จอมนักรบทรงเกียรติยศ - ตอนที่ 41
บทที่ 41 นี่ไม่ใช่ปรึกษา แต่เป็นคำสั่ง
จากนั้นก็มีคนสองคนเดินเข้ามาจากประตูใหญ่คฤหาสน์บ้านหลิน คนหนึ่งอายุราวยี่สิบสี่ยี่สิบห้าปี สีหน้าซีดขาด ท่วงท่าย่างก้าวแผ่วเบา ดูแล้วเป็นขี้โรค อีกคนอายุราวสามสิบกว่า รูปร่างใหญ่โตกำยำ ท่วงท่าเดินหนักแน่น
สองคนนี้หลิวจินหม่านรู้จัก คนหนึ่งคือฟางเหยียนซึ่งเป็นลูกเขยแต่งเข้าบ้านเมียของบ้านเย่ อีกคนคือแขกวีไอพีคนนั้นที่วันนั้นหวงหยวนฉาวเจ้าพ่อซีหนานกรุ๊ปเชิญมา รองผู้นำกองทหารภาคตะวันตกเฉียงใต้ คุณเทียนขุย
เทียนขุยฐานะสูงส่งมาก นี่เป็นสิ่งที่คนที่มีฐานะของเมืองจินโจวต่างรู้กันดี ในเมื่อเป็นรองผู้นำกองทหารภาคตะวันตกเฉียงใต้ แสดงว่าตำแหน่งสูงมากทีเดียว ต่อให้เป็นบ้านเซียว ก็ไม่สามารถเชิญคนระดับเทียนขุนมาได้
แต่เทียนขุยคนนี้กลับเดินตามหลังลูกเขยบ้านเย่ สีหน้าเคร่งเครียด ไม่ว่าจะดูยังไงก็เป็นการ์ดดีๆนี่เอง
พอได้ผลสรุปอันน่าตกใจแบบนี้ออกมา คนบ้านหลิวแทบสะอึก! ตำแหน่งของฟางเหยียนนี่ดูท่าจะเหนือกว่าเทียนขุยงั้นหรอ?!
วินาทีนั้นเขาพลันนึกถึงข่าวลือก่อนหน้านี้ว่า มีคนใหญ่คนโตคนหนึ่งมาที่จินโจว
เดิมเขาคิดว่าคนใหญ่คนโตนี่คือหวงหยวนฉาว แต่ตอนนี้ดูแล้ว คงไม่ใช่หวงหยวนฉาวซะแล้ว
ไม่ใช่เทียนขุย และก็ไม่ใช่หวงหยวนฉาว งั้นคนใหญ่คนโตคนนี้คงต้องเป็นลูกเขยบ้านเย่คนนี้แน่แล้ว!
“แกจะทำอะไร?” หลิวต้าหลงลุกขึ้นดึงลูกสาวตัวเองหลบหลังคล้ายจะปกป้อง
หลิวเหยาเหยาพึ่งโดนฟางเหยียนรังแกมา นี่พึ่งบอกจะไปสืบเรื่องเขา แต่เขากลับมาถึงนี่ด้วยตัวเองเลย
นี่ไม่ใช่จงใจมาหาเรื่อง แล้วจะเป็นอะไรล่ะ?
ฟางเหยียนไม่พูดจา ได้แต่เดินเข้ามาทีละก้าว
“ใครอยู่แถวนี้บ้างวะ ออกมา!” หลิวต้าหลงแตกตื่น รีบตะโกนเรียกคนข้างนอกเข้ามา
แต่เรียกไปสิบกว่าทีก็ไม่มีใครมา และไม่มีเสียงใครตอบด้วย
“คุณคิดว่าผมจะมาที่นี่โดยไม่เตรียมตัวอะไรเลยงั้นหรอ?” ฟางเหยียนเผยรอยยิ้มเย็นพลางว่า
หลิวต้าหลงรู้ได้ในทันที ใช่ พวกเขาเข้ามาถึงในบ้านแล้ว พวกการ์ดด้านนอกยังไม่ขึ้นมา นี่ไม่เหมือนสไตล์บ้านหลิวเลย
“แก แก แกฆ่าพวกมันหมดแล้วหรอ?” หลิวต้าหลงอ้าปากค้าง สีหน้าตกตะลึง
คำพูดนี้ทำเอาทั้งห้องระส่ำระสาย รวมถึงหลิวจินหม่านที่ผ่านประสบการณ์มาโชกโชนด้วย ยังอดอ้าปากค้างอย่างตกใจไม่ได้!
“หลิวจินหม่าน วางใจเถอะ ผมยังไม่ได้ฆ่าใครในบ้านคุณเลย?” ฟางเหยียนยังคงท่าทีสบายๆไม่ยี่หระอะไร
หลิวจินหม่านกลืนน้ำลายดังเอื๊อก ลอบมองเทียนขุย ตั้งแต่เข้ามาเขาก็ยืนในฐานะการ์ด ไม่พูดอะไรซักคำ ตอนนี้เขาเลยต้องเบนสายตากลับไปที่ฟางเหยียน
เทียนขุยเป็นคนที่สามารถเรียกระดมกองทหารได้ทุกเวลา อยากจะบดขยี้บ้านหลิวมันง่ายมาก และฟางเหยียนคนนี้เป็นใครกันแน่? เป็นใครกันถึงสามารถอยู่เหนือเทียนขุยได้ ถึงสามารถทำให้เทียนขุยยอมศิโรราบเป็นแค่ลูกน้องแบบนี้!
“แกไม่ได้ฆ่าคนบ้านฉัน แล้วแกมาที่นี่ทำไม?” หลิวต้าหลงถามอย่างเลิ่กลั่ก “แกคงไม่คิดจะอยากได้ลูกสาวฉันใช่ไหม?”
ตอนเขาพูด มือป้องกันหลิวเหยาเหยาไว้อย่างแน่นหนา
ความรักของพ่อที่มีต่อลูกพุ่งปรี๊ดกระจายไปทั่วห้อง!
“ตาใหญ่ นี่แกทำอะไร?” หลิวจินหม่านมองออกว่าเรื่องไม่น่าจะง่ายขนาดนั้น เลยร้องห้าม
“พ่อ มันรังแกเหยาเหยาของเรานะ ตอนนี้ก็มาหาเรื่องถึงที่ จะเป็นเรื่องดีไปได้ยังไง?” หลิวต้าหลงกลัวว่าลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของตัวเองจะโดนรังแกอีก
“หุบปาก!” หลิวจินหม่านตะคอกใส่
ก่อนหันไปพูดกับเทียนขุยและฟางเหยียนว่า “รองผู้บัญชาการทหารเทียนขุย คุณฟาง เป็นความผิดของผมเอง หวังว่ารองผู้บัญชาการทหารเทียนขุยกับคุณฟางจะไม่ถือสา ผมขอโทษแทนหลานสาวผมด้วยนะครับ”
ฟางเหยียนมุมปากกระตุกเล็กน้อย พูดด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ว่า “แค่เด็กคนหนึ่งเท่านั้นเอง ถ้าผมอยากจะฆ่าเธอจริงๆ เธอไม่มีโอกาสกลับมาบ้านหลิวของพวกคุณหรอก!”
คำพูดของฟางเหยียนแผ่วเบาลอยในอากาศ แต่กลับเหมือนฟ้าผ่าฟาดลงกลางสมองคนบ้านหลิว
เขาพูดจบก็มายืนอยู่ในห้องโถงบ้านหลิวและจ้องหลิวจินหม่านเขม็ง
หลิวเหยาเหยาตกใจกับคำพูดของฟางเหยียนจนไม่กล้าพูดอะไร เธอตัวสั่นเทากอดแขนหลิวต้าหลงแน่น
นายฟางเหยียนนี่ทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้ เธอจำได้ว่าฟางเหยียนเมื่อก่อนไม่ได้เป็นแบบนี้นี่ นั่นน่ะผู้ชายไม่ได้เรื่องคนหนึ่ง ขนาดจะพูดจะจายังไม่กล้าเสียงดังเลย แต่ตอนนี้กลับร้ายกาจขนาดนี้ ทุกคำพูดที่ออกมาก็ทำให้คนบ้านเธอรู้สึกกลัวกันหมด!
ตอนนี้เธอเสียใจมากที่ดันไปรังแกเย่ชิงหยู่ ถ้ามียาทำให้ย้อนเวลากลับไปได้ เธอจะไม่มีวันไปหาเรื่องเย่ชิงหยู่อะไรนั่นเด็ดขาด!
“หลิวจินหม่าน นี่เป็นการรับรองแขกของคุณงั้นหรอ?” ในที่สุดเทียนขุยก็เอ่ยปากแล้ว”
“เชิญนั่งครับ! อ้อ ไม่ คุณนั่งนี่เลยครับ!” หลิวจินหม่านลุกขึ้นยืนทันที ยกที่นั่งตัวเองให้
ฟางเหยียนโบกมือบอก “ไม่จำเป็นหรอก ผมมานี่แค่จะถามคุณไม่กี่คำเท่านั้น ถามเสร็จก็ไป”
หลิวจินหม่านรีบพูด “เชิญครับ เชิญเลย”
ฟางเหยียนไม่อ้อมค้อม พูดตรงประเด็นว่า “ผมต้องการให้คุณตัดขาดสัมพันธ์กับบ้านเซียวทุกทาง รวมถึงการค้าและการติดต่อพบปะด้วย”
หลิวจินหม่านอึ้งไปทันที เขายังไม่ทันได้พูดอะไร พี่น้องบ้านหลิวก็พูดขึ้น “จะทำงั้นได้ไง พวกเราอาศัยการร่วมงานกับบ้านเซียวถึงจะมีฐานะอย่างวันนี้ แกรู้ไหมว่าเมืองจินโจวมีอุตสาหกรรมอะไรบ้างเป็นของบ้านเซียวน่ะ?”
“เท่าที่เห็นๆกันอยู่ก็ไม่ต้องพูดถึงละ แต่อุตสาหกรรมเมื่อก่อนของบ้านเย่ก็โดนลูกค้าบ้านเซียวกวาดต้อนซื้อไปหมดแล้ว ถึงจะบอกว่าไม่ใช่คนของบ้านเซียวเอง แต่ใครเลยจะไม่รู้ว่านั่นเป็นฝีมือบ้านเซียวน่ะ”
“นั่นสิ ทั่วทั้งเมืองจินโจว ธุรกิจกว่าห้าสิบเปอร์เซ็นต์ล้วนเกี่ยวพันกับบ้านเซียว แกให้พวกเราไม่ร่วมงานกับบ้านเซียว แล้วธุรกิจใหญ่ขนาดนั้นของเราจะทำยังไงล่ะ?”
“ถ้าพวกคุณไม่ฟัง งั้นผมจะบดขยี้บ้านหลิวซะเลย ผม พูดได้ทำได้” พูดจบ ฟางเหยียนหมุนตัวเดินออกไป ทิ้งคนบ้านหลิวมองหน้ากับเลิ่กลั่ก
“พ่อ เอาไงดี?” พอเห็นฟางเหยียนออกไป หลิวต้าหลงถามขึ้นคนแรก
“ถ้าพวกเราตัดขาดสัมพันธ์กับบ้านเซียวจริงๆ พวกเราต้องโดนฆ่าล้างตระกูลแน่”
“ฆ่าล้างตระกูล เขาคิดว่าตัวเองเป็นใคร? บ้านหลิวของเราเขาคิดจะฆ่าล้างบางยังไงก็ได้หรือไง?”
หลิวจินหม่านคิดคำนวณผลดี-ผลเสีย เขาเงียบไปพักหนึ่งก่อนว่า “ตาใหญ่ ตารอง สั่งการลงไป ธุรกิจทั้งหมดของตระกูลหลิวตัดขาดความร่วมมือกับบ้านเซียนให้หมด”
“พ่อ เราจะต้องตกใจขนาดนี้เลยหรอ? การร่วมมือของบ้านหลิวเรากับบ้านเซียวยังทำอะไรฟางเหยียนคนเดียวไม่ได้หรอ?”
“อีกอย่าง พวกเราตัดสัมพันธ์ร่วมงานกับบ้านเซียว บ้านเซียวต้องหาเรื่องพวกเราแน่!”
หลิวจินหม่านยกมือขึ้นปราม พูดอย่างเคร่งเครียดว่า “อำนาจของกองทหารกับอำนาจของบ้านเซียว ใครใหญ่กว่า?” พี่น้องบ้านหลิงมองหน้ากันไปมา นี่เป็นคำตอบที่ไม่จำเป็นต้องพูดก็รู้
“หรือว่าพวกแกยังมองไม่ออกว่าลูกเขยบ้านเย่คนนี้ กลับมาเพื่อบ้านเย่หรือไง? บ้านเซียวแย่งชิงทุกสิ่งของบ้านเย่ไป บีบให้พ่อบุญธรรมเขาฆ่าตัวตาย เขากลับมาครั้งนี้ต้องให้บ้านเซียวชดใช้แน่”