จอมนักรบทรงเกียรติยศ - ตอนที่ 60
บทที่ 60 ฝังเข็มประตูผีสิบสามท่า
ฟางเหยียนไม่ได้พูดเสียงดัง แต่ทว่าคนที่อยู่รอบๆ ล้วนได้ยินคำพูดของเขา
หมอเจียงเงยหน้ามองฟางเหยียน เขาแสยะยิ้มแล้วพูดว่า “ที่นายพูดหมายความว่าอะไร นายคิดว่าบัตรประจำตัวแพทย์จะหามาจากไหนก็ได้เหรอ”
เจียงเหวินหลี่ ศาสตราจารย์แพทย์อันดับหนึ่งของประเทศ แพทย์ด้านระบบทางเดินหายใจประจำโรงพยาบาลเมืองจินโจว เป็นแพทย์ที่เรียนจบมาจากยุโรป อยู่กับการแพทย์มากว่ายี่สิบปี ถือว่ามีชื่อเสียงในเมืองจินโจวอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว
วันนี้กลับโดนชายหนุ่มพูดแบบนี้ใส่ ทำให้เขาข่มอารมณ์ไว้ไม่อยู่
ฟางเหยียนส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ผมแค่คิดว่าหมออย่างคุณตรวจคนไข้ค่อนข้างจะสะเพร่าไปหน่อย นอกจากใช้ประโยชน์จากอุปกรณ์ต่างประเทศพวกนั้น อย่าบอกนะว่าคุณตรวจอาการไม่เป็น”
หมอเจียงอึ้งไป จากนั้นจึงส่งเสียงไม่พอใจออกมา “ใครบอกว่าฉันตรวจไม่เป็น!”
“ถ้าตรวจเป็น ทำไมคุณถึงให้เธอนอนราบกับพื้นล่ะ” ฟางเหยียนพูดออกมาตรงๆ
เมื่อพูดจบ หลินถงที่นอนอยู่บนพื้นก็ยิ่งตัวสั่นเข้าไปอีก สีหน้าของเธอซีดเผือดเป็นอย่างมาก
ฟางเหยียนยกมือขึ้นมาแตะบนหน้าของหลินถง จากนั้นก็ตรวจดูตรงหน้าผากของเธอ เขายกมือของเธอขึ้นมาจับชีพจรต่อหน้าต่อตาทุกคน
เมื่อเห็นภาพนั้น หมอเจียงรีบตวาดออกมาว่า “ที่แท้เป็นแพทย์จีนเหรอ ฉันนึกว่าจะล้อเล่นอะไร ชีวิตคนสำคัญดุจฟ้า ฉันไม่มีเวลามาเสียเวลากับนาย รีบส่งคนป่วยไปโรงพยาบาล”
พูดจบ เขาก็จะพาตัวหลินถงไป
แต่ทว่าฟางเหยียนจับมือของเขาที่กำลังจะแตะตัวหลินถงเอาไว้ จากนั้นจึงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “กลัวว่าจะตายก่อนถึงโรงพยาบาลน่ะสิ! ทางที่ดีคุณไปยืนดูอยู่ข้างๆ เถอะ”
หมอเจียงโกรธและกำลังจะพูดอะไรออกมา แต่มือของฟางเหยียนยังอยู่บนแขนของเขา
เขาพูดออกมาด้วยความโกรธว่า “ถ้าเกิดอะไรขึ้น นายจะรับผิดชอบไหวไหม”
ฟางเหยียนพยักหน้าแล้วพูดว่า “รับผิดชอบไหว! อีกอย่าง ผมรับประกันว่าจะไม่เป็นอะไรแน่นอน แต่ถ้าคุณพาตัวเธอไปต้องเกิดเรื่องขึ้นแน่นอน”
เมื่อหมอเจียงได้ยินก็โกรธขึ้นมาทันที เขาเป็นหมอมากว่าสิบปี ยังไม่เคยเห็นคนหนุ่มคนไหนยโสโอหังเท่าเขาเลย
ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงสบถออกมาว่า “ได้ งั้นฉันจะคอยดูว่านายจะช่วยเธอยังไง ถ้านายช่วยไม่ได้และเธอเป็นอะไรไป ตระกูลถังต้องไม่ปล่อยนายไว้แน่”
“หมอที่ไม่มีฝีมือในการรักษาเอาแต่ทำร้ายผู้อื่น!” ฟางเหยียนพูดเนิบๆ และไม่พูดไร้สาระกับเขาอีก
ฟางเหยียนวางมือของหลินถงลง จากนั้นจึงพูดกับผู้หญิงคนนั้นว่า “อุ้มเธอขึ้นมาได้ไหม”
ถึงแม้ว่าผู้หญิงคนนั้นจะกลัวมาก แต่เธอก็ยังกังวลเรื่องหมอที่อยู่ตรงนี้ทั้งสองคน
เธอหันไปมองแพทย์อันดับหนึ่งประจำโรงพยาบาลคนนั้น ฟางเหยียนตวาดใส่เธอ “อุ้มขึ้นมา ถ้าเกิดเรื่องอะไร ผมรับผิดชอบเอง! ถ้าตระกูลถังจะเอาชีวิตเธอ ฉันจะปกป้องเธอเอง!”
ถึงแม้หญิงสาวจะลังเล แต่สุดท้ายเธอก็กัดฟันอุ้มหลินถงขึ้นมา
ฟางเหยียนกวาดตามองคนรอบๆ และพูดออกมาว่า “ใครมีมีดบ้าง”
ทุกคนมองหน้ากันไปมา ไม่มีใครพูดอะไรออกมา ใครจะพามีดมาในสถานที่แบบนี้กันล่ะ
“ฉันมี” เวินหลานหยิบมีดเล่มเล็กออกมาจากกระเป๋าข้างหลังและยื่นให้ฟางเหยียน
ฟางเหยียนมองมีดที่มีสนิม เขาลูบตรงส่วนคมของมีดแล้วพูดว่า “พอใช้ได้”
พูดจบเขาก็หยิบกระดาษออกมาเช็ดมีด และล้วงไฟแช็กออกมา เขาใช้ไฟฆ่าเชื้อมีด
เมื่อเห็นการกระทำของเขา หมอเจียงจึงส่งเสียงหึออกมา และพูดอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “ลิงหลอกเจ้า!”
หลังจากที่ฟางเหยียนใช้ไฟลนส่วนคมของมีดจนเป็นสีแดง เขายกมือของหลินถงขึ้นมา เขาเล็งไปที่หลอดเลือดแดงของเธอและกดมีดลงไป เลือดสีแดงสดสาดกระจายออกมาจนทำให้อยู่ในงานตกใจจนอ้าปากค้าง
“ฆ่าคนเหรอ!” ตู้หมิงล่างชี้ไปยังฟางเหยียนแล้วตะโกนออกมา “ขะ..เขาฆ่าคน!”
หลอดเลือดแดงใหญ่เป็นหลอดเลือดที่สำคัญที่สุดของมนุษย์ คนส่วนใหญ่ฆ่าตัวตายก็จะเลือกตัดหลอดเลือดส่วนนี้
เมื่อได้ยินคำพูดของตู้หมิงล่าง คนในงานต่างพากันแตกตื่น
หมอเจียงตวาดออกมาว่า “นายกำลังฆ่าคน! นายทำลายชีวิตของคนที่ยังมีลมหายใจ”
“แจ้งตำรวจ รีบแจ้งตำรวจมาจับไอ้บ้านี่เร็ว ฉันว่าแล้วว่ามันต้องเจตนาฆ่าคน”
ถึงแม้คนที่อยู่ในงานจะตกใจ แต่กลับไม่มีใครทำอะไร และเอาแต่ดูการกระทำที่แปลกประหลาดของฟางเหยียน ฟางเหยียนหยิบกล่องเข็มแปลกๆ ออกมาจากกระเป๋าเสื้อ มันไม่ค่อยเหมือนกับเข็มที่ใช้ในด้านการฝังเข็ม ดูใหญ่กว่าเล็กน้อย
เขาหยิบเข็มออกมาทีละเล่ม และปักเข็มลงไป 13 จุดบนร่างกายของหลินถง
หลังจากทำเสร็จเรียบร้อย เขาลุกขึ้นจากพื้นแล้วพูดว่า “เสร็จแล้ว หลังจากห้านาที เธอจะฟื้นขึ้นมา”
หลังจากพูดจบ หมอเจียงรีบนั่งยองลงไป เธอยกมือไปแตะที่คอของหลินถง การตรวจนี้ทำให้เขาตัวสั่น ตกใจจนหน้าเปลี่ยนสี “ฆ่าคน!”
เมื่อได้ยินคำพูดของหมอเจียง ลูกน้องของหลินถงคนนั้นก็ถอยกรูดไปข้างหลัง
มันคือเรื่องจริง ไม่มีลมหายใจแล้ว! หลินถงตายแล้ว
ตอนแรกคิดว่าหมอเจียงโกรธจนพูดใส่ร้ายออกมา แต่เมื่อเห็นท่าทางของเด็กคนนั้น คนในงานก็เชื่อขึ้นมาทันที และพากันถอยกรูดไปข้างหลัง บางคนถึงขนาดเดินออกไปจากโรงแรม
ฟางเหยียนกวาดตามองคนรอบๆ แล้วพูดว่า “ทุกคนอย่าเพิ่งโวยวาย ผมแค่ปิดจุดในร่างกายของเธอทั้งหมด ให้เธอตกอยู่ในสภาวะตายห้านาที หลังจากนั้นเธอจะกลับมามีลมหายใจอีกครั้ง”
“พูดอะไรไร้สาระ!” หมองเจียงตวาดออกมาด้วยความโกรธ “ฉันเป็นหมอมากว่ายี่สิบปี ไม่เคยได้ยินหลักการบ้าบอคอแตกแบบนี้มาก่อน ใครที่ไหนจะฟื้นขึ้นมาหลังจากอวัยวะในร่างกายหยุดทำงานไปห้านาที นายคิดว่าร่างกายของมนุษย์เป็นเครื่องจักรที่มีฟังก์ชันเปิดเครื่องและเปิดเครื่องหรือไง”
“นี่มันเจตนาฆ่าชัดๆ ต้องแจ้งความและรับโทษอย่างหนัก!” หมอเจียงตวาดออกมาด้วยความโมโห
ฟางเหยียนมองหมอเจียงอย่างไม่เป็นเดือดเป็นร้อน จากนั้นจึงพูดว่า “ถ้าเธอไม่ฟื้นขึ้นมาหลังจากห้านาที ผมจะให้คุณจัดการผม โอเคไหม”
หมอเจียงพูดอย่างโมโหว่า “ถ้านายทำให้เธอฟื้นได้ ฉันยอมลาออกจากงานไปทำนาที่บ้านเลย”
เรื่องบ้าบอคอแตกแบบนี้ ให้ตายยังไงเขาก็ไม่เชื่อ
เวินหลานก็ไม่ค่อยเชื่อว่าคนตายไปห้านาทีจะฟื้นขึ้นมาได้อีก เธอจึงพูดเบาๆ ว่า “นายช่วยเธอได้จริงเหรอ”
ฟางเหยียนพยักหน้าเบาๆ แล้วพูดว่า “ใช่”
ในมุมมองของพวกเขา แน่นอนว่าการใช้วิธีเช่นนี้ในการช่วยชีวิตคนเป็นเรื่องที่ยากจะเข้าใจ ไม่ว่ายังไงพวกเขาก็เป็นเพียงคนธรรมดา
หมอเจียงพูดเสียงดังออกมาว่า “นายรนหาที่ตายชัดๆ ห้านาที ให้เวลานายห้านาทีจะเป็นไรไป”
ฟางเหยียนไม่พูดอะไร เขายืนรออยู่ที่เดิมห้านาที
หลังจากผ่านไปห้านาที เขาย่อตัวลงและดึงเข็มทั้ง 13 จุดบนออกจากตัวของหลินถง
ตอนที่เข็มสีเงินถูกดึงออกมา หลินถงไอออกมาและฟื้นขึ้นมา
ทุกคนตกตะลึงกับภาพที่ได้เห็นตรงหน้า คนที่ตายไปเมื่อครู่ กลับฟื้นคืนชีพขึ้นมาได้ ไม่เพียงแค่นั้นสีหน้าของเธอยังดูมีเลือดฝาดขึ้นมาด้วย
ตอนนี้เธอดูสวยกว่าก่อนเป็นอย่างมาก นี่มันนิยายวิทยาศาสตร์ที่ทำให้คนคิดไม่ถึง
หมอเจียงอ้าปากค้าง เขาถามขึ้นอย่างกล้าๆ กลัวๆ ว่า “เธอเป็นคนหรือเป็นผี?”
สีหน้าของหลินถงเปลี่ยนไปเล็กน้อย เธอพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “นายเป็นใครนายน่ะสิเป็นผี”
“เสี่ยวยู่ เมื่อกี้เกิดอะไรขึ้นเหรอ”
ผู้หญิงที่อยู่ข้างเธอเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ให้เธอฟัง เมื่อฟังจบ หลินถงมองฟางเหยียนด้วยสีหน้าตกตะลึง ผ่านไปครู่ใหญ่ เธอจึงพูดออกมาอย่างตะกุกตะกักว่า “ที่คุณใช้เมื่อครู่คือฝังเข็มประตูผีสิบสามท่าใช่ไหม”