบนี้
พวกเขาน่ะโกงเงิน คนนี้เล่นแย่งเลย
ฟางเหยียนสบตากับต่งยู่หนึ่งที ต่งยู่ถึงได้สติกลับมา เธอมองเถ้าแก่พลางว่า “ฉันไม่เอาของคุณฟรีๆ คุณบอกราคามา ฉันจ่ายให้ ฉันไม่ขาดเงินแค่นี้หรอก”
เถ้าแก่ยิ้มเศร้าบอกว่า “คุณหนู ผู้ชายของคุณร้ายกาจขนาดนี้ ผมมีหรือจะกล้ารับเงินคุณน่ะ” คำพูดนี้ทำต่งยู่หน้าแดงฉับพลัน เธอรีบแก้ตัวว่า “อย่ามาพูดซี้ซั้วนะ เขาไม่ใช่ผู้ชายของฉัน”
เถ้าแก่พูดต่ออีก “จะไม่ใช่ได้ยังไง ถ้าไม่ใช่ผู้ชายของคุณ จะเป็นศัตรูกับเฮียเตาเพื่อคุณหรอ?”
“เอาล่ะ อย่าเสียเวลาพล่ามกับเขาอีก จ่ายเงินเอาของแล้วไปกันเถอะ!” ฟางเหยียนพูดตรงประเด็น
ต่งยู่รับคำ ก่อนจ่ายเงินห้าแสนให้เถ้าแก่ รับหินมาจะเดินไป
แต่ฟางเหยียนกลับพูดว่า “รอเดี๋ยว ผมต้องให้บทเรียนเถ้าแก่นี่ซะหน่อย ให้เขาไม่กล้าไปรังแกคนต่างถิ่นอีก”
ระหว่างพูด ฟางเหยียนเดินมายืนหน้าเถ้าแก่ พลางว่า “ยื่นมือคุณออกมา”
“อ๋า!” เถ้าแก่อ้าปากกว้าง แทบจะอมไข่ไก่เข้าไปได้ ไม่รอเขายื่นมือออกมา ก็ได้ยินเสียงกร๊อบแกร๊บดังขึ้น กระดูกมือข้างหนึ่งของเขาแหลกแล้ว
เถ้าแก่ทรุดตัวลงกับพื้นร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด
ฟางเหยียนเข้าใกล้ต่งยู่ คว้าจับมือเธอไว้ จูงออกไปจากวังเซ่าเซียน
พวกลูกน้องเฮียเตาเห็นสองคนนี้จะออกไป รีบแยกตัวออกเป็นทางกว้างมากให้
โดนฟางเหยียนจูงมือไว้แบบนี้ ต่งยู่พลันรู้สึกถึงความร้อนผ่าวอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
นายฟางเหยียนคนนี้อหังการ์บ้าคลั่งจริงๆ
ทั้งคู่เดินออกไปได้ราวสิบนาที ฟางเหยียนถึงปล่อยมือต่งยู่ พอเขาหันกลับมามองต่งยู่ พบว่าใบหน้าเธอแดงก่ำ เลยถามอย่างไม่เข้าใจว่า “คุณหนูต่ง เป็นอะไรหรอ? ทำไมหน้าแดงอย่างนั้นล่ะ?”
ต่งยู่อ้อหนึ่งคำ หลบสายตาฟางเหยียน บอกว่า “ไม่ ไม่มีอะไร แค่ร้อนนิดหน่อยน่ะ”
ฟางเหยียนอึ้งไปเล็กน้อย อากาศอย่างนี้น่ะนะร้อน?
แต่เขาไม่ใส่ใจปัญหานี้เลยพูดต่อว่า “เอาล่ะ ถ้าคุณไม่มีอะไรแล้วก็กลับไปเถอะ! หินก้อนนี้คุณอย่าพึ่งตัดมัน คุณตัดไปตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์ เก็บไว้ก่อน ผมจะมาหาคุณอีก”
ต่งยู่รับคำหน้าแดง
ฟางเหยียนไม่ได้พูดอะไรอีก เดินก้าวเท้ายาวจากไป
แต่เดินไปได้ไม่กี่ก้าว ต่งยู่นึกขึ้นมาได้ว่า ฟางเหยียนไม่รู้ที่อยู่บ้านเธอ เลยรีบวิ่งตามไป
“ยังมีอะไรอีกหรอ? คุณหนูต่ง” ฟางเหยียนถามต่งยู่ที่วิ่งเข้ามาหา
ต่งยู่หยิบปากกาออกมาเขียนเบอร์มือถือเธอลงบนมือเขา พลางว่า “นี่เป็นเบอร์มือถือฉัน คุณมาถึงหนานหลิง มาหาฉัน หินก้อนนี้ฉันจะเก็บไว้รอคุณ” พูดจบ ต่งยู่หน้าแดงจากไป
ตอนกลางคืน บ้านหลิว
“เหยาเหยา ที่หลานพูดน่ะจริงหรอ? เขาคนเดียวล้มอาเปียวและลูกน้องทั้งเจ็ดคนของอาเปียวได้? แถมยังไม่มีการบาดเจ็บสักนิดด้วย?” หลิวจินหม่านถามหลิวเหยาเหยาอย่างตกใจ
หลิวเหยาเหยาพยักหน้าพลางว่า “ใช่ คุณปู่ ไม่กี่วินาทีเขาก็ล้มพวกนั้นได้แล้ว กระดูกของพวกเขาแหลกละเอียดหมด หมดบอกว่าต้องสร้างกระดูก ถ้าไม่สร้าง เหลือแขนไว้ก็ไม่มีประโยชน์”
“หา!” หลิวจินหม่านอ้าปากค้าง ไม่อยากจะเชื่อเลย
ตอนนี้เอง หลิวต้าหลงพ่อของหลิวเหยาเหยาถามขึ้น “เหยาเหยา ที่ลูกพูดคือลูกเขยแต่งเข้าบ้านเมียแซ่ฟางคนนั้นหรอ?”
หลิวเหยาเหยาพยักหน้าว่า “ใช่ ใช่ค่ะ”
“จริงสิ เขายังบอกว่าเขาจะมาเยี่ยมเยือนคุณปู่ด้วยตัวเองด้วย” หลิวเหยาเหยาสีหน้าซีดเผือด เห็นได้ชัดว่ายังตกใจกับประสบการณ์น่ากลัวนั่นไม่หาย
“พ่อ ก่อนนี้เขาเคยปรากฏตัวขึ้นในการประชุมของคุณหวงหยวนฉาว และยังเคยขู่ผม บอกว่า หวังว่าพวกเราจะไม่ได้มีส่วนร่วมในการให้ร้ายบ้านเย่ ไม่งั้นจะให้พวกเราชดใช้ให้สาสม” หลิวซื่อหลงคิดถึงคำขู่ของฟางเหยียนที่มีให้เขา
หลิวจินหม่านกลอกลูกตาไปมา รีบพูด “ตาใหญ่ เร็ว รีบไปสืยว่าคนๆนี้เป็นใครกันแน่”
“ไม่ต้องสืบแล้ว” ทันใดนั้นก็มีเสียงเรียบหนึ่งดังขึ้น