จอมนักรบทรงเกียรติยศ - ตอนที่ 45
บทที่ 45 อสูรเพลิงปรากฏตัว
“หือ? ชิงหยู่ของเราจะช่วยอะไรเธอได้หรอ?” จางเจียวเจียวถามยิ้มๆ ที่จริงเธอพอใจกับเฉิงฉู่นี่มาก เพราะเฉิงฉู่เอาของขวัญมากมายที่เธอเคยชอบเมื่อก่อนแต่ตอนนี้ไม่มีปัญญาซื้อได้มาด้วย
ไม่รอเฉิงฉู่เปิดปาก เย่ชิงหยู่รีบพูดทันที “แบบนี้ค่ะ แม่ เมื่อก่อนตอนอยู่มหาลัย หนูเป็นคู่เต้นรำของเฉิงฉู่ ครั้งนี้เขามาก็อยากเชิญหนูไปเต้นรำกับเขา”
เต้นรำเป็นความฝันของเย่ชิงหยู่มาโดยตลอด เธอมีความฝันที่อยากจะยืนบนเวที กลายเป็นเป้าสายตาของทั้งเวที
ต่อมาที่บ้านเกิดเรื่อง เธอเลยเก็บความฝันนี้เก็บเข้าส่วนลึกของใจ
จวบจนเฉิงฉู่ปรากฏตัว ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ของที่บ้านกลับดึงความฝันของเธอกลับมาอีก
บางทีตอนนี้อาจจะไม่ได้มีความหวังอันแรงกล้าขนาดนั้นแล้ว แต่การขึ้นเวทีสำหรับเธอแล้วดึงดูดเธอได้ตลอดกาล
“ใช่ครับ คุณน้า อีกไม่กี่วันบ้านเซียวจะจัดกิจกรรมเรื่องการร่วมงานกับพวกเรา หนึ่งในนั้นมีการเต้นรำด้วย ผมอยากเชิญชิงหยู่ไปเป็นคู่เต้นรำด้วย” เฉิงฉู่พูดไปมองหน้าเย่ชิงหยู่ไป
ส่วนฟางเหยียนนั่งอีกด้าน มองเฉิงฉู่ด้วยท่าทีราวกับราชา
จางเจียวเจียวรีบพูดว่า “จะไม่เห็นด้วยได้ยังไง ชิงหยู่ของเราน่ะร่วมงานกับหวงหยวนฉาวคนรวยอันดับหนึ่งของภาคตะวันตกเฉียงใต้อยู่นะ การไปรู้จักคนระดับต้นๆของวงการน่ะเป็นเรื่องสมควรอยู่แล้ว มันจำเป็นด้วย” ระหว่างที่พูด เธอหันไปมองฟางเหยียนทันที
คนที่ฟางเหยียนรู้จักจะมีระดับสูงได้ยังไง ถึงคำพูดนี้จะดูไม่น่าฟังซักหน่อย แต่มันก็เป็นความจริง
ถึงจางเจียวเจียวจะไม่ได้เกลียดฟางเหยียน แต่ตอนเห็นลูกสาวตัวเองอยู่กับผู้ชายอีกคนที่ทั้งหล่อและมีชาติตระกูลกว่า ในใจก็อดเสียดายแทนลูกสาวไม่ได้
“ไม่รู้ว่าฟางเหยียนจะยอมตามคำขอของผมไหม?” เฉิงฉู่ถาม
จางเจียวเจียวรีบแทรก “ยอมสิ ฟางเหยียนของเรามีเหตุผลอยู่แล้ว ฟางเหยียน ว่าไงล่ะ!”
ฟางเหยียนถอนหายใจแผ่วเบา สีหน้าเคร่งขรึม เอาขาที่ยกขึ้นมาไขว่ห้างลง พลางว่า “ผมไม่เห็นด้วย ต่อไปไม่ว่ากิจกรรมไหนที่เกี่ยวข้องกับบ้านเซียว พวกเราจะไม่เข้าร่วมทั้งหมด”
“เฉิงฉู่ใช่ไหม? นายไปได้แล้ว”
พูดจบ ฟางเหยียนลุกขึ้นจากโซฟา ท่าทีดูเย่อหยิ่งมาก น้ำเสียงเย็นชามาก
เย่ชิงหยู่เบิกตากว้าง เธอไม่คิดมาก่อนเลยว่าฟางเหยียนจะทำกิริยาแบบนี้
รีบพูดขึ้น “ฟางเหยียน นายทำอะไรน่ะ?”
“ขอโทษนะ เฉิงฉู่ ฟางเหยียนคงเข้าใจผิดน่ะ” เย่ชิงหยู่รีบอธิบาย
ฟางเหยียนยังคงยืนกรานว่า “ชิงหยู่ ต่อไปทุกเรื่องที่เกี่ยวข้องกับบ้านเซียว อย่าไปยุ่งด้วย คนที่เกี่ยวข้องกับบ้านเซียวก็ต้องหลีกหนีด้วย”
“เฉิงฉู่ เชิญ!”
เฉิงฉู่สีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อย เขามองจางเจียวเจียวกับเย่ชิงหยู่อย่างกระอักกระอ่วน จากนั้นก็พูดว่า “คุณน้า ชิงหยู่ ขอโทษนะ ดูท่าฟางเหยียนจะเข้าใจผมผิดไปซะหน่อย งั้นผมไปก่อนละกัน”
พูดจบ เขาก็ออกไปจากบ้านเย่ชิงหยู่
เฉิงฉู่พึ่งไป เย่ชิงหยู่ก็ระบายอารมณ์ใส่ฟางเหยียนทันที “ฟางเหยียน เมื่อกี้นายทำอะไรน่ะ? เฉิงฉู่กับฉันเป็นเพื่อนสมัยมหาลัยธรรมดาเท่านั้น พวกเราเป็นคู่เต้นด้วยกันเท่านั้น ทำไมนายทำกิริยาแบบนั้นใส่เขาล่ะ?”
ฟางเหยียนยังคงพูดอย่างเย็นชาว่า “ผมรู้ คุณเป็นยังไงกับใครผมไม่สน แต่เกี่ยวข้องกับบ้านเซียวก็คือไม่ได้”
“ทำไมจะไม่ได้ล่ะ?” เย่ชิงหยู่รู้ดีว่าฟางเหยียนคิดอะไร
เขาอิจฉาที่เฉิงฉู่หล่อกว่าเขา มีเงินมีฐานะมากกว่าเขา ห้ามเกี่ยวข้องกับบ้านเซียวก็แค่ข้ออ้างเท่านั้นเอง
“ฟางเหยียน นายคิดจะให้ฉันไม่มีเพื่อนเลยหรือไง?”
“หรือว่า นายคิดว่านายเป็นสามีฉันจริงๆ?”
“ต่อไป เพื่อนฉัน ฉันหวังว่านายจะให้เกียรติพวกเขา ที่นี่เป็นบ้านฉัน นายไม่มีสิทธิ์ไล่ใครทั้งนั้น”
พูดจบสามประโยคนี้ เย่ชิงหยู่เดินเข้าห้องตัวเองอย่างเสียใจ แถมปิดประตูดังปึ้ง
จางเจียวเจียวถอนหายใจพลางว่า “มันดูไร้มารยาทเกินไป ฟางเหยียน น้ารู้ว่าในใจเธอคิดอะไร แต่เธอก็ไม่ควรไล่เขาไปแบบนั้น เธอดูท่าทีเขาสิ มีมารยาทจะตาย เธอทำแบบนั้น มีแต่จะทำให้พวกเราเสียหาย”
“น้าจาง ถ้าน้าต้องการ ฐานะของน้าสามารถสูงส่งกว่าใครทั้งหมด”
แม่ยายของจอมพลโผ้จวิน ฐานะระดับนั้นมีหรือที่พวกมดแมลงพวกนี้จะเปรียบเทียบได้?
อย่าว่าแต่แค่ตระกูลเฉิงเลย ต่อให้ตระกูลฟาง ก็ต้องฟังคำสั่งฟางเหยียน
“เธอ…” จางเจียวเจียวส่ายหน้าอย่างหน่ายใจพลางว่า “ไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำจริงๆ”
พูดจบ เธอกลับห้องตัวเองอย่างโมโห สรุปคือ ฟางเหยียนไล่ผู้ชายไปคนหนึ่ง ทำร้ายจิตใจผู้หญิงสองคน
เขานั่งอยู่บนโซฟา ไม่ได้รู้สึกผิดอะไรกับเรื่องที่ตัวเองทำเลย เพราะพวกเธอต้องรู้ในที่สุดถึงความแค้นระหว่างพวกเธอกับบ้านเซียว
ตอนนี้เอง มือถือของเขาดังขึ้น เทียนกาง รองผู้บัญชาการกองทหารภาคเหนือโทรมา
เรื่องอะไร?” ฟางเหยียนถามตรงประเด็น
นอกจากว่าจะเจอเรื่องด่วน ไม่งั้นเทียนกางไม่มีทางโทรหาฟางเหยียนแน่
“โผ้จวิน พวกเราค้นพบร่องรอยของอสูรเพลิง ช่วงนี้เขาเข้าใกล้เขตภาคเหนือของเรา”
อสูรเพลิง! พอสองคำนี้เข้าหูฟางเหยียน เลือดทั่วร่างเขาแล่นพล่านไปทั่วร่างด้วยความเร็ว
นี่ไม่ใช่ชื่อสัตว์ประหลาดอะไร แต่เป็นชื่อพรรค!
ธงของพวกเขาเหมือนสัตว์ประหลาดที่ล้อมด้วยรัศมีเพลิง ดังนั้นพวกเขาเลยตั้งชื่อว่าอสูรเพลิง
พรรคนี้เริ่มฆ่าล้างกองทหารภาคเหนือของฟางเหยียนนับไม่ถ้วนเมื่อสามปีก่อน ขนาดเทียนหม่าที่เป็นหนึ่งในเจ็ดเทียนของเขาก็ตายด้วยน้ำมือคนกลุ่มนี้ พอเทียนหม่าตาย ฟางเหยียนสาบานว่า จะต้องฆ่าล้างพรรคอสูรเพลิงแก้แค้นให้เขาให้ได้ แต่หาอยู่สามปี ก็หาร่องรอยที่เกี่ยวกับพรรคอสูรเพลิงไม่ได้เลยสักนิด พวกเขาเหมือนหายตัวไปดื้อๆ ไม่คิดว่าจะปรากฏตัวอีกครั้งตอนนี้แล้ว
“ได้! ฉันจะรีบไป” พูดจบ ฟางเหยียนวางสายลง
ลูกผู้ชายฆ่าได้หยามไม่ได้ ฟางเหยียนมีความแค้นส่วนตัว และมีความแค้นของพี่น้อง
มาวันนี้อสูรเพลิงปรากฏตัว เขาจำต้องไปภาคเหนือสักครั้ง