จอมนักรบทรงเกียรติยศ - ตอนที่ 400
ผ่านไปสักพัก ศาสตราจารย์โจวสูดลมหายใจเข้าปอดหนึ่งเฮือกพลางว่า “ในฐานะผู้ให้ความรู้ ผมผิดหวังกับอาจารย์ส่วนใหญ่ที่อยู่ที่นี่มาก เพราะพวกคุณไม่ได้มองตนเองในฐานะผู้ให้ความรู้ แต่มองตนเป็นแค่อาจารย์ พวกคุณคิดว่าหน้าที่ของตนคือเข้าคลาส สอน และไม่เคยคิดว่านักศึกษาจะรับวิธีสอนของพวกคุณได้ไหม พวกคุณเองก็ไม่เคยคิดว่าจะทำอย่างไรในฐานะผู้ให้ความรู้คนหนึ่ง พวกคุณเคยคิดถึงคำถามหนึ่งไหมว่า ทำไมตอนพวกคุณสอนถึงมีนักศึกษาบางคนออกจากห้องกลางคัน ทำไมถึงมีนักศึกษาไม่ชอบคลาสเรียนของพวกคุณ!”
“คุณ…” ใบหน้าของศาสตราจารย์อาวุโสคนนั้นกระตุก นี่มันตีวัวกระทบคราดชัดๆ คลาสของศาสตราจารย์อาวุโสไม่ค่อยเคร่งครัดมาก ท่าทีสำหรับนักศึกษาคือ อยากฟังก็ฟัง ไม่ชอบก็ไป ไม่เคยบังคับนักศึกษาคนไหนเลย
“เหล่าโจวพูดแบบนี้หมายความว่ายังไง? ผมรู้ว่าเวลาคุณสอน จะมีนักศึกษาออกนอกห้องเรียนกลางคันน้อยมาก แต่คุณจะมาตีวัวกระทบคราดแบบนี้ไม่ได้สิ? ความคิดของนักศึกษาน่ะมีหลายอย่างนัก พวกเขาบรรลุนิติภาวะแล้ว ตัวเองอยากทำอะไร ตัวพวกเขาเองไม่รู้หรือไง? พวกเขาอยากไป ผมจะทำอะไรได้?” ศาสตราจารย์อาวุโสอธิบายอย่างมีหลักการ
ศาสตราจารย์อาวุโสแค่นเสียงหึ ถามว่า “นี่ยังไม่ชัดว่าที่จะแสดงว่าคลาสของคุณน่ะไม่ดีหรือไง? ผมไม่ได้จงใจว่าศาสตราจารย์หวงคนเดียว ผมว่าทุกคนในที่นี้ คลาสของพวกคุณทุกคนน่ะคร่ำครึเกินไป ไม่มีอะไรแปลกใหม่เลย อารมณ์แบบเรียนไปวันๆเหมือนกันหมด พวกคุณไม่เคยคิดอย่างจริงจังเพื่อวงการศึกษาเลย คิดว่าแต่จะเอาเงินเดือนตอนสิ้นเดือน เท่าที่ผมดูนะ พวกคุณไม่คู่ควรกับคำว่าศาสตราจารย์เลย”
คำพูดของศาสตราจารย์โจวเสียบทะลุแทงใจ มีหลักมีการ! พูดจนอาจารย์ทุกคนในที่นั้นเบิกตากว้าง
ขนาดอธิการบดียังไม่กล้าพูดแบบนี้เลย ไม่คิดเลยว่าศาสตราจารย์โจวจะกล้าต่อว่าอาจารย์มหาลัยทั้งหมดรวมถึงอาจารย์ระดับสูงด้วย
อาจารย์และศาสตราจารย์หลายคนโกรธจนไม่รู้จะพูดอะไรดี ตาแก่นี่บ้าไปแล้วจริงๆ เขาไม่สนใจความรู้สึกกับทุกคนแล้ว คิดอะไรในสมองก็ทำแบบนั้นเลย
“เหล่าโจว!” อธิการบดีที่นั่งอยู่ข้างๆทนดูต่อไปไม่ไหว รีบเรียกศาสตราจารย์โจว
ศาสตราจารย์โจวหันมองอธิการบดี อธิการบดีหัวเราะเสียงแห้งว่า “คนอย่างศาสตราจารย์โจวก็แบบนี้แหละ พูดจาค่อนข้างตรง ทุกคนต่อไปก็เป็นเพื่อนร่วมงานกัน ผมหวังว่าทุกคนจะ…”
“เอาล่ะ!” ศาสตราจารย์โจวตัดบทคำพูดของอธิการบดี พลางว่า “ผมยังพูดไม่จบซะหน่อย!”
เขาไม่สนใจเลยสักนิดว่าคนอื่นจะรู้สึกยังไง พูดต่อไปว่า “ศาสตราจารย์หวง ผมรู้สึกว่าหลักการของคุณเมื่อกี้ไม่สมเหตุสมผล คุณบอกว่าคนนั้นเขาเป็นคนเรียนจบแค่ม.ปลาย คุณเลยจะไม่ฟังคลาสของเขา เขาเองก็ไม่คู่ควรให้คุณไปฟังคลาสของเขา งั้นตามแนวคิดของคุณ คุณสามารถเข้าใจปัญหาทั้งหมดระดับต่ำกว่าม.ปลายงั้นหรอ? ถ้าคุณเข้าใจ งั้นผมออกโจทย์ประถมข้อหนึ่งมาทดสอบคุณ ดูสิคุณจะตอบได้ไหม”
สีหน้าศาสตราจารย์หวงมีแววเก้อเขินกระดาก แก้มสองข้างกระตุกไม่หยุด เขากัดฟันกรอด หรี่ตาแค่นเสียงเยาะออกมาพลางตะคอกดังว่า “คุณกำลังพูดจาโอเวอร์เกินจริงให้ทุกคนคล้อยตาม อยากจะเห็นผมทำผิดต่อหน้าอาจารย์มากมายล่ะสิ? ผมจะบอกให้นะ ศาสตราจารย์โจว คุณอยากเห็นผมทำผิดพลาด เลิกฝันได้เลย”
ศาสตราจารย์โจวแค่นเสียงหึพลางว่า “งั้นคุณถือสิทธิ์อะไรดูถูกคนการศึกษาต่ำล่ะ? หรือว่าการศึกษาต่ำก็จะไม่มีอะไรให้พวกเราเรียนรู้เลยหรือไง? ในด้านการศึกษาคนอย่างพวกคุณเป็นระดับท็อปหรือไง? ใบปริญญาถือเป็นสิ่งที่ไม่สามารถพิสูจน์คุณค่าของคนได้มากที่สุดแล้ว สิ่งที่พิสูจน์คุณค่าของคนอย่างแท้จริงคือความสามารถ ไม่ใช่ใบปริญญา คนที่มีความสามารถจริงๆไม่ต้องมีใบปริญญาอะไรมาพิสูจน์ตัวเองหรอก ใบปริญญาใช้ได้แต่กับพวกคนความคิดคร่ำครึเท่านั้นแหละ”
ศาสตราจารย์โจวพูดเจาะประเด็น เวลาพูดสองตาเขาจ้องเขม็งไปที่ศาสตราจารย์หวง ท่าทางเหมือนจะออกรบยังไงยังงั้น
ศาสตราจารย์หวงเสียเปรียบอย่างเห็นได้ชัด เขาไม่กล้าค้านกับคนบ้าอย่างศาสตราจารย์โจว เพราะความดื้อรั้นของศาสตราจารย์โจวทุกคนต่างรู้ดี ถ้าไม่ชนะ เขาไม่มีทางยอมหยุด เรื่องที่เขายึดมั่น ต่อให้มีแค่เขาคนเดียว เขาก็จะทำ
“คลาสวันนี้ ผมไม่สนว่าทุกคนคิดยังไง ผมหวังว่าทุกคนจะไป! มันจะเป็นคลาสที่ชาตินี้พวกคุณจะลืมไม่ลง! ผมรับรองว่าถ้าไปแล้วพวกคุณจะไม่เสียใจ ถ้าไม่ไปสิจะเสียใจไปตลอดชาติเลย”
พูดถึงประโยคสุดท้ายนี้ ศาสตราจารย์โจวยิ้มมุมปากเล็กน้อย ก่อนยืดตัวตรง
อธิการบดียิ้มตาค้าง พลางว่า “ผมรู้สึกว่าศาสตราจารย์โจวพูดมีเหตุผล เขาเองก็ทำผลงานเพื่อวงการศึกษาเรา โดยส่วนตัวผมเชื่อใจศาสตราจารย์โจวมาก ถ้าสามารถไปฟังได้ ผมก็แนะนำให้ทุกคนไปฟังสักหน่อย แน่นอน คนที่ยุ่งจริงๆก็ไปทำงานส่วนของตนก่อน ยังไงซะเราจะอัดคลิปเก็บไว้”
การที่อธิการบดีเดินตามแนวคิดของศาสตราจารย์โจว เป็นเพราะพูดอะไรไปก็ไม่มีประโยชน์
ศาสตราจารย์โจวไม่ไว้หน้าอธิการบดีเลย พูดให้น่าเกลียดอีกนิด หลายๆการประชุมที่เขาไม่ไว้หน้าอธิการบดีเลย จนทำให้ตอนนี้ความน่าเกรงขามของอธิการบดีลดลงไม่น้อย
“คลิปไม่มีความรู้สึกเหมือนไปฟังจริงๆ ถ้าคิดว่าตัวเองมีความสามารถมากกว่าผม ไม่ต้องไปก็ได้!” พูดจบ ศาสตราจารย์โจวเดินออกจากห้องประชุมไป
นี่เป็นนิสัยของศาสตราจารย์โจว เขาไม่คิดจะปิดบังความรู้สึกสักนิดกับสิ่งที่ชอบ และสิ่งที่ไม่ชอบเขาก็ไม่แคร์ที่จะแสดงมันออกมาเช่นกัน สรุปแล้วใครอยากได้หน้าต่อหน้าเขามันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย นอกจากว่าคุณจะสามารถทำให้เขายอมรับได้
ตาแก่ดื้อ คำเรียกของศาสตราจารย์บ้านี่ไม่ได้ล้อกันเล่นหรอกนะ
ไม่นาน ฟางเหยียนก็มาถึงมหาลัยหนานหลิง เวลาที่นัดไว้กับศาสตราจารย์โจวคือบ่ายสอง ตอนนี้บ่ายโมงห้าสิบนาที ใช้เวลาสิบนาทีหาตำแหน่งห้องเรียนพอแล้ว
ใครจะรู้พอมาถึงหน้าประตู ก็เห็นศาสตราจารย์โจวกับอาจารย์หลายคนรวมถึงนักศึกษา ฟางเหยียนนั่งแท็กซี่มา พึ่งลงรถมา พอศาสตราจารย์โจวเห็นฟางเหยียน ถึงแม้จะอยู่ไกล แต่เขาก็เดินเข้าไปหาฟางเหยียนอย่างทนรอไม่ไหวแล้ว
“ศาสตราจารย์ฟาง!” ศาสตราจารย์โจวยกมือขึ้นทักทายฟางเหยียน พูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้มว่า “ยินดีต้อนรับครับ ศาสตราจารย์ฟาง”
ฟางเหยียนยกมือขึ้นจับมือกับศาสตราจารย์โจวพลางว่า “เกรงใจไปแล้วครับ”
เขาเองก็หน่ายใจ ศาสตราจารย์โจวเรียกตนแบบนี้ อยากปฏิเสธก็ยากละ
อาจารย์หนุ่มสองคนที่ยืนด้านหลังศาสตราจารย์โจวกระซิบกระซาบกันว่า “ที่แท้นี่ก็เป็นชายหนุ่มอนาคตไกลของศาสราจารย์โจวนี่เอง ดูท่าทางเขาน่าจะยังไม่ถึงสามสิบล่ะมั้ง?”
“อย่าพึ่งพูดถึงอายุ ผมคิดว่าครั้งนี้ศาสตราจารย์โจวทำโอเวอร์ไปจริงๆ หมอนี่ดูยังไงก็ไม่น่าเป็นศาสตราจารย์นะเนี่ย? รูปร่าง การแต่งตัวไม่เหมือนศาสตราจารย์เลย”
“เอาล่ะ เราอย่าคุยกันเลยดีกว่า ถ้าศาสตราจารย์ได้ยินเข้าล่ะเราแย่แน่!”
ทั้งสองมองสบตากัน และดึงสายตากลับไปที่ตัวฟางเหยียนและศาสตราจารย์โจวอีกครั้ง
ฟางเหยียนทักทายกับศาสตราจารย์โจวเล็กน้อยก่อนถามขึ้น “ศาสตราจารย์โจว เรื่องหินทิพย์คุณวิจัยเสร็จหรือยังครับ?”