จอมนักรบทรงเกียรติยศ - ตอนที่ 43
บทที่ 43 ยื่นมือเข้าช่วย
ฟางเหยียนไม่สนใจเธอเหมือนเดิม เหมือนในสายตาเขาแล้ว ไม่มีใครมีค่าพอให้สนใจ
เธอร้อนใจมาก รีบพูดว่า “เอาล่ะ เอาล่ะ ฉันไม่ล้อเล่นกับคุณแล้ว”
“ที่จริงฉันมาหาคุณครั้งนี้ ก็เพื่อเรื่องคราวก่อน ฉันรู้ว่าคุณไม่ชอบฉัน เรื่องเมื่อคราวก่อนฉันผิดไปแล้วจริงๆ ฉันครุ่นคิดอยู่นานแล้ว รู้สึกว่าตัวเองทำผิดไปจริงๆ ฉันรับประกันกับคุณเลยนะว่า ต่อไปจะไม่ทำอย่างนั้นอีก คุณให้ฉันเซ็นสัญญาได้ไหม?”
ฟางเหยียนยังคงไม่พูดอะไร ท่าทางเย็นชาราวกับน้ำแข็ง เธอทำหน้าราวกับจะร้องไห้พูดอย่างเหนื่อยใจว่า
“คุณรู้ไหม? ฉันยกเลิกงานอื่นในมือทั้งหมด เลยทำให้เถ้าแก่มากมายไม่พอใจ ตอนนี้พวกเขารุมกันหาเรื่องฉันอยู่เนี่ย ฉันแค่อยากรีบเซ็นสัญญาพรีเซนเตอร์ซีหนานกรุ๊ป แบบนี้พวกเขาจะได้ไม่กล้ามาหาเรื่องฉัน เถ้าแก่ ช่วยฉันหน่อยเถอะ ถือว่าสงสารฉันได้ไหม?”
“ขอโทษ ฉันไม่ว่าง!” พูดจบ ฟางเหยียนลุกขึ้นยืนพลางเดินไป
เวินหลานรีบร้องเรียกไว้ “นี่ อย่าพึ่งไปสิ ฉัน…”
เวินหลานลุกขึ้นหวังวิ่งตามไป แต่มีเสียงดุดันดังขึ้นซะก่อน
“เวินหลาน เถ้าแก่ให้เธอกลับไปกับพวกฉัน”
“หาเธอนี่หาตัวยากจริงนะ”
“ไม่ ฉันไม่กลับไปกับพวกนายหรอก” พูดจบ เวินหลานรีบวิ่งไปทางฟางเหยียน
วิ่งไปร้องเรียกไป “นี่ เถ้าแก่ ช่วยฉันด้วย”
ฟางเหยียนขี้เกียจแม้แต่จะชายตาแลหล่อน เขาไม่มีอารมณ์ดูละครฉากเล็กของคนอย่างเวินหลานแล้ว
ตอนนี้เองเวินหลานส่งเสียงอู้ๆเหมือนโดนปิดปากไว้
ฟางเหยียนส่ายหัวอย่างระอา แม่เวินหลานนี่เล่นละครแย่ไปหน่อยมั้ง! ทั้งหมดนี่เป็นแค่ละครเพื่อทำให้ฟางเหยียนเห็นใจเท่านั้น ผู้หญิงคนนี้ชอบเล่นละครแบบนี้!
ทางด้านเวินหลานโดนปิดปากจนสลบไปแล้ว และถูกคนกลุ่มหนึ่งลากไปขึ้นรถตู้สีดำ
บนรถตู้
ผู้ชายชุดดำคนหนึ่งมองเวินหลานอย่างกะลิ้มกะเหลี่ยตั้งแต่บนลงล่าง ระหว่างมองก็ยิ้มเจ้าเล่ห์ไม่หยุด เขามองไปมองไป มือก็อดลูบไล้ขาเวินหลานไม่ได้ ท่าทางแบบนั้นยังกับขอทานที่ไม่ได้กินข้าวมานานแล้ว ความตื่นเต้นและความสุขบนใบหน้านั่นอย่าให้บอกเลยว่าทุเรศแค่ไหน!
เขากลืนน้ำลายไปพูดไป “พี่ใหญ่ พี่ว่ายันเวินหลานนี่ปกติดูร่านขนาดนี้ ทำไมเถ้าแก่ไม่เคยลิ้มลองเลยล่ะ?”
“ทำไม? แกอยากลอง?” ผู้ชายเครายาวใส่แว่นดำนั่งที่นั่งข้างคนขับถาม
คนขับแทรกขึ้นมา “ฉันอยาก ทำไมจะไม่อยากล่ะ! พี่ใหญ่ พี่เองก็ไม่คิดว่าเวินหลานคือใคร ไอดอลในใจใครหลายๆคนเลยนะ ปกติชอบทำตัวแบ๊วประหนึ่งนักฆ่าชายหนุ่มยังไงยังงั้น ถ้าหล่อนมานอนสั่นเทาใต้ร่างพวกเราพี่น้องนะ จะภูมิใจขนาดไหนเนี่ย ต่อไปพวกเราเห็นหล่อนในหน้าจอทีวี ยังพูดได้ว่า เคยนอนกับหล่อนมาแล้ว”
“พี่ใหญ่ ถ้าไงพวกเราจัดการกันเถอะ! ผมว่าเจ้าสามพูดมีเหตุผลนะ” ผู้ชายที่นั่งด้านหลังยิ้มสีหน้ามาดร้าย
ผู้ชายที่นั่งข้างที่นั่งคนขับครุ่นคิดสักครู่ ก่อนพยักหน้าพลางว่า “ก็จริง พวกเราทำงานให้เถ้าแก่ ไม่เคยได้กำไรอะไรเลย งั้นเราเล่นๆกันก่อน ยังไงซะเล่นแค่ครั้งเดียวไม่พังหรอก”
หลายคนตกลงกันได้แล้วเลยขับรถไปทางแถบนอกเมือง
ระหว่างขับไปขับไป ทันใดนั้นก็ปรากฏร่างสีดำขึ้นร่างหนึ่งที่ด้านหน้า
“เดี๋ยว เดี๋ยว เจ้ารอง ช้าหน่อย มีคนยืนอยู่บนถนน” พี่ใหญ่ที่นั่งข้างคนขับพูดกับคนขับ
คนขับเหยียบเบรกฉับพลัน ผู้ชายที่นั่งด้านหลังกำลังแอบลูบเวินหลาน หัวเขาเลยโขกกับเบาะที่นั่งข้างคนขับเข้าอย่างจัง จนอดสบถออกมาไม่ได้ว่า “เล่นบ้าอะไรวะ ทำฉันเสียอารมณ์หมด”
“เจ้าสาม ลงไปดูสิ!” พี่ใหญ่สั่งการ ผู้ชายที่นั่งด้านหลังที่กำลังแอบลูบขาสาวลงจากรถไป และไม่ลืมหยิบมีดสั้นไปด้วย
ผู้ชายกลางถนนยืนหันหลังให้พวกเขา เจ้าสามร้องขึ้น “เฮ้ย มาทำอะไรวะ? หลบไปเลย พวกเราจะไปต่อ”
ผู้ชายแปลกหน้าไม่ได้หันกลับมา แต่พูดขึ้นอย่างเย็นชาว่า “ปล่อยผู้หญิงคนนั้น แล้วไสหัวไปซะ!”
เจ้าสามอึ้ง ก่อนด่าโขมงว่า “แกบ้าหรือเปล่า? ผู้หญิงที่ไหนหะ?
ผู้ชายแปลกหน้าไม่พูดอะไร ยังคงเย็นชาและลึกลับเหมือนเดิม!
“นี่ พูดกับแกนะ หูหนวกหรือไง? ผู้หญิงที่ไหนกัน?” เขาเดินเข้าไปหาเลย ยกมือขึ้นแตะไหล่ผู้ชายแปลกหน้า
“เพี๊ยะ!” จู่ๆผู้ชายคนนั้นหมุนตัวกลับมาตบหน้าเจ้าสามฉาดใหญ่
แค่ตบเดียว เจ้าสามก็ลงไปกองกับพื้น
จากนั้น ผู้ชายแปลกหน้าพูดขึ้นอย่างเย็นชาว่า “คำพูดเดิม ฉันไม่อยากพูดเป็นครั้งที่สอง!”
“แม่งเอ๊ย!” ฉากนี้ทำอีกสองคนบนรถตกใจ
เห็นพี่น้องตัวเองโดนทำร้าย พวกเขาโกรธมาก กระโดดลงจากรถไปทันที
“นี่ แกทำอะไรน่ะ? กล้าทำร้ายพี่น้องเราหรอ? รู้จักชื่อเสียงพวกเราสามเสือแห่งหนานหลิงไหม?” ผู้ชายเคราดกตะโกนเสียงดัง จากนั้นก็โชว์มีดที่มือทั้งสอง
“ฉันต้องการผู้หญิงบนรถพวกแก!” ฟางเหยียนยังคงเย็นชาไม่เปลี่ยน
ทั้งคู่สบตากันพลางหัวเราะ “แกบ้ารึเปล่า! ผู้หญิงคนนี้แกมีสิทธิ์เล่นได้หรือไง?”
ฟางเหยียนไม่ได้พูดอะไรอีก สาวเท้ายาวเข้าไปหาเลย เขายกมือขึ้น “เพี๊ยะ!” “เพี๊ยะ!” แค่สองฉาด สองคนนั้นก็สลบข้างทางแล้ว
ฟางเหยียนเดินไปขึ้นรถช้าๆ มองเวินหลานที่นอนสลบอยู่ เขาส่ายหน้าอย่างหน่ายใจก่อนอุ้มหล่อนไปที่โรงแรมแห่งหนึ่ง
——
สองวันให้หลัง บ้านเซียว
“อะไรนะ?” เซียวเจิ้นเที่ยนโกรธตบโต๊ะเสียงดัง ตะคอกว่า “ฆ่าฟางเหยียนคนเดียว ยังฆ่าไม่ตายหรือไง?”
หลายวันมานี้ไม่มีข่าวไหนที่เป็นผลดีกับบ้านเซียวเลย คนที่ส่งออกไปฆ่าฟางเหยียนไม่มีใครกลับมาอีกเลย ตอนนี้ด้านธุรกิจก็โดนผลกระทบหนัก ที่สำคัญที่สุดคือธนาคารยังหยุดการร่วมมือกับบ้านเซียว
พอเห็นเซียวเจิ้นเที่ยนที่โกรธควันแทบออกหู ลูกชายคนที่สามเซียวหงรีบพูด “พ่อครับ บ้านหลิวหยุดการร่วมงานกับเราทั้งหมด ตอนนี้ธุรกิจที่ร่วมมือกันปิดตัวลงหมดแล้ว”
“อะไรนะ?” เซียวเจิ้นเที่ยนกระแทกตัวลงนั่งที่เก้าอี้อย่างโมโห
“นี่ นี่ นี่!” เขาหอบหายใจเสียงดัง ถามอย่างโมโหว่า “งั้นแกมีไปเตือนบ้านหลิวไหม?”
เซียวหงตอบ “ไปแล้วครับ แต่ไม่เจอคนบ้านหลิวเลย พอถึงหน้าบ้าน พวกเขาก็ปิดประตูแล้ว จากนั้นไม่ว่าพวกเราจะเคาะประตูยังไง พวกเขาก็ไม่ยอมเปิดเลย”
สีหน้าเซียวเจิ้นเที่ยนบิดเบี้ยวด้วยความโกรธ เขากัดฟันกรอดตะโกนว่า “โอหังมากไปแล้ว! ถ้าไม่มีพวกเราบ้านเซียว จะมีบ้านหลิวในวันนี้หรือไง? มาถอนตัวออกตอนพวกเราเจอปัญหา นี่มันผีซ้ำด้ำมพลอยชัดๆ!”
เซียวไห่ปิง ลูกชายคนรองของเซียวเจิ้นเที่ยนจู่ๆก็พูดขึ้น “พ่อ พ่อไม่รู้สึกว่าแปลกหรอ?”
เซียวเจิ้นเที่ยนหรี่ตาลงเป็นเส้นบาง แค่นเสียงหึพลางว่า “พ่อจะไม่รู้สึกว่าแปลกได้ไง มีคนจงใจหาเรื่องบ้านเซียวเรา”