จอมนักรบทรงเกียรติยศ - ตอนที่ 74
บทที่ 74 เงินเดือนหมื่นห้า
เขาไม่ได้สนใจสองแม่ลูกนี่เท่าไรนัก เขาจึงลุกขึ้นแล้วพูดว่า “พวกคุณคุยกันไปเถอะ ผมขอตัวไปพักผ่อน”
พูดจบ เขาก็เดินเข้าไปในห้อง
ไม่รู้ว่าเขานอนอยู่ในห้องนานแค่ไหน เย่ชิงหยู่จึงเดินเข้ามา
เมื่อเห็นว่าฟางเหยียนกำลังนอนหลับ เธอจึงนั่งยองลงข้างเขา หญิงสาวมองเขาใกล้ๆ จริงๆ ฟางเหยียนหน้าตาดีมาก แต่เขาชอบทำหน้าเย็นชาเหมือนต้องการขับไล่ทุกคนให้ออกห่างจากตัวเขา
จู่ๆ เย่ชิงหยู่ก็เอามือไปวางบนใบหน้าของฟางเหยียน เธอพูดพึมพำขึ้นมาว่า “ถ้านายสามารถเข้าไปทำงานในบริษัทตระกูลฟางก็ดีสิ มันเป็นโอกาสสำหรับนายและตัวฉันเองด้วย”
พูดจบเธอจึงถอนหายใจออกมา “นี่ฉันกำลังคิดอะไรอยู่ ฉันจะบังคับให้นายไปทำสิ่งที่ไม่ชอบได้ยังไงกันล่ะ ขนาดนายยังไม่เคยบังคับให้ฉันไปทำในสิ่งที่ฉันไม่ชอบเลย”
พูดพลางเธอก็ขึ้นไปบนเตียง จะไม่ยอมรับก็ไม่ได้ว่าฟางซื่อกรุ๊ปเป็นสิ่งล่อใจของทุกคน
ทันใดนั้นเสียงเย็นชาก็ดังขึ้น “คุณอยากให้ผมทำงานที่ฟางซื่อกรุ๊ปจริงเหรอ”
จริงๆ แล้วฟางเหยียนไม่ได้หลับ เขาได้ยินคำพูดของเย่ชิงหยู่อย่างชัดเจน ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าเย่ชิงหยู่คิดอะไร ผู้หญิงคนนี้ไม่เคยสงสัยในตัวตนของเขาเลย
เมื่อได้ยินคำพูดของฟางเหยียน เย่ชิงหยู่อึ้งไป จากนั้นจึงพูดว่า “ใช่ ฟางซื่อกรุ๊ปเป็นบริษัทที่ดีมาก ถ้านายเข้าไปในนั้นนายอาจจะได้เรียนรู้อะไรหลายอย่าง แต่ฉันก็แค่ให้คำแนะนำนายเท่านั้น ถ้านายไม่อยากไปก็ไม่เป็นไร ฉันเคารพการตัดสินใจของนาย”
ฟางเหยียนเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นจึงพูดขึ้นว่า “ถ้าคุณอยากให้ผมไป งั้นผมก็จะไป!”
เย่ชิงหยู่เด้งตัวขึ้นจากเตียงอย่างตื่นเต้น “จริงเหรอ นายเต็มใจไปจริงๆ ใช่ไหม”
“ใช่” เมื่อเห็นว่าเย่ชิงหยู่ดีใจขนาดนี้ การที่ตอบตกลงก็ถือว่าไม่ผิดอะไร
หลังจากที่ไปตระกูลฟางมาครั้งหนึ่ง ฟางเหยียนพบว่าตัวเองไม่ได้เคียดแค้นตระกูลฟางขนาดนั้น ในทางกลับกันเขาอยากรู้ว่าตอนนั้นเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ถึงทำให้ฟางจินหยวนฆ่าพ่อแม่ของเขา
นอกจากนั้น ตอนนี้ตระกูลฟางมาที่เมืองจินโจวและสร้างความแตกตื่นมากมาย แน่นอนว่าตระกูลเซียวก็คงจะไม่อยู่นิ่งแน่นอน เขาได้หักแขนตระกูลฟางไปข้างหนึ่ง คนสิ้นไร้ไม้ตอกอย่างตระกูลเซียวต้องไปขอร้องตระกูลฟางอย่างแน่นอน
“ดีจัง งั้นพรุ่งนี้ฉันจะโทรบอกน้าเติ้งให้คุณอาโจวหางานให้นาย” เย่ชิงหยู่พูดด้วยความดีใจ
ฟางเหยียนไม่พูดอะไร อาโจวของเธอไม่สามารถมาจัดการตัวตนและฐานะของเขาได้หรอก
เช้าวันต่อมา เย่ชิงหยู่โทรไปหาคุณนายโจวด้วยความดีใจ
หลังจากที่คุยเสร็จ เธอจึงพูดกับฟางเหยียนว่า “เรื่องนั้น น้าเติ้งรับปากแล้ว อีกเดี๋ยวนายสามารถไปหาโจวสื้อชางที่ฟางซื่อกรุ๊ปได้เลย เอางี้เดี๋ยวฉันไปส่งนายเอง”
พูดจบ เย่ชิงหยู่จึงจูงมือฟางเหยียนเดินลงไปข้างล่าง
เมื่อมาถึงข้างล่าง ทั้งสองคนยังไม่ทันได้ขึ้นรถ มีคนโทรหาเย่ชิงหยู่และพูดสองสามประโยค เธอพูดกับฟางเหยียนด้วยเสียงเศร้า “เอ่อ ฟางเหยียน บริษัทมีประชุมด้วย ฉันต้องเข้าไป หรือนายจะขับรถไปเอง นายไปหาโจวสื้อชางก็โอเคแล้ว”
ฟางเหยียนยิ้มแหยๆ แล้วพูดว่า “ไม่ต้องหรอก คุณขับรถไปเถอะ ผมนั่งแท็กซี่ไปได้”
“ไม่ใช่” เย่ชิงหยู่ดึงแขนของฟางเหยียนเอาไว้ “ขับรถไปจะทำให้มีโอกาสสำเร็จสูง นี่เป็นเรื่องทางธุรกิจไม่ใช่เหรอ ฉันจำได้ว่านายเคยสอนฉัน”
ฟางเหยียนส่ายหน้าแล้วพูดว่า “มันไม่เหมือนกัน ผมไปหางานทำ แต่คุณคือบอส ถ้าผมขับรถแพงกว่าอาโจวของคุณ เกิดเขาเห็นขึ้นมา จะยังหางานให้ผมอีกไหม”
เย่ชิงหยู่ได้ยินแล้วก็พยักหน้าเห็นด้วย จากนั้นฟางเหยียนจึงนั่งแท็กซี่ไป
บนรถแท็กซี่ ฟางเหยียนหยิบมือถือขึ้นมาโทรหาหวังชิงชิง
“หวังชิงชิง อีกครึ่งชั่วโมงผมจะถึงบริษัท”
“ค่ะ คุณชาย เดี๋ยวฉันจะให้พนักงานทุกคนไปต้อนรับคุณที่หน้าประตู”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฟางเหยียนจึงกดตัดสายทันที
ไม่นาน เขาก็มาถึงฟางซื่อกรุ๊ป
ตระกูลฟางซื้ออาคารสำนักงานสุดหรูทั้งอาคารเพื่อทำเป็นบริษัท นี่เป็นอาคารที่มีเอกลักษณ์โดดเด่น ข้างบนกว้างข้างล่างแคบ ดูไปแล้วรู้สึกเหมือนโงนเงน
แต่สิ่งก่อสร้างลักษณะนี้กลับเป็นสถานที่สุดหรูในสายตาของคนในเมืองจินโจว
ที่หน้าประตูเต็มไปด้วยพนักงานของฟางซื่อกรุ๊ป เหล่าพนักงานยืนแยกเป็นสองฝั่ง เว้นที่ว่างตรงกลางเป็นทางเดินยาว ข้างหน้าประตูมีรปภ. สองคนยืนถือป้ายขนาดใหญ่ที่เขียนว่า “ยินดีต้อนรับคุณชายกลับมา!”
ฟางเหยียนยิ้มแห้ง จากนั้นจึงเดินเข้าไป
แต่ทว่าเขาเดินได้เพียงสองก้าว ก็โดนเรียกเอาไว้ “นี่ ลูกเขยตระกูลเย่ หยุดก่อน”
ฟางเหยียนหันไปตามเสียง คุณนายโจวที่มาเมื่อคืนนี่เอง ภรรยาของโจวสื้อชาง มีโจวเสี่ยวลูกสาวของเธอยืนอยู่ข้างๆ ทั้งสองเดินเข้ามาหาเขา สีหน้าของทั้งสองแปลกประหลาดเป็นอย่างมาก
“มีอะไรเหรอครับ” ฟางเหยียนถามอย่างเย็นชา เขารู้สึกไม่ดีกับสองแม่ลูกนี่เป็นอย่างมาก
คุณนายโจวอึ้งไปครู่หนึ่ง จากนั้นจึงถอนหายใจออกมา “ไอ้หมอนี่มีปัญหาอะไรหรือเปล่า นายไม่เห็นเหรอว่าที่หน้าประตูมีคนเยอะแยะ พวกเขากำลังยืนต้อนรับคุณชายของฟางซื่อกรุ๊ป”
“อืม” ฟางเหยียนถามขึ้นว่า “แล้วมันเกี่ยวอะไร”
“นายไม่ได้หูหนวกใช่ไหม” โจวเสี่ยวยืนกอดอก และเชิดหน้าพูดว่า “คนในฟางซื่อกรุ๊ปกำลังต้อนรับคุณชายของเขา ตอนนี้ไม่ว่าใครก็ห้ามเข้าไป เรื่องของนายเอาไว้ก่อนเถอะ ถ้าเกิดนายไปตอนนี้ นายจะซวยเอาน่ะสิ เข้าใจไหม”
พูดจบ โจวเสี่ยวก็เบะปากแล้วพูดว่า “มีคนทุกประเภทจริงๆ ไม่เจียมตัวซะบ้าง ขืนนายเข้าไปแล้วคุณชายตระกูลฟางมาเห็น ไม่รู้ว่าเขาจะต่อว่าพ่อของฉันหรือเปล่า”
ทั้งสองได้ยินโจวสื้อชางบอกว่าอีกเดี๋ยวคุณชายจะมา จึงรีบมาทันที เพราะอยากเห็นหน้าตาของคุณชายตระกูลฟาง สำหรับโจวเสี่ยวพวกดาราก็สุขใจไม่เท่าคุณชายตระกูลฟาง
ถ้าเกิดคุณชายชอบเธอขึ้นมา ต่อไปเธอจะได้เป็นคุณนายน้อยแห่งตระกูลฟาง ถ้าได้เป็นคุณนายน้อยตระกูลฟาง แน่นอนว่าเป็นเรื่องที่สูงส่งจนไม่มีใครเทียบได้ ไม่รู้ว่าเธอจะเป็นที่อิจฉาในหมู่หญิงสาวขนาดไหน
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ในใจของโจวเสี่ยวก็เบิกบานเป็นอย่างมาก
เธอปรายตามองฟางเหยียน แล้วมองไปยังจุดที่คนยืนรวมตัวกัน จากนั้นจึงพูดพึมพำออกมาว่า “ไม่รู้คุณชายตระกูลฟางจะหน้าตาเป็นยังไง”
ฟางเหยียนสะบัดมือของคุณนายโจวออก จากนั้นจึงพูดว่า “ผมต้องเข้าไปตอนนี้”
คุณนายโจวขมวดคิ้ว และรีบจับเข้าไว้ทันที “ฉันบอกเรื่องของนายให้อาโจวรู้แล้ว จริงๆ เขาคิดว่าเป็นยามเฝ้าประตูค่อนข้างจะเหมาะสมกับนาย ทหารที่ปลดประจำการ นายคงจะยืนยามได้ใช่ไหม”
ฟางเหยียนขมวดคิ้ว เขารู้จักตอนที่เพิ่งเป็นทหารใหม่ๆ แต่ให้เขามาเป็นยามที่นี่ ดูจะไม่ค่อยสมเหตุสมผลสักเท่าไร
เขาเป็นใครที่ต้องมายืนยามให้ตระกูลฟาง ถ้าเกิดเขาตกลงขึ้นมา กลัวว่าตระกูลฟางจะมาคุกเข่าขอโทษเขาน่ะสิ