จอมนักรบทรงเกียรติยศ - ตอนที่ 46
บทที่ 46 เกิดเรื่องกับเย่ชิงหยู่
เย่ชิงหยู่เข้ามาในห้อง เธอเอาหลังพิงกำแพง อารมณ์ของเธอใกล้จะระเบิดออกมา
ฟางเหยียนจะทำเกินไปแล้วจริงๆ ทำไมเขาถึงไม่ไว้หน้าเธอเลย
เธอบอกไปแล้วว่านั่นเป็นเพื่อนของเธอ เขาจำเป็นต้องหึงขนาดไหนไหม
ยิ่งคิดก็ยิ่งโกรธ แต่คิดไปคิดมา เธอก็รู้สึกผิดปกติ
สิ่งที่เธอพูดไปเมื่อครู่มันแรงไปหรือเปล่า ช่วงนี้ฟางเหยียนทำทุกอย่างเพื่อเธออย่างเต็มกำลัง จะเรียกว่าบุกน้ำลุยไฟก็ไม่เกินไปเลย
ทำไมเธอถึงพูดแบบนั้นกับฟางเหยียนกันนะ?
ฟางเหยียนเติบโตอยู่ในบ้าน เขาโดนคนนอกดูถูกดูแคลนและเยาะเย้ยเขาตั้งแต่เล็ก
แต่เขากลับมา ไม่เคยแสดงอาการอะไรให้เธอเห็นเลยสักนิด ตอนนี้เธอกลับพูดแรงๆ ใส่ฟางเหยียน
จะกระทบกระเทือนใจเขาหรือเปล่านะ?
สิ่งที่เธอทำเมื่อครู่มันเกินไปจริงๆ
ความรู้สึกผิดก่อตัวขึ้นมาในใจของเธอ
เมื่อคิดได้เช่นนั้น เธอจึงเปิดประตูห้อง ต้องไปคุยกับฟางเหยียนให้ชัดเจน
แต่เมื่อเปิดประตู ฟางเหยียนไม่ได้อยู่ที่ห้องรับแขก เธอหาเขาอยู่รอบหนึ่งก็ไม่เจอ
“แม่เห็นฟางเหยียนไหม” เย่ชิงหยู่เดินมาที่หน้าประตูห้องของจางเจียวเจียวและถามขึ้น
“ไม่เห็น!” เสียงไม่สบอารมณ์ของจางเจียวเจียวดังออกมาจากห้อง
ไม่ได้การแล้ว คำพูดของเธอต้องทำร้ายฟางเหยียนแน่ๆ คำนั้นมันรุนแรงเกินไป
ฟางเหยียนเป็นผู้ชายคนหนึ่ง ไม่ว่ายังไงเขาก็มีศักดิ์ศรี คำพูดของเธอเมื่อครู่ต้องทำร้ายความภาคภูมิใจของเขาแน่ๆ
เธอรีบลงไปหาฟางเหยียนข้างล่าง เธอโทรหาฟางเหยียนพลางเดินหาไปทั่ว แต่ไม่มีใครรับสาย คนก็ไม่รู้หายไปไหน
สามวันต่อจากนั้น ฟางเหยียนไม่ได้กลับมาที่บ้านเลย
เย่ชิงหยู่เป็นกังวลจนหาไปทั่วเมืองจินโจว แต่กลับไม่เจอเขา
ตั้งแต่เกิดเรื่องที่ตระกูลเซียว บริษัทของลู่หย่องถิงโดนเล่นงานอย่างต่อเนื่อง หุ้นส่วนจำนวนไม่น้อยเมื่อเห็นตระกูลเซียวต่างก็พากันถอนหุ้น และไม่ทำความร่วมมือกับเขา ไม่เพียงเท่านั้น ในระยะนี้คนในแผนกจำนวนไม่น้อยก็โดนตรวจสอบ
ด้วยเหตุนี้ ธุรกิจมูลค่าหลายสิบล้านก็ต้องล้มละลายภายในระยะเวลาไม่กี่วัน
เมืองจินโจวต้องการตัดหนทางของเขา เขาก็หมดปัญญาและทำได้เพียงถอดใจออกจากเมืองจินโจวไป
แต่ทว่าเขายังมีเรื่องสำคัญอีกหนึ่งเรื่องที่ต้องทำก่อนที่จะออกจากเมืองจินโจว นั่นก็คือได้ตัวของเย่ชิงหยู่
ตอนนี้เย่ชิงหยู่กำลังเจริญรุ่งเรือง ทำความร่วมมือกับเศรษฐีภาคซีหนานได้สำเร็จ
ภายในช่วงที่จับต้นชนปลายไม่ถูก เหมือนกับว่าเรื่องที่เกิดขึ้นกับบริษัทของเขาจะเกี่ยวข้องกับเย่ชิงหยู่อยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว
แต่ตอนนี้เขาจะทำอะไรเย่ชิงหยู่ได้ เขาไม่ควรไปยั่วยุตัวซวยอย่างเธอ
เมื่อคิดได้เช่นนั้น จู่ๆ เสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้น
ลู่หย่องถิงจัดแจงเสื้อผ้าของตัวเอง แล้วพูดออกมาว่า “เข้ามา!”
ประตูถูกเปิดออก จางไห่เฟิงเดินขึงขังเข้ามา
“พี่ลู่อยู่ด้วยเหรอ” จางไห่เฟิงยิ้มแล้วถามขึ้น
ลู่หย่องถิงกลอกตามองบนใส่จางไห่เฟิง แล้วหัวเราะหึหึออกมา “จางไห่เฟิง นายจะมาหัวเราะเยาะฉันใช่ไหม”
“โถ!” จางไห่เฟิงรีบพูดขึ้นมาทันที “พี่ลู่พูดอย่างนี้ได้ยังไง พี่ยังคงเป็นคนหนุ่มที่มีความสามารถในสายตาของผม”
“หึ! คนเลวพูดอะไรก็มีแต่เรื่องเลวๆ ใครๆ ก็รู้ว่าตอนนี้ตระกูลจางของนายเจ๋งนัก ทำความร่วมมือทางธุรกิจกับซีหนานกรุ๊ป ใกล้จะเป็นตระกูลอันดับต้นๆ ในเมืองจินโจวแล้ว ไสหัวออกไปซะ!” ลู่หย่องถิงตวาดออกมา
จางไห่เฟิงรีบโบกไม้โบกมือพัลวัน “พี่ลู่ ทำไมพี่ถึงพูดแบบนี้ ผมมาหาพี่เพราะมีธุระ”
“พี่ก็รู้ว่าตระกูลจางของเราใกล้จะเป็นตระกูลอันดับต้นๆ แล้ว แต่ในความเป็นจริงไม่ใช่ตระกูลจางของเรา แต่เป็นตระกูลเย่ของเย่ชิงหยู่ เย่ชิงหยูครองหุ้นของตระกูลจางถึง 51 เปอร์เซ็นต์ ตอนนี้ตระกูลจางไม่เหมือนแต่ก่อนแล้ว”
ลู่หย่องถิงอึ้งไปเล็กน้อย จากนั้นจึงถามขึ้น “นายหมายความว่าอะไร”
“หึ ผมเกลียดเย่ชิงหยู่ เกลียดที่มันเดินแย่งสิ่งที่ควรเป็นของผมไปทั้งหมด! ผมจะทำให้ชื่อเสียงของมันป่นปี้” จางไห่เฟิงพูดด้วยความโกรธ
ลู่หย่องถิงส่งเสียงหึออกมา เขายิ้มแล้วพูดว่า “แล้วยังไง นายมาหาฉันทำไม”
“พี่ลู่ นี่คือยาแฝด ผมต้องการให้วิดีโอของเย่ชิงหยู่โด่งดังไปทั่วอินเทอร์เน็ต พี่คงจะรู้ว่าควรทำยังไง” พูดจบ จางไห่เฟิงก็ตบที่ไหล่ของลู่หย่องถิง จากนั้นก็เปิดประตูเดินออกไป
ตกดึก ฟางเหยียนกลับมา
ตอนที่เขากลับเข้ามาในบ้าน จางเจียวเจียวตกใจเป็นอย่างมาก
สองสามวันมานี้ เธอกับเย่ชิงหยู่หาเขาจนวุ่น ถึงแม้ฟางเหยียนจะไม่ค่อยว่านอนสอนง่าย แต่ทว่าตั้งแต่ที่เขากลับมา ก็ไม่มีใครกล้ากลั่นแกล้งพวกเธออีกเลย ไม่ว่าจะเก่งหรือจะอ่อน พวกเธอก็กล้าเถียงหมด
“ฟาง ฟางเหยียน นายกลับมาแล้วเหรอ แล้วชิงหยู่ไม่ได้กลับมากับนายเหรอ”
ฟางเหยียนอึ้งไปแล้วถามขึ้นว่า “ไม่นิครับ ชิงหยู่ไปไหนเหรอครับ”
“ไปหานายไง สองสามวันนี้ชิงหยู่หานายไปทั่ว โทรศัพท์ก็ไม่รับ นายไปอยู่ที่ไหนมา”
จู่ๆ ฟางเหยียนเหมือนนึกอะไรได้ “ผมก็มีงานที่ต้องกลับไปจัดการที่กองทัพ ผมรีบจนไม่ได้บอกพวกคุณ โทรศัพท์ก็แบตหมด”
เขาพูดพลางชาร์จแบตมือถือ
“นาย…ชิงหยู่คิดว่าวันนั้นพูดกับนายแรง จนทำให้ล่วงเกินนาย” จางเจียวเจียวพูดด้วยสีหน้าจริงจัง
ฟางเหยียนขมวดคิ้ว วันนั้นเขากลับชายแดนภาคเหนือ จริงๆ มันเป็นสถานการณ์ที่ไม่ควรกลับไปด้วยซ้ำ
แต่การที่บอกว่าเย่ชิงหยู่พูดล่วงเกินฟางเหยียน นี่เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
“โถ ช่างเถอะ นายกลับมาก็ดีแล้ว เดี๋ยวชิงหยู่ก็น่าจะกลับมา”
“เอ่อ เรื่องวันนั้นฉันก็ไม่ควรพูดแบบนั้นกับนาย ฉันรู้ว่านายทำเพื่อพวกเราสองแม่ลูก” จางเจียวเจียวพูดด้วยสีหน้ารู้สึกผิด
ฟางเหยียนยิ้มแล้วพูดว่า “ไม่ต้องเกรงใจขนาดนั้นหรอกครับคุณน้าจาง คุณน้าเป็นคนในครอบครัวของผม ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่ผมสมควรทำครับ”
“นายเข้าใจก็ดี ฉันปากไม่ดี เรื่องของวัยรุ่นอย่างพวกนาย ก็ต้องให้พวกนายจัดการกันเอง จริงๆ แล้วชิงหยู่ไม่ได้มีอะไรกับเฉิงฉู่อะไรนั่นจริงๆ นะ เขาเป็นแค่เพื่อนกันเท่านั้น”
ฟางเหยียนยิ้มแล้วพูดว่า “คุณน้าจาง ผมเคยพูดกับชิงหยู่แล้วว่า ถ้าวันหนึ่งเธอเจอคนที่คู่ควรกับเธอ ผมจะไปจากเธอเอง แต่น่าเสียดายที่ไม่ใช่เฉิงฉู่!”
สีหน้าของจางเจียวเจียวเปลี่ยนไปเล็กน้อย เธออุทานออกมาแล้วพูดว่า “นายพูดแบบนี้ หมายความว่านายกับชิงหยู่ไม่ได้เป็นอะไรกัน?”
ฟางเหยียนส่ายหน้าอย่างเหนื่อยใจ และไม่ได้พูดอะไร
“นายนี่จริงๆ เลย ทำไมถึงเป็นแบบนี้ล่ะ ฉันยังคิดอยู่เลยว่าตอนไหนจะได้อุ้มหลาน เดี๋ยวชิงหยู่กลับมา ฉันต้องคุยกับเธอสักหน่อย”
ทั้งสองคุยกันสักพัก จู่ๆ มือถือของฟางเหยียนก็ดังขึ้น
เขาดูหมายเลขที่โทรมา มันเป็นหมายเลขที่ไม่คุ้นเคย
“ฮัลโหล นายคือฟางเหยียนใช่ไหม” เมื่อรับสาย ก็ได้ยินเสียงร้อนรนของผู้หญิงดังออกมาจากปลายสาย
ฟางเหยียนรู้ทันทีว่าเป็นเสียงของใคร เป็นเสียงของเฉินหย่า
“เกิดอะไรขึ้น” ฟางเหยียนไม่ได้รู้สึกดีอะไรกับผู้หญิงคนนี้ เลยถามด้วยน้ำเสียงเนิบๆ
“เกิดเรื่องกับชิงหยู่แล้ว ตำรวจมาล้อมที่นี่เอาไว้หมดแล้ว นายรีบมาที่หมู่บ้านคอนโดจินสุ่ยเถอะ”
ฟางเหยียนตัดสายและรีบวิ่งออกไปนอกบ้าน