จอมนักรบทรงเกียรติยศ - ตอนที่ 80
บทที่ 80 นักฆ่าโดนฆ่า
เขาลอบฆ่ามาหลายปี เจอคนมีฝีมือมานับไม่ถ้วน ยังไม่เคยเห็นใครรับกระสุนด้วยมือเปล่า เขารู้ดีว่าพลานุภาพของกระสุนปืนนั้นมากแค่ไหน ถ้าเป็นกระสุนปืนทั่วไปคงไม่เป็นไร แต่นี่เป็นกระสุนปืนสำหรับลอบฆ่า!
ถ้าไม่เห็นกับตาตัวเอง เขาคงไม่เชื่อว่าบนโลกนี้จะมีคนที่รับกระสุนปืนด้วยเปล่าจริงๆ
เหงื่อไหลออกมาเต็มหน้าของเหยี่ยว วันนี้เขาเจอยมบาลเข้าให้แล้ว
เมื่อเขาตั้งสติได้และกำลังจะยิงอีกครั้ง คนที่อยู่ภายในกล้องสโคปคูณแปดทำท่าโบกมือบอกลา นี่มันหมายความว่าอะไร
เขายังไม่ทันได้ตั้งตัวก็รู้สึกว่าเหมือนมีอะไรพุ่งเข้ามาที่ตาของเขา
มันคือกระสุนปืน!
เมื่อเขาตั้งสติได้ กระสุนปืนทะลุเข้ามาที่หัวของเขาแล้ว
นี่คือการรับรู้ช่วงสุดท้ายของชีวิต มีคนโยนกระสุนปืนจากระยะพันเมตรเข้ามาที่หัวของเขา แรงที่ใช้ไม่น้อยไปกว่าแรงของปืนไรเฟิลเลย
ขณะนั้น ผู้หญิงที่เดินผ่านมาถูกผลักจนล้มลงกับพื้น เธอรีบเงยหน้าขึ้นมองฟางเหยียน เธอใช้มือชี้ฟางเหยียนแล้วสบถออกมา “ไอ้เลวนี่ กล้าดียังไงถึงมาผลักฉัน รู้ไหมว่าฉันเป็นใคร”
เสียงของเธอ เรียกความสนใจจากผู้คนโดยรอบไม่น้อยเลยทีเดียว
เมื่อเห็นว่าคนเยอะ ผู้หญิงคนนั้นยิ่งเหิมเกริมเข้าไปใหญ่ เธอชี้หน้าฟางเหยียนแล้วก่นด่าออกมา “มาผลักฉันล้มกลางวันแสกๆ แบบนี้ ถ้าวันนี้นายไม่อธิบายมา ฉันไม่จบแน่!”
จากการแต่งกายและสไตล์การพูดของเธอ น่าจะเป็นบุคคลที่ไม่ธรรมดา
เมื่อได้ยินผู้หญิงคนนั้นพูดเช่นนี้ และเห็นใบหน้าไม่แยแสของฟางเหยียน คนส่วนใหญ่พากันตำหนิเขาว่าคนหนุ่มสมัยนี้เกรี้ยวกราด ผลักคนอื่นล้ม ไม่มีแม้แต่คำขอโทษสักคำ
ฟางเหยียนกวาดตามองไปรอบๆ จากนั้นจึงพูดเนิบๆ ว่า “ถ้าเมื่อกี้ผมไม่ผลักคุณ ตอนนี้คุณคงตายไปแล้ว!”
คำพูดของฟางเหยียน ทำให้คนที่อยู่ในเหตุการณ์ตกใจไม่น้อย
ผู้หญิงคนนั้นพูดอย่างโมโหว่า “ไอ้เลว ผลักฉันล้มยังไม่เท่าไร ยังแช่งฉันให้ตายอีก คนอย่างแกไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตาใช่ไหม”
ฟางเหยียนขี้เกียจอธิบาย เขาพูดเนิบๆ ว่า “พอเถอะ ผมไม่มีเวลามาเถียงกับคุณ”
พูดจบ เขากำลังจะเดินออกไป แต่ผู้หญิงคนนั้นรีบลุกขึ้นมาและเกาะขาของเขาเอาไว้ “แกจะไปงั้นเหรอ ผลักฉันล้มแล้วจะเดินไปแบบนี้เหรอ แกคิดว่าที่นี่คือที่ไหน”
“ทุกคนเห็นแล้วใช่ไหม มันผลักฉันล้มลงบนพื้น แถมยังแช่งฉันให้ตาย และจะหนีไปอีก ทุกคนบอกฉันหน่อยสิว่าควรจัดการเรื่องนี้ยังไง” ผู้หญิงคนนั้นยิ่งเหิมเกริมขึ้นเรื่อยๆ เธอให้คนรอบๆ มาเป็นพยานให้
“ถ้าเป็นฉัน ฉันจะแจ้งตำรวจ วัยรุ่นในปัจจุบันขาดการอบรมสั่งสอน ต้องให้โดนสั่งสอนเสียบ้าง”
“ใช่ แจ้งตำรวจ”
“ไม่เป็นไรนะพี่สาว พวกเราจะเป็นพยานให้คุณเอง”
ฟางเหยียนเหลือบมองผู้หญิงคนนั้น แล้วพูดอย่างหงุดหงิดว่า “แล้วแต่คุณเลย จะแจ้งก็แจ้งไป”
“ไอ้หนู คิดให้ดีนะ จะให้แจ้งตำรวจจริงๆ ใช่ไหม” ผู้หญิงคนนั้นลุกขึ้นจากพื้น จากนั้นจึงถามฟางเหยียนอย่างข่มขู่
ฟางเหยียนพยักหน้าโดยไม่พูดอะไร
ผู้หญิงคนนั้นหัวเราะหึหึแล้วพูดว่า “ได้ งั้นฉันจะบอกแกให้นะ ฉันคือภรรยาของหัวหน้าจางแห่งสำนักงานบังคับคดี”
หัวหน้าจางคือคนที่ปล่อยฟางเหยียนออกมาจากสถานีตำรวจเมื่อครั้งก่อน
“โอเค เรียกเขามาสิ ฉันมีเรื่องอยากให้เขาทำพอดี” น้ำเสียงของฟางเหยียนแฝงไปด้วยความยโสโอหัง ฟังจากที่เขาพูดเหมือนต้องการแค่ให้จางเทาทำงานให้
ผู้หญิงคนนั้นกัดฟันกรอด “วันนี้ฉันจะสอนความเป็นคนให้แกเอง!”
พูดจบ เธอจึงเดินไปคุยโทรศัพท์
ไม่นาน จางเทากับผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ หนึ่งในนั้นมีถังยู่ด้วย
เมื่อเห็นหัวหน้าจาง ผู้หญิงคนนั้นรีบพูดว่า “จางเทา ไอ้คนนี้มันจงใจผลักฉัน ไม่ขอโทษก็ไม่เป็นไร แต่มาแช่งฉันให้ตาย คนแบบนี้คุณจัดการเอาเองก็แล้วกัน”
จางเทามองไปที่ฟางเหยียน เขามองประเมินอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงถามขึ้นว่า “คุณฟางเหยียน นี่มันเกิดอะไรขึ้นครับ”
เมื่อเห็นท่าทีของจางเทา คนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างก็อึ้งไปไม่น้อย อย่าบอกนะว่าคนที่ไร้มารยาทตรงหน้าจะรู้จักกับหัวหน้าจาง
ฟางเหยียนพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “มีคนพยายามลอบฆ่าฉัน พอดีว่าภรรยาของนายเดินผ่านมา ฉันเลยช่วยเธอไว้”
ผู้หญิงคนนั้นส่งเสียงหึ จากนั้นพูดด้วยท่าทีโมโห “ยังจะโกหกอีก นี่ไอ้เลว แกจงใจผลักฉันชัดๆ จางเทา ถ้าวันนี้คุณไม่จัดการมัน ฉันไม่จบง่ายๆ แน่!”
“เพียะ!” จางเทาตบหน้าผู้หญิงคนนั้น จากนั้นแผดเสียงออกมาว่า “กลับบ้านไปซะ”
การกระทำของจางเทา ทำให้ผู้เป็นภรรยางงไปหมด คนที่อยู่ในเหตุการณ์ก็งงเช่นกัน
คนคนนี้เป็นใครกันแน่ แม้แต่หัวหน้าจางยังกลัว
ฟางเหยียนไม่สนใจว่าใครจะคิดยังไง เขาพูดกับหัวหน้าจางว่า “ไปบนภูเขาที่อยู่ฝั่งตรงข้าม คนนั้นอยู่บนภูเขา ถ้าฉันเดาไม่ผิด น่าจะเป็นคนร้ายที่พวกนายต้องการจับตัว”
พูดจบ เขาก็เดินนวยนาดออกไปจากที่นี่
เมื่อเห็นแผ่นหลังของฟางเหยียนที่กำลังไกลออกไป ถังยู่ก็ยังไม่ได้ทักทายเขา
“ไอ้สกุลจาง แกกล้าตบฉันเหรอ” เพื่อกู้หน้าคืนมา ผู้หญิงคนนั้นจึงด่าจางเทาและกลับบ้านไป
ในไม่ช้า พวกเขาก็มาถึงบนภูเขาที่อยู่ตรงข้ามกับสวนสาธารณะ เป็นอย่างที่ฟางเหยียนบอก มีคนอยู่ที่นี่จริงๆ แถมยังตายแล้วด้วย
ตอนที่ถังยู่เห็นศพ เธอถึงกับอึ้งไป ศพนี้นอนหงายหน้าขึ้นฟ้า ดวงตาของเขาแตกกระจาย มีรอยแผลลักษณะเป็นรูอยู่บนศีรษะ เลือดเจิ่งนองเต็มพื้น
ดูจากลักษณะของบาดแผล น่าจะถูกกระสุนปืนยิงจนตาย
จางเทามองดูศพแล้วถามว่า “เสี่ยวถัง จำได้ไหมว่าเขาคือใคร”
ถังยู่ส่ายหน้า จากนั้นเธอจึงมองอย่างละเอียดอีกครั้ง เธอรีบพยักหน้าเหมือนคิดอะไรออก “นักฆ่าในเงามืดใช่ไหมคะ”
หน่วยงานหลักของเขตภาคซีหนานเรียกเหยี่ยวผู้ไม่แพ้ว่านักฆ่าในเงามืด เพราะเหยี่ยวทำอะไรรอบคอบเป็นอย่างมาก ทุกครั้งที่มีคดี พวกเขาแทบจะไม่เจอร่องรอยอะไรเลย ผ่านไปหลายปี นักฆ่าคนนี้ใช้ชีวิตอยู่ในเขตซีหนานมาตลอด เมื่อมีการลอบฆ่าครั้งใหญ่ จะมีเงาของเขาอยู่ในนั้นเสมอ แต่ว่าคดีของเขา ไม่มีใครสามารถหาร่องรอยอะไรได้เลย
แต่ทว่าพวกเขาคิดไม่ถึงว่าจะเจอคดีนี้ได้
“เขาโดนยิงตายใช่ไหมคะหัวหน้าจาง” ถังยู่มองรอยกระสุนปืน และถามด้วยสีหน้าซีดเผือด
หัวหน้าจางนั่งยองลงข้างศพ จากนั้นจึงพยักหน้าแล้วพูดว่า “เขาโดนยิงตาย แต่กระสุนปืนไม่ได้ออกมาจากกระบอกปืนน่ะสิ”
ถังยู่กับตำรวจที่อยู่ในที่เกิดเหตุต่างพากันตกใจ หมายความว่าอะไร กระสุนไม่ได้ออกมาจากกระบอกปืนแล้วจะฆ่าคนได้ยังไง นี่เป็นเรื่องประหลาดที่ไม่เคยได้ยินในการเป็นตำรวจและตอนที่อยู่ในโรงเรียนตำรวจ
ไม่มีใครเข้าใจสิ่งที่จางเทาพูด รวมถึงถังยู่ด้วย
จางเทาพูดพึมพำว่า “มันเป็นกระสุนปืนที่ออกมาจากมือคน บางทีพวกนายอาจจะไม่เชื่อ แต่นี่คือเรื่องจริง พวกนายดูบาดแผลเอาเองแล้วกัน บาดแผลที่โดนยิงจะมีรอยไหม้ เพราะเมื่อปลายกระสุนปืนดีดตัวออกจากปืนจะทำให้เกิดรอยไหม้ แต่ตรงนี้ไม่มี นี่แสดงว่ากระสุนปืนไม่ได้ถูกยิงออกมาจากปืน”