จอมนักรบทรงเกียรติยศ - ตอนที่ 406
เมื่อพูดถึงจุดนี้ จู่ๆมือถือของเทียนขุยก็ดังกริ๊งๆขึ้น เสียงของโทรศัพท์ขัดจังหวะคำพูดของเขา เทียนขุยยกมือถือขึ้นมาดูบนหน้าจอ ชะงักไป แล้วกล่าว “จอมพลโผ้จวินครับ หวงหยวนฉาวโทรมา”
หวงหยวนฉาวผู้เฒ่าคนนี้ไม่กล้าโทรหาฟางเหยียน แต่โทรหาเทียนขุยบ่อยๆ ด้วยสถานะและตำแหน่งของเขาจะติดต่อกับฟางเหยียนนั้นไม่ค่อยเหมาะสมจริงๆ แต่ติดต่อเทียนขุย ก็ไม่ได้กระทบอะไรมากนัก
ยังไงเทียนขุยก็ดูแลคนของเขตซีหนานทั้งหมดอยู่แล้ว และหวงหยวนฉาวก็เป็นเศรษฐีอันดับหนึ่งของเขตซีหนาน ดังนั้นการที่ติดต่อกับเทียนขุย ก็ไม่ได้เป็นเรื่องที่เกินไป ส่วนฟางเหยียน มียศถาบรรดาศักดิ์ ด้วยสถานะของหวงหยวนฉาวจะติดต่อเขาก็ดูไม่งามจริงๆ
“รับเถอะ!” ฟางเหยียนกล่าวอย่างสบายๆ
เทียนขุยรับสายของหวงหยวนฉาว ปลายสายเป็นเสียงของหวงหยวนฉาว “รองผู้นำเทียนขุย มีเรื่องที่ผมอยากบอกคุณหน่อย รบกวนคุณรายงานจอมพลโผ้จวินด้วยนะครับ”
เทียนขุยเปิดลำโพง แล้วกล่าว “ครับ คุณพูดมาได้เลยครับ”
หวงหยวนฉาวพูดทางโทรศัพท์ว่า “ช่วงนี้ที่เมืองจินโจวมีข่าวลือไม่ดีออกมา ว่ามีธุรกิจต่างชาติกำลังเล่นงานคู่ค้าธุรกิจเขตซีหนานของพวกเรา นั่นก็คือธุรกิจของภรรยาจอมพลโผ้จวินนั่นเอง หนึ่งสัปดาห์ถูกเล่นงานหนักๆไปสามครั้ง พวกเราได้ออกโรงไปช่วยแก้ไขปัญหาบางส่วนบ้างแล้ว แม้ปัญหาไม่ใหญ่มากนัก แต่ผมก็อยากรายงานจอมพลสักหน่อย ผมกังวลว่าคนพวกนี้ไม่น่าจะหยุดแค่นี้ น่าจะยังทำเรื่องอะไรไม่ดีต่อคุณหญิงอีกแน่นอน”
“สืบหรือยังว่าใครเป็นคนบงการ?” ฟางเหยียนได้ยินว่าธุรกิจของเย่ชิงหยู่เกิดปัญหา จึงได้รีบกล่าวออกมา น้ำเสียงค่อนข้างซีเรียส เพราะนั่นเป็นผู้หญิงที่เขาเป็นห่วงมากที่สุด และเป็นญาติพี่น้องคนเดียวในโลกนี้
หวงหยวนฉาวส่งเสียงเอ่อ แล้วกล่าว “ยังเลยครับ จอมพล แต่ผมได้ส่งคนไปสืบแล้ว และได้ให้คนปกป้องคุณหญิงลับๆแล้วครับ หากสืบได้ความแล้วผมจะรายงานท่านไปนะครับ แต่ผมว่าท่านไปหาคุณหญิงเองดีกว่านะครับ!ผมได้ยินลูกน้องพูดว่า ช่วงนี้คุณหญิงสติไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัว และไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น”
“อืม!ผมรู้แล้วครับ” ฟางเหยียนตอบ รู้สึกไม่ค่อยน่าไว้ใจเท่าไหร่ จึงได้ถามต่ออีกว่า “ขอบคุณนะครับ ท่านหวง ถ้ามีอะไรอัปเดต กรุณารายงานให้ผมทราบโดยเร็วด้วยนะครับ”
“ได้ครับๆ!” เมื่อพูดถึงจุดนี้ หวงหยวนฉาวก็ตัดสายไป
ไม่ต้องสงสัยสักนิดเลย จะต้องเป็นคนที่แฮกคอมพิวเตอร์บริษัทของเย่ชิงหยู่ครั้งที่แล้วแน่นอน คนพวกนั้นหาวิธีเล่นงานเย่ชิงหยู่ไม่ได้แล้ว จึงได้ใช้วิธีชั้นต่ำแบบนี้ มันช่างน่าชังเสียจริงๆ ตอนนี้ฟางเหยียนค่อนข้างเสียใจที่ไม่ได้จัดการคนพวกนั้นตั้งแต่แรก หลิวเสวเหว่ยเจ้าหน้าที่ไอทีของบริษัทบอกว่าถูกแฮกเข้ามาด้วยความไม่เจตนา ตอนนี้ดูๆแล้ว ไม่ใช่ไม่เจตนาแล้วล่ะ คนพวกนั้นคิดไว้ตั้งแต่ต้นแล้วว่าจะระรานบริษัทเย่ชิงหยู่ ตอนนั้นฟางเหยียนน่าจะให้ความสำคัญกับปัญหานี้ แต่กลับประมาท ตอนนั้นฟางเหยียนไม่คิดให้รอบคอบจริงๆ
ยังดีที่เย่ชิงหยู่ไม่ได้รับอันตรายใดๆ ถ้าเธอได้รับอันตรายใดๆแม้แต่น้อย จะได้เห็นดีกันแน่!
เมื่อเห็นฟางเหยียนสีหน้าเป็นกังวล เทียนขุยจึงได้ถามว่า “จอมพลโผ้จวิน ตอนนี้พวกเราจะไปไหนกันครับ?กลับไปที่เมืองจินโจวก่อนหรือว่าไปที่ตระกูลหม่าครับ?”
เทียนขุยรู้ว่าคุณหญิงสำคัญกับจอมพลโผ้จวิน ถ้าไม่สำคัญมาก จะทำอะไรที่ยิ่งใหญ่ขนาดนั้นในวันเกิดของคุณหญิงได้อย่างไรกัน คนของสำนักเจ็ดพิฆาตทั้งหมดรวมตัวกันที่บ้านของคุณหญิง เพียงเพื่ออวยพรเธอเท่านั้น เหตุการณ์แบบนี้เห็นได้น้อยมากในสนามรบ เห็นได้ชัดว่าคุณหญิงสำคัญกับจอมพลโผ้จวินจนไม่สามารถใช้คำใดๆมาอธิบายได้
ฟางเหยียนโบกมือแล้วกล่าว “ไปที่ตระกูลหม่าก่อนนั่นแหละ!ถึงแม้คุณหญิงจะสำคัญมาก แต่ถ้าพวกเราไปก็แค่แหวกหญ้าให้งูตื่น ให้พวกมันทำไปก่อน ผมจะดูว่าอะไรที่มันกล้าทำภรรยาของผม”
“แต่…” เทียนขุยหยุดพูดไป หลังจากที่เงียบไปสักพัก ก็ได้รวบรวมความกล้าแล้วกล่าว “แต่พวกนั้นมันจะทำอะไรกับคุณหญิงหรือเปล่าครับ?ให้ผมส่งกำลังทหารไปคุ้มกันคุณหญิงก่อนมั้ยครับ?”
ฟางเหยียนคือจอมพลโผ้จวินของประเทศหวา เป็นเทพแห่งสงครามปัจจุบัน ครอบครัวของเขาคู่ควรกับการคุ้มกันแบบนี้ ถ้าแม้แต่ครอบครัวของเทพเจ้าแห่งสงครามผู้มีเกียรติระดับนี้ยังไม่คู่ควรกับการคุ้มกันแบบนี้ งั้นบนโลกนี้จะมีใครที่คู่ควรกับการคุ้มกันแบบนี้อีก?
ฟางเหยียนชะงัก แล้วกล่าว “ไม่ต้อง แบบนี้จะทำให้ชิงหยู่ตกใจ”
เย่ชิงหยู่ไม่รู้ตัวตนอีกด้านของฟางเหยียน เธอรู้เพียงว่าฟางเหยียนคือคุณชายของตระกูลฟาง ไม่รู้ว่าเขาคือเทพเจ้าแห่งสงครามของประเทศหวา ในสายตาของเย่ชิงหยู่ ตระกูลฟางก็ยิ่งใหญ่มากพอแล้ว การที่ฟางเหยียนเป็นคุณชายของตระกูลฟางก็มากพอที่จะทำให้เธอตะลึงได้แล้ว ถ้าตอนนี้โผล่ตัวตนเทพเจ้าแห่งสงครามของประเทศหวา ที่สามารถสั่งการกองกำลังเป็นพันเป็นหมื่นได้เข้าไปอีก ก็มีแต่จะทำให้เธอตกตะลึงสุดๆเข้าไปอีก
ในรถเงียบสงัดลงอีกครั้ง ฟางเหยียนสูดหายใจเข้าลึกๆ ย้อนกลับไปตอนที่ก่อนจะรับสาย เขาเงยหน้ามองเทียนขุยแล้วถาม “พูดเรื่องเมื่อกี๊ต่อ เรื่องเบอร์โทรศัพท์นั่น นึกไม่ถึงว่าจะอะไร?”
เทียนขุยตอบ “เจ้าของเบอร์โทรนั่นนึกไม่ถึงว่าจะใช้ชื่อของเย่เทียนพ่อบุญธรรมของท่านลงทะเบียนไว้”
“คุณพูดว่าอะไรนะ?” ทันใดนั้นฟางเหยียนรู้สึกตกใจขึ้นมา สีหน้าของเขาเริ่มปรากฏความไม่สบายใจขึ้น
เทียนขุยได้พูดซ้ำอีกครั้ง “ผมไปตรวจสอบเบอร์นั้นมา เจ้าของเบอร์คือเย่เทียนพ่อบุญธรรมของท่านลงทะเบียนไว้ และเวลาที่ลงทะเบียนคือ เมื่อหนึ่งสัปดาห์ก่อน”
สีหน้าของฟางเหยียนยิ่งโมโหเข้าไปใหญ่ ใคร?ใครมันบงการอยู่เบื้องหลัง ทำไมต้องลากคนที่เสียชีวิตแล้วเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย เย่เทียนถูกพวกมันบีบจนตาย แล้วทำไมพวกมันยังต้องไปรบกวนคนตายด้วย
คนพวกนั้นมันบ้าไปแล้ว พวกมันอยากจะเบ่งอำนาจกับตนงั้นเหรอ?เหมือนพวกมันกำลังพูดกับตนว่า เห็นหรือยัง นี่คือจุดจบของการเป็นปฏิปักษ์กับพวกเรา อย่าว่าแต่แกที่เป็นคนที่ยังมีชีวิตอยู่เลย ต่อให้เป็นคนตาย พวกเราก็ไม่มีทางให้มันสงบสุขได้
การข่มขู่ สิ่งนี้ได้กระตุ้นฟางเส้นสุดท้ายของฟางเหยียนแล้ว เพลิงเสวนองค์กรนี้ จะต้องพังทลาย!ต้องพังให้ได้!
“ได้!” ฟางเหยียนกัดฟันให้คำพูดนี้ออกมาจากร่องฟันของตัวเอง จากนั้นหลับตาพยักหน้ารัวๆแล้วกล่าว “ในเมื่อพวกแกชอบเล่นแบบนั้น งั้นฉันก็จะเล่นเป็นเพื่อนพวกแก ฉันจะให้พวกแกรู้ว่าอะไรคือพลัง!”
พลังสองคำนี้ฟางเหยียนเปล่งเสียงออกมาจากหน้าปก หลังจากที่เปล่งเสียงนี้แล้ว รู้สึกว่าหน้าต่างรถมีเสียงปังดังขึ้น เทียนขุยหวาดระแวงจนมองผ่านกระจกมองหลังไป เห็นกระจกของรถแตกจากกระจกมองหลัง กระจกรถถูกพลังของฟางเหยียนสะเทือนจนแตกแล้ว
อุปกรณ์ของรถหงฉีไม่เหมือนกับรถธรรมดามาก กระจกรถยึดแน่นมาก วัยรุ่นใช้ค้อนทุบอย่างแรงก็ไม่สามารถทุบให้แตกได้ แต่ถูกพลังของฟางเหยียนทำให้แตกแล้ว
แต่เขาไม่ได้รู้สึกแปลกใจอะไร พลังที่จอมพลโผ้จวินปล่อยออกมานี้สำหรับเขาแล้วเป็นเพียงเศษเสี้ยวเดียวจากพลังอันมหาศาล
แต่สิ่งที่สะท้อนออกมาให้เห็นคือจอมพลโผ้จวินโมโหแล้ว เขาโมโหแล้วจริงๆ