จอมนักรบทรงเกียรติยศ - ตอนที่ 82
เสียงนี้ราวกับมีมนต์เสน่ห์บางอย่าง พอพูดออกมา คาดไม่ถึงเขารู้สึกว่าทั้งร่างกายตนเองกลับสบายไปหมด คล้ายว่าเชือกถูกปลดออกแล้ว เขาอ้าปากถามว่า “แกเป็นใคร?”
สามารถพูดได้แล้ว หลังจากการปรากฏขึ้นฉับพลันของเสียงนี้ ทำให้เขาสามารถพูดได้แล้ว
ฟางเหยียนเดินมาด้านหน้าเขาแบบไม่เร็วไม่ช้า นั่นคือหน้าที่ซีดเซียวพอสมควรใบหนึ่ง แถมยังมีความอึมครึมไม่สมกับอายุอีกด้วย
“ฟาง ฟางเหยียน!” ในใจเซียวไห่ปิงสั่น ตะโกนชื่อนี้ออกมา
ถ้าเป็นเมื่อก่อน เดิมทีเขาคงไม่เห็นคนคนนี้อยู่ในสายตา แม้ว่าเจอกันที่ข้างถนน เขายังจะไม่ชายตามองเขาเลยแม้แต่น้อย แต่พอเจอกับฟางเหยียนตอนนี้ ใบหน้ากลับเต็มไปด้วยความตกใจ
เพราะคนที่จับเขามาคือเทียนขุยรองผู้นำของเขตซีหนาน แล้วที่เห็นทำไมถึงเป็นคนคนนี้ไปได้?
อีกอย่างเมื่อสักครู่ทั้งตัวตนเองไม่สามารถขยับได้ แต่พอเขาส่งเสียงขึ้นมา ทำไมตนเองถึงพูดจาได้แล้วล่ะ?
นี่สรุปเป็นคนอย่างไรกัน?
คำถามากมายผุดขึ้นในใจ ทำให้เซียวไห่ปิงไม่กล้าคิดต่อไปอีก
ฟางเหยียนแสยะปาก เผยรอยยิ้มหนึ่งออกมา ยิ้มนี้ไม่เป็นธรรมชาติมากๆ เหมือนกำลังแสร้งยิ้ม มองจนเซียวไห่ปิงหนังศีรษะชา
เขาเป็นคนที่อายุสี่สิบกว่าปี ยามอยู่ต่อหน้าคนที่อายุยี่สิบกว่าปีคนนี้ คาดไม่ถึงจะรู้สึกหนาวเหน็บได้
“เซียวไห่ปิง ลูกชายของเซียวเจิ้นเที่ยน ผู้รับผิดชอบของเจิ้นเทียนกรุ๊ปและอสังหาริมทรัพย์เซียวซื่อ ผู้สืบทอดในอนาคตของตระกูลเซียว”
ฟางเหยียนท่องพึมพำอยู่ จากนั้นพูดต่อไปอีก “ตอนอายุสิบสามปีนั้น เพราะสนใจผู้หญิง ดังนั้นเลยคลำเอาสาวใช้คนหนึ่งในบ้านของตัวเอง พอสาวใช้ร้องไห้ไปบอกพ่อของแก แกก็ฆ่าสาวใช้คนนั้นอย่างทารุณ สาวใช้คนนั้นชื่อหยินหัว สาวน้อยที่อายุยี่สิบปีต้นๆ เพื่อให้มีชีวิตอยู่รอดจากความขัดสนเลยมาเป็นสาวใช้ที่บ้านแก จนตอนที่ตายยังไม่เคยคิดว่าชีวิตของตัวเองจะเดินมาถึงขั้นนี้ได้”
“อายุสิบห้าปี แกทวีความกำเริบเสิบสานขึ้น เริ่มสนใจผู้หญิงของพ่อตัวเองเข้า ลงมือทำเรื่องที่เลวทรามกับผู้หญิงของพ่อแก ต่อมาเพราะแม่เลี้ยงแกอับอาย เลยหนีกลับบ้านเกิดแล้ว แต่แกก็ไม่ยอมปล่อยเธอไป กลัวเรื่องนี้จะถูกพ่อแกรู้เข้า ดังนั้นแกเลยส่งคนไปจ้างนักฆ่า จากนั้นฆ่าเธอไปทันที”
“อายุยี่สิบเอ็ดปี แกแต่งงาน แต่เนื่องจากชีวิตส่วนตัวที่ยุ่งเหยิง เมียแกยอมรับไม่ได้ ผลสุดท้ายโดนแกทรมานฆ่าตาย นอกจากนี้ยังมีชีวิตคนที่ตายอย่างอนาถในน้ำมือแกอีกยี่สิบเอ็ดชีวิต เรื่องพวกนี้คงไม่ต้องให้ฉันพูดทีละเรื่องแล้วมั้ง?”
“ต่อมาแกค่อยๆ เติบโตขึ้น คู่หมายไม่ได้เป็นเพียงแค่ผู้หญิงที่ธรรมดาขนาดนั้น แกยังสนใจเด็กน้อยด้วย แกคิดว่ามีเงินก็สามารถทำทุกอย่างที่ต้องการได้ แกคิดว่าเรื่องพวกนั้นที่แกทำ ขอเพียงจัดการปิดปากแล้วจะทำให้ไม่มีคนรู้อย่างนั้นเหรอ?
“ขอแค่ฉันอยากค้นหาแก แม้แต่เรื่องที่แกลืมไปแล้ว ฉันก็สามารถหาออกมาให้แกได้ทุกเรื่อง นี่เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของชีวิตแกเท่านั้น ชีวิตทั้งหมดของแกอยู่ในมือของฉันแล้ว ฉันควบคุมเรื่องแต่ละอย่างที่พวกแกทำไว้ได้ตลอดเวลา”
หลังจากพูดเรื่องพวกนี้จบ ฟางเหยียนสูดหายใจเข้าลึกๆ ทีหนึ่ง ถามว่า “แกไม่ได้กำลังตรวจสอบฉันอยู่เหรอ? ค้นหาแล้วเป็นยังไงบ้างล่ะ? ละเอียดแบบที่ฉันค้นหาข้อมูลพวกนี้ของแกหรือเปล่า?”
ชั่วขณะนั้นเซียวไห่ปิงเป็นใบ้พูดไม่ออก เขาเหมือนโดนอาวุธหนักระเบิดยิงเข้ามาอย่างรุนแรง วินาทีนี้ เขารู้สึกว่าใกล้จะแหลกไปทั้งตัวแล้ว เรื่องพวกนี้ล้วนเป็นข้อมูลลับสุดยอดของเขา ไม่น่ามีใครรู้ พูดอีกอย่างคือคนที่รู้ต่างก็ตายกันไปหมดแล้ว
แต่ว่าทำไมเขาถึงรู้เรื่องพวกนี้ได้?
คนผู้นี้เป็นใครกัน?
“แก สรุปแกเป็นใคร? แกรู้เรื่องนี้ได้ยังไงกัน?” เซียวไห่ปิงถามแบบเซ่อซ่า
ฟางเหยียนตอบว่า “แน่นอนว่าค้นหาน่ะสิ เหมือนที่แกตรวจสอบฉันแบบนั้นแหละ เพียงแต่ข้อมูลของพวกเราไม่ค่อยเหมือนกัน แกค้นหาคนคนหนึ่ง บางทีอาจจะต้องเสียเวลานานมาก ส่วนฉัน ขอเพียงสั่งไปคำเดียว ก็สามารถรู้แล้วว่าทั้งชีวิตแกทำอะไรไปบ้าง”
หัวใจของเซียวไห่ปิงถูกเขย่าจนสั่นถึงที่สุด เขาถามแบบหน้าตาไร้สีสัน “สรุปแกเป็นใครกัน?”
“ไม่ใช่ว่าแกค้นหาเจอแล้วเหรอ? ทำไมยังถามฉันอีกล่ะ?”
พูดจบ ฟางเหยียนยกเก้าอี้ตัวหนึ่งมานั่งที่ตรงหน้าของเซียวไห่ปิงทันที บนหน้าเขามีรอยยิ้มของมารร้ายอยู่ มองเข้าไปแล้วทำให้คนหวาดกลัวอย่างมาก
“แกคือคุณชายของตระกูลฟาง?” เซียวไห่ปิงกัดฟันถาม
ฟางเหยียนพยักหน้าตอบ “ใช่ ฉันคือคุณชายของตระกูลฟาง แต่ฉันก็คือลูกเขยของตระกูลเย่ ไม่เพียงแค่นี้ ฉันยังเป็นจอมพลโผ้จวินของสำนักเจ็ดพิฆาตแห่งประเทศหวา ชายแดนภาคเหนือของประเทศหวา ผู้นำเพียงหนึ่งเดียว ขอเพียงฉันโบกมือทีเดียว ก็สามารถบัญชาการทหารในสนามรบทั้งประเทศหวาได้แล้ว ขอเพียงฉันสั่งการออกไป ฉันก็ตีจินโจวที่เล็กๆ แตกกระจายได้! แกรู้มั้ย? ลูกน้องของฉันมีทหารเป็นล้าน! กองกำลังสำนักเจ็ดพิฆาตของฉันก็มีเป็นแสน!”
คำพูดของฟางเหยียนดุจยิงกระสุนปืนใหญ่ เซียวไห่ปิงตกใจจนตะลึงค้างไปทั้งตัวแล้ว
เขารู้สึกว่าสถานะของฟางเหยียนน่าสงสัยมาตั้งแต่แรก และตรวจสอบได้แล้วว่าเขาเป็นคุณชายของตระกูลฟาง ไม่เคยคิดว่าเขายังมีสถานะที่มากขนาดนั้นอีก ผู้นำของประเทศหวา การมีตัวตนของผู้บังคับบัญชาสนามรบ นี่เดิมทีไม่ใช่คน นี่คือเทพน่ะสิ!
ฟันของเซียวไห่ปิงกำลังสั่นระริก ไม่รู้ว่าควรจะจิตใจสงบลงมาได้อย่างไรตั้งแต่แรก?
เขาถามแบบอ้ำๆ อึ้งๆ “งั้น งั้นแกจับฉันมาทำอะไร?”
“แก ยังไม่รู้อีกเหรอ?”
เซียวไห่ปิงกลืนน้ำลายอย่างแรงไปอึกหนึ่ง พูดด้วยความโมโหเดือดดาล “ฉัน ฉันตรวจสอบแกแล้ว ฉันทำเรื่องพวกนั้นไป แต่ว่าฉันไม่ได้ล่วงเกินแกนี่! พวกนั้นล้วนเป็นเรื่องเก่าหลายปี เป็นอดีตไปหมดแล้ว ฉันให้เงินกับครอบครัวพวกเขา ทำให้ชีวิตของพวกเขาอยู่ดีกว่าเมื่อก่อนตั้งหลายเท่า”
“เงิน?” ฟางเหยียนตะคอกอย่างหนักหน่วง “แกคิดว่าเงินสามารถแก้ไขได้ทุกเรื่องงั้นเหรอ?”
“ชีวิตของแก คุ้มค่าแค่ไหนกัน?”
เซียวไห่ปิงตกตะลึงอีกครั้ง เขาพูดจาแบบสั่นเทิ้ม “แกๆๆ ฆ่าฉันไม่ได้นะ!”
“อ่อ? ทำไมถึงฆ่าแกไม่ได้?” ฟางเหยียนถามด้วยความสงสัย
“เพราะ เพราะฆ่าคนผิดกฎหมาย?” เซียวไห่ปิงเปียกชุ่มด้วยเหงื่อไปตั้งแต่แรกแล้ว คำพูดที่กล่าวออกมายิ่งไม่เป็นประโยค
“ฮ่าๆๆ!” ฟางเหยียนหัวเราะออกมายกใหญ่ ถึงแม้ว่านี่คือการหัวเราะ แต่กลับเป็นการหัวเราะเยาะแบบหนึ่ง หัวเราะที่เย็นชาจนอยากฆ่าคน “ผิดกฎหมาย แล้วเรื่องพวกนั้นที่แกทำ มีเรื่องไหนที่ใช่โทษประหารชีวิตบ้าง! แกยังมีหน้ามาพูดเรื่องผิดกฎหมายกับฉันเหรอ?”
พูดจบ ฟางเหยียนกล่าวขึ้นอีก “ยังไม่พูดถึงเรื่องพวกนั้นของแก มาพูดเรื่องที่ตระกูลเซียวของพวกแกทำกับตระกูลเย่เถอะ!”
ตระกูลเย่!
เซียวไห่ปิงมึนค้าง เขาถามแบบอึ้งทึ่ง “นี่แกหมายความว่าอะไร?”
“แกน่าจะรู้ดีกว่าฉันไม่ใช่เหรอ?”
จิตใจเซียวไห่ปิงเจอคลื่นที่โหมซัดสาดอย่างบ้าคลั่ง “เป็นเพราะตระกูลเย่ แกถึงโจมตีพวกฉันมาขนาดนี้?”
“ไม่อย่างนั้นแกคิดว่าไงล่ะ? แกคิดว่าตระกูลเซียวเล็กๆ คุ้มค่าให้ฉันพุ่งเป้ามางั้นเหรอ?”
ชั่วขณะนั้นเซียวไห่ปิงเข้าใจขึ้นมาฉับพลัน ตั้งแต่เด็กเขาเติบโตมาที่ตระกูลเย่ แถมยังแต่งงานกับลูกสาวของตระกูลเย่ บุญคุณในการเลี้ยงดู นี่คือบุญคุณอันใหญ่หลวง เรื่องมากมายขนาดนั้นที่ตระกูลเซียวเจอมาในช่วงนี้ ที่แท้ล้วนเป็นเพราะตระกูลเย่
ตอนที่เซียวไห่ปิงเงียบงันไม่พูดจา ฟางเหยียนจึงพูดต่อไป “บางทีพวกแกคิดว่าตัวเองสามารถใช้อิทธิพลปิดบังเมืองจินโจวได้ สามารถสร้างความโกลาหลได้ แต่พวกแกคิดผิดแล้ว! ทุกอย่างนี้เป็นเพียงแค่จินตนาการของพวกแกเท่านั้น อยู่ต่อหน้าอิทธิพลที่เด็ดขาด พวกแกตระกูลเซียวก็เป็นแค่พวกต่ำต้อย!”
“ต่อไปนี้ มรสุมที่เป็นของตระกูลเซียวกำลังจะเริ่มต้น!”