จอมนักรบทรงเกียรติยศ - ตอนที่ 435
กับแค่การทำลายสำนักไร้หน้า ไม่ต้องรอให้ร่างกายตนฟื้นฟูครบร้อยหรอก อย่างสำนักไร้หน้าอย่างนั้นยังไม่คู่ควรให้ตนใช้พลังเต็มร้อยหรอก พวกเขาไม่คู่ควร
หลังจากฟางเหยียนออกไป ก็เดินตรงไปเข้าห้างเลย นี่เป็นร้านขายเสื้อผ้าโดยเฉพาะ ถือว่าเป็นร้านเสื้อผ้าที่หรูที่สุดในหนานหลิงแล้ว ฟางเหยียน เดินตรงเข้าไปในร้านเลย ไม่ลังเลแม้แต่นิด
บางทีอาจเป็นเพราะราคาแพงมาก คนในร้านเลยน้อย ดูเงียบเหงาพิกล
ฟางเหยียนเดินผ่านกลางเสื้อผ้ามา ไม่นานก็มีพนักงานสาวสวยเข้ามาหา เธอสูงราวร้อยเจ็ดสิบ บวกกับรองเท้าส้นสูง มองดูแล้วยังสูงกว่าฟางเหยียนมากนัก ตอนเธอเห็นฟางเหยียน คิ้วขมวดขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว
เธอเห็นคนมาไม่น้อย ส่วนมากเป็นระดับชนชั้นสูงทั้งนั้น พวกเขาไม่แต่งตัวแบบฟางเหยียนนี่ ว่ากันว่าไก่งามเพราะคน คนงามเพราะแต่ง การแต่งตัวของคนจะบ่งบอกถึงฐานะในสังคมของเขาด้วย
แต่งตัวสบายๆอย่างฟางเหยียนนี่ เสื้อเชิ้ตกางเกงยีน แค่ดูก็รู้ว่าเป็นระดับพนักงานเงินเดือนธรรมดา ถ้าตนเดาไม่ผิด หมอนี่ต้องมาซื้อเสื้อผ้าเพราะไปงานแต่งงานเพื่อนหรือไม่ก็งานรวมรุ่นแน่
แต่เพราะตนเป็นพนักงาน เลยได้แต่ยิ้มหวานว่า “คุณคะ เชิญเลือกดูตามสบายเลยนะคะ”
ปากเธอว่าเลือกดูตามสบาย ก็หมายความว่าตามนั้น คนแบบนี้จะมีปัญญาซื้อเสื้อผ้าในนี้ได้ยังไง ชุดหนึ่งราคาเท่าเงินเดือนครึ่งปีเขาแล้วมั้ง
สายตาฟางเหยียนเฉียบมาก พริบตาเดินไปที่แผงยอดนิยมของร้าน นั่นเป็นเสื้อโค้ทกันลมตัวหนึ่ง คล้ายกับตัวที่เขาใส่ในกองทัพมาก เขาเงยหน้ามองเสื้อตัวที่แขวนไว้สูงสุด ไม่ลังเลสักนิด ชี้ไปที่ตัวนั้นพลางว่า “ชุดนี้ ผมจะลองหน่อย”
พนักงานสาวอึ้งก่อนเผยสีหน้ายิ้มหยันพลางว่า “คุณคะ เสื้อตัวนั้นลองไม่ได้ค่ะ เป็นเสื้อที่มีเพียงตัวเดียวในร้านเรา ถ้าลองแล้วจะส่งผลต่อการขายได้ค่ะ”
หมอนี่หน้าด้านจริงๆ เสื้อตัวนั้นราคาสามแสนแปดหมื่นแปด เป็นแบรนด์ระดับประเทศ ราคาพอให้เขาไม่ต้องทำงานไปหกเจ็ดปีเลย ในสายตาเธอ ฟางเหยียนก็แค่พนักงานกินเงินเดือนๆละสี่ห้าพันเท่านั้นแหละ
“ไม่เป็นไร ถ้าใส่พอดี ผมซื้อ!” ฟางเหยียนพูดเสียงเรียบ
พนักงานสาวคนนั้นสะอึกเล็กน้อย เธอไม่รู้ว่าจะว่าเขายังไงดีแล้ว
ตาแหลม? หรือจะพูดยังไงดีละ? คิดอยู่สักพัก เธอหัวเราะเหอะเหอะพลางว่า “คุณคะ ถ้าไงมาดูทางนี้เถอะค่ะ! ทางนี้มีเสื้อผ้าที่เหมาะกับคุณ เสื้อผ้าทางนี้เซตหนึ่งราคาไม่กี่หมื่น เสื้อตัวนี้ฉันว่าคุณอย่าซื้อเลยค่ะ คุณ…” เธอกวาดสายตามองฟางเหยียนตั้งแต่หัวจรดเท้า แสดงท่าเหยียดหยามออกมาตรงๆ เธอรู้สึกว่าฟางเหยียนไม่มีปัญญาซื้อหรอก
หลายหมื่นก็แค่พูดให้เขากลัวเท่านั้น พอได้ยินว่าหลายหมื่น เขาคงรู้ตัวและยอมจากไปล่ะมั้ง
คนแบบนี้เธอเห็นมามากแล้ว วิธีต่อกรกับคนแบบนี้เธอเองก็มีไม่น้อย
ในตอนนี้เอง ชายหนุ่มอายุรุ่นราวคราวเดียวกับฟางเหยียนเดินเข้ามา เขาใส่แว่น มีผู้หญิงเซ็กซี่สวยงามเดินเคียงกันเข้ามา ตัวผู้หญิงขายาวเรียว ร่างสูงราวร้อยเจ็ดสิบ แต่ออร่าดูดีกว่าพนักงานสาวตรงหน้ามากนัก ตัวผู้ชายใส่ชุดทันสมัยมาก แค่ดูก็รู้ว่าเป็นคนระดับสูง แต่สีหน้าผู้ชายดูไม่ดีนัก สีหน้าดูแย่มาก ดูแล้วไม่มีสีเลือดเลย น่าจะเป็นเพราะการใช้ชีวิตของเขา เขาน่าจะมีผู้หญิงไม่น้อยเลยทีเดียว
ผู้ชายที่ได้ชื่อว่าคุณชายโล๋นี่เป็นกรรมการผู้จัดการของโล๋ซื่อกรุ๊ปแห่งหนานหลิง พ่อเขาเป็นประธานกรรมการของโล๋ซื่อกรุ๊ป ตระกูลเขาทำธุรกิจการโรงแรม ในหนานหลิงมีโรงแรมครึ่งหนึ่งอยู่ภายใต้โล๋ซื่อกรุ๊ป หลายอำเภอนักที่มีธุรกิจของตระกูลเขาไม่น้อย
แต่เขาไม่เหมือนกับพวกลูกคุณหนูคุณชายพวกนั้น ไม่เคยรวมหัวกับพวกเขา ไม่ใช่เพราะเขารู้สึกว่าตนไม่เก่งพอ แต่เป็นเพราะเขาไม่ชอบพวกที่ใช้วิธีน่าเบื่ออ่อนหัดพวกนั้น งานอดิเรกเดียวที่เขาชอบคือผู้หญิง เปลี่ยนอาทิตย์ละคนนี่ถือเป็นเรื่องปกติแล้ว ด้วยเหตุนี้เขากินยาเป็นประจำ ทำให้ร่างกายเขากลายมาอยู่ในสภาพดูแข็งแรงด้านนอกแต่ที่จริงแล้วด้านในขี้โรค ทำให้วินาทีแรกที่เห็นเขา คนจะรู้สึกว่าอ่อนแอขี้โรค ไม่ว่าใครมาดูก็ต้องบอกว่าเขาไม่สบาย!
“อืม!” ผู้ชายคนนั้นรับคำพลางว่า “มาดูเสื้อโค้ทกันลมหน่อย อากาศเริ่มเย็นแล้ว”
พนักงานสาวรีบพาคุณชายโล๋เดินเข้ามาพลางว่า “เชิญทางนี้เลยค่ะ ที่นี่มีเสื้อโค้ทที่เหมาะกับคุณมากตัวหนึ่ง ออกแบบโดยดีไซน์เนอร์ของประเทศอี้ด้วยตัวเองเลยนะคะ หลายวันก่อนพึ่งมาถึงร้าน ไม่ว่าจะเป็นแบบหรือสไตส์ล้วนแต่เหมาะกับรูปร่างคุณมากเลย คุณลองดูก่อนได้นะคะว่าพอดีหรือเปล่า”
คุณชายโล๋รับคำมองไปผ่านๆพลางถาม “เท่าไหร่ล่ะ? ผมไม่สนใจของถูกหรอกนะ!”
“คุณชายโล๋วางใจได้เลยค่ะ เสื้อตัวนี้ต้องคู่ควรกับฐานะของคุณแน่ ราคาขายสามแสนแปดหมื่นแปดค่ะ” พนักงานอธิบายราคารัวๆ แถมยังหยิบไม้จะมาเอาเสื้อตัวนั้นลงมา
“เดี๋ยว!” ฟางเหยียนที่โดนเมินอยู่ข้างๆเรียกขึ้นเสียงเย็น
ดูท่าทางพนักงานสาวแล้วมันทำให้เขาไม่พอใจมาก
พนักงานสาวถึงพึ่งสังเกตว่ามีอีกคนที่สนใจเสื้อตัวนี้ เธอเลยหันมามองฟางเหยียนพลางว่า “คุณคะ คุณสามารถเลือกดูได้ตามสบายเลยค่ะ ฉันจะบริการประธานโล๋ลองเสื้อตัวนี้ก่อน”
ฟางเหยียนมองออกถึงเจตนาพนักงานสาว เลยถามขึ้น “เสื้อตัวนี้ร้านคุณไม่ให้ลองไม่ใช่หรือไง?”
คุณชายโล๋ได้ยินคำนี้เลยถามขึ้น “มีเรื่องแบบนี้ด้วย? เสื้อตัวนี้ลองไม่ได้?”
พนักงานสาวรีบพูด “เปล่านะคะ คุณชายโล๋ คุณสามารถลองเสื้อทุกตัวในร้านเราได้อยู่แล้วตามสบายเลย พวกเราจะกล้ามีกฎแบบนี้ได้ยังไงกัน กฎแบบนี้มีไว้ใช้กับคนบางจำพวกเท่านั้นล่ะค่ะ”
ตอนพูด สายตาพนักงานสาวแกล้งเพ่งเล็งไปทางฟางเหยียนหลายครั้ง
นับแต่อดีตมา มีการแบ่งแยกคนเป็นหลายจำพวกนัก มาตอนนี้กลับชอบพูดว่าทุกคนเท่าเทียมกัน ที่จริงแล้วในใจคนยังคงแบ่งแยกระดับคนอยู่นั่นแหละ พวกเขาแบ่งคนออกเป็นสามจำพวก หนึ่งคือชนชั้นสูง สองคือชนชั้นกลาง และอีกพวกที่น่าสงสารที่สุดคือชนชั้นล่าง มันเป็นจุดที่น่าสงสารที่สุดของคน เพราะไม่รู้เลยโดนจำแนกเป็นระดับชนชั้น
ที่จริงในสายตาสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งกว่า มนุษย์ก็แค่ของเล่นที่สามารถบังคับได้เท่านั้น
คำว่าทุกชีวิตเท่าเทียมกัน มักใช้ในสายตาพวกระดับสูงมากกว่านี้เท่านั้น ทุกคนล้วนเท่าเทียมกัน
ฟางเหยียนมองผู้หญิงคนนี้แล้วรู้สึกว่าเธอไม่สมควรเกิดมาเป็นคนเลย!