จอมนักรบทรงเกียรติยศ - ตอนที่ 85
“ได้ๆๆ!” ชั่วขณะนั้นเถ้าแก่หัวล้านเบิกดวงตาโต รีบพยักหน้าโค้งตัวตอบกลับ
แน่นอนว่าฟางเหยียนจะไม่ลืมธุระสำคัญของตนเอง ดังนั้นจึงหยิบหินสองก้อนนั้นออกมาแล้วถามเถ้าแก่ของวังเซ่าเซียน “ดูให้ฉันหน่อย นี่คือหินวัสดุอะไรกัน”
มองหินประหลาดสีสันไม่เหมือนกันสองก้อนนี้ เถ้าแก่ตะลึงไปก่อน จากนั้นพูดด้วยความลำบากใจ “ท่าน นี่ท่านไม่ใช่กำลังเยาะเย้ยผมอยู่เหรอ? ท่านไม่รู้ว่านี่คืออะไร แล้วผมจะรู้ได้อย่างไรกัน”
“ใช้เครื่องมือเฉพาะของนายมาดูให้ฉันหน่อย!” ฟางเหยียนพูดเหมือนสั่งการ
เถ้าแก่ไม่กล้าพูดอะไรมากอีก รีบหยิบแว่นขยายอันหนึ่งและอุปกรณ์บางอย่างขึ้นมาศึกษาวิจัย หลังจากตรวจดูกลับไปกลับมารอบหนึ่ง เขาส่ายหน้าพูดอย่างจำใจ “ไม่ค่อยชัดเจน ของชิ้นนี้ผมไม่เคยเห็นมาก่อน”
เถ้าแก่หัวล้านที่อยู่ด้านข้างจ่ายเงินเรียบร้อย เขายกมือขึ้นมาลูบสักหน่อย พลันถามว่า “ผมขอดูหน่อยได้ไหม?”
“ได้แน่นอนสิ!” ฟางเหยียนทำท่าทางเชิญตามสบายออกมา
เถ้าแก่หัวล้านหยิบไว้บนมือลูบคลำสักพัก จากนั้นเคาะเสียงแล้วนำมาวางไว้ที่ข้างหู จากนั้นพูดด้วยความตกใจ “หินทิพย์!”
ฟางเหยียนมึนงง ถามว่า “หินทิพย์?”
เถ้าแก่หัวล้านพยักหน้าตอบว่า “ใช่ครับ นี่คือหินทิพย์ แต่ผมไม่ค่อยเข้าใจวิธีใช้งานมันเหมือนกันนะ ครั้งก่อนที่หนานหลิงเจอต่งโป๋เหวินนักสะสมของโบราณหลายสมัยถึงได้สัมผัสของแบบนี้มา ตอนนั้นสถานที่ของเขามีของแบบนี้”
“ต่งโป๋เหวิน?” ฟางเหยียนบ่นพึมพำชื่อคนนี้ออกมา
แน่นอนว่าเขารู้คือใคร เป็นพ่อของต่งยู่ นั่นคือนักสะสมของโบราณหลายสมัยที่ดีที่สุดในประเทศหวา
“คุณผู้ชาย บางทีคุณลองไปถามเขาดู เขาน่าจะรู้ว่านี่คือของอะไรนะ” เถ้าแก่หัวล้านพูดกับฟางเหยียน
ฟางเหยียนพยักหน้าเล็กน้อย พูดขอบคุณไปแล้ว จากนั้นเดินออกจากวังเซ่าเซียน ดูท่าทางแบบนี้ อาจจะต้องไปที่หนานหลิงสักเที่ยวแล้ว ช่วงนี้ไม่รู้ว่าทำไมหลังจากกำลังฟื้นตัวมาถึงขั้นห้า ยากมากที่จะฟื้นฟูอีก
เขาต้องตั้งใจมองหินสองก้อนตรงหน้าดีๆ อีกทั้งคำพูดของตาเฒ่าตาบอดนั้นอีก บางทีหินสองก้อนนี้อาจจะเป็นกุญแจสำคัญ เขาจำเป็นต้องรีบจัดการปริศนาของหินก้อนนี้ จากนั้นทำให้ตนเองฟื้นฟูกำลังทั้งหมดกลับมา
สำหรับจุดหัวเลี้ยวหัวต่อที่อาจารย์พูดถึง เขาไม่มีทางรู้ได้เลย
ตระกูลเซียวอีกด้านหนึ่ง
การตายของเซียวไห่ปิงโจมตีตระกูลเซียวหนักหน่วงมาก เซียวเจิ้นเที่ยนนั่งอยู่ที่ห้องประชุมของตระกูลเซียว ดวงตาแดงก่ำ สีหน้าซีดเซียว ความเจ็บปวดที่ยิ่งใหญ่สุดบนโลกใบนี้แบบที่ไม่ต้องสงสัย คือผู้ใหญ่สูญเสียลูกไป คนผมหงอกต้องมาอำลาคนผมดำ
เซียวไห่ปิงเป็นลูกชายที่พึ่งพาได้มากสุดของเขา และเป็นความหวังทั้งหมดของเขาด้วย ถึงแม้อย่างอื่นจะโหดเหี้ยมไปบ้าง แต่พอทำงานขึ้นมากลับเป็นคนดีที่สุดคนนั้น และเป็นผู้ใกล้ชิดเขามากที่สุด แต่ว่า แต่ว่าเขากลับตายแล้ว ตายไปแบบนี้
ความเสียใจนี้ ไม่มีใครสามารถจินตนาการได้ เซียวเจิ้นเที่ยนที่เข้มแข็งมาทั้งชีวิตสามารถยอมรับเซียวฮั่วขาขาดได้ สามารถยอมรับเจ้ารองถูกพาไปได้ แต่ยอมรับลูกชายของตนเองถูกตัดศีรษะขาดไม่ได้ แม้แต่ร่างกายเต็มตัวยังหาไม่เจอ
ตั้งแต่มีประวัติศาสตร์จดบันทึกมา นี่คือการโจมตีที่ใหญ่หลวงสุดที่ตระกูลเซียวเคยเผชิญมา
สำหรับตระกูลเซียวนั้น นี่เป็นหายนะที่ไม่เคยเกิดขึ้นในประวัติการครั้งหนึ่ง
ธุรกิจที่ร่วมงานกันต่างทยอยถอนการลงทุน ในเวลาคืนเดียว ตระกูลเซียวสูญเสียเงินหลายพันล้าน ตอนนี้ ผู้ร่วมงานของตระกูลเซียวโดยพื้นฐานมีเพียงตระกูลเฉิงของเจียงตู ถ้าไม่คิดหาหนทางต่อไป ตระกูลเฉิงนี้อาจจะต้องถอนการลงทุน
นี่ไม่ใช่เพียงการแก้แค้นด้านธุรกิจธรรมดาแล้ว นี่คือการแก้แค้นที่พยายามกำจัดทั้งตระกูลเซียวทิ้ง ที่น่าโมโหสุดคือเขายังไม่รู้ว่าคนที่เบื้องหลังนี้ สรุปเป็นใครกันแน่!
เซียวเจิ้นเที่ยนครุ่นคิดกลับไปกลับมาถึงโทรศัพท์สายนั้นที่เซียวไห่ปิงโทรเข้ามาหาก่อนตาย บอกว่าเขาค้นหาเรื่องเกี่ยวกับฟางเหยียนเจอแล้ว หรือว่าเป็นทหารปลดประจำการคนนั้นทำทุกอย่างนี้เหรอ?
เป็นเขาดูถูกฟางเหยียนคนนี้แล้วเหรอ?
มือสังหารที่เขาส่งไปล้วนเป็นระดับแนวหน้า แต่ไม่มีใครสักคนที่สามารถบรรลุเป้าหมายได้ นี่อธิบายได้ว่ามีคนกำลังคุ้มครองฟางเหยียนอยู่
ในเมื่อมีคนคุ้มครองเขา นั่นหมายความว่าเบื้องหลังของเขาต้องมีอิทธิพลยิ่งใหญ่เป็นแน่ สรุปเป็นอิทธิพลอะไรที่คุ้มครองเขาไว้? เพื่อปกป้องเขาแล้วถึงขั้นเป็นปรปักษ์กับตระกูลเซียวเลยเหรอ? คนที่ไม่เห็นตระกูลเซียวอยู่ในสายตา ย่อมเป็นกลุ่มที่ใหญ่โตมากกลุ่มหนึ่ง
งั้นนี่คือกลุ่มอะไรกันล่ะ?
เมื่อเห็นว่าห้องประชุมเงียบกริบจนแม้แต่เข็มเล่มหนึ่งร่วงลงพื้นยังสามารถได้ยิน ทุกคนของตระกูลเซียวต่างมองที่เซียวเจิ้นเที่ยนแบบไม่กล้าหายใจแรง ทุกคนกำลังรอเซียวเจิ้นเที่ยนเอ่ยปากพูดอะไรอยู่
หลังจากนั้นตั้งนาน เซียวเจิ้นเที่ยนถึงถอนหายใจยาวๆ ทีหนึ่ง ใช้น้ำเสียงที่แหบแห้งกล่าวขึ้น “ทุกคนคงรู้เรื่องที่เกิดขึ้นกับตระกูลเซียวช่วงนี้กันหมดแล้ว ตอนนี้เรื่องสำคัญที่สุดของพวกเราคือต้องหาตัวการคนนี้ รู้ให้ได้ว่าใครกำลังพุ่งเป้ามายังตระกูลพวกเรา”
จิตใจของเขาสับสนอยู่บ้าง ตอนที่พูดจาขึ้นมา เห็นได้ชัดว่าลมหายใจไม่เพียงพอ
“คุณปู่คะ! หนูศึกษาฟางเหยียนคนนี้มาสักพักแล้ว มักรู้สึกว่าเขามีปัญหา” เซียวห้านลุกขึ้นยืน พูดแบบดวงตาแดงก่ำ
เซียวห้านเป็นลูกสาวของเซียวไห่ปิง พอทราบข่าวว่าเซียวไห่ปิงเกิดเรื่อง จึงรีบกลับมาจากต่างประเทศทันที เธอเรียนอยู่ที่เมืองนอก เรียนด้านการจัดการการเงิน ปีนี้อายุยี่สิบสามปี ตั้งแต่เด็กเธอมีบทบาทที่โหดร้าย สืบทอดความใจดำอำมหิตของเซียวไห่ปิงมาโดยสมบูรณ์แบบมากๆ
“ว่ามา!” เซียวเจิ้นเที่ยนมองเซียวห้านแบบอารมณ์ตกต่ำ นี่คือความไม่สงบและหวาดกลัวแบบที่เขาไม่เคยเป็นมาก่อน
เซียวห้านกวาดสายตามองคนในห้องประชุมรอบหนึ่ง พูดว่า “ฟางเหยียนคนนี้มีข้อน่าสงสัยมากมาย พวกเรารู้จักเขาน้อยมากๆ เขาเป็นทหารอยู่ในกองทัพมาห้าปีไม่ผิดแน่ แต่ว่าห้าปีนี้ ใครจะไปรู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นบ้าง?คุณปู่ ก่อนหน้านี้คุณปู่รองบอกว่าเขาเป็นทหารปลดประจำการทั่วไป แต่คนที่เป็นทหารปลดประการทั่วไปคนหนึ่ง จะสามารถรู้จักรองผู้นำเหล่านั้นได้เหรอ?”
“ท่านคิดว่าเขามีสิทธิ์อะไรไปแลกเปลี่ยนเงื่อนไขกับรองผู้นำเหล่านั้น คนเหล่านั้น คนไหนออกมาไม่ใช่มีอำนาจเหนือการมีตัวตนของอีกฝั่งได้บ้าง มีความจำเป็นต้องมาแลกเปลี่ยนเงื่อนไขอะไรกับคนแบบเขาด้วยเหรอ?”
หลังจากคำพูดนี้ออกมา ทำให้เซียวเจิ้นเที่ยนถลึงตาโตในขณะหนึ่ง ถ้าเป็นแบบนี้จริง ฟางเหยียนคนนั้นคงไม่ใช่พวกกระจอกแน่ๆ
“ว่าตามความหมายของแก เบื้องหลังของเขาใหญ่มากงั้นเหรอ?” เซียวเจิ้นเที่ยนปรับสภาพจิตใจใหม่ ถามขึ้น
เซียวห้านส่ายหน้าตอบ “หนูเคยรู้จักเขา และเคยเห็นเขาด้วย ถามว่าสถานะเขาใหญ่แค่ไหน ยังไม่แน่ใจ แต่ถ้าพูดว่าเบื้องหลังของเขามีกลุ่มไหนอยู่หรือไม่ นั่นพูดยากมากค่ะ”
เซียวห้านเป็นเด็กสาวที่คิดรอบคอบ ถนัดวิเคราะห์แต่ละคน โดยเฉพาะเป็นศัตรู
สมัยเรียนหนังสือ ขอเพียงมีศัตรูหัวใจ เธอจะใช้ทุกวิถีทางไปทรมานฝ่ายตรงข้าม ทำให้ฝ่ายตรงข้ามเปลี่ยนไปยากจะทนได้สุดๆ จนกระทั่งปล่อยไก่ออกมาสารพัด
ได้ยินว่าบิดาเสียแล้ว นอกจากความเศร้าเสียใจ เธอยิ่งโกรธเคืองเหลือเกิน
ความคิดของเซียวห้านกับเซียวเจิ้นเที่ยนเห็นตรงกันโดยบังเอิญ เซียวเจิ้นเที่ยนเงยหน้าขึ้นมาถาม “อย่างนั้นหมายความว่าแกคิดว่าเป็นปัญหาของฟางเหยียนคนนี้?”
“ค่ะ!” เซียวห้านพยักหน้าตอบอย่างหนักแน่น “เพราะฉะนั้นหนูมีวิธีทดสอบเขาดูค่ะ! ลองสักหน่อย บางทีพวกเราอาจได้รับคำตอบที่พวกเราต้องการได้!”
ลูกชายคนโตของเซียวเจิ้นเที่ยนคือบิดาของเซียวฮั่วเซียวเหอพูดขึ้น “แกมีวิธีอะไร? คิดจะทดสอบยังไง? แกต้องรู้ไว้ นักฆ่าที่พวกเราส่งออกไปล้วนเป็นแนวหน้าทั้งนั้น แต่พวกเขาล้วนหายสาบสูญไป โดยเฉพาะมีความเป็นไปได้มากว่าตายแล้ว”
เซียวห้านสะอึกสะอื้นนิดหน่อย พูดว่า “บางทีพวกเราอาจดูถูกฟางเหยียนเกินไป ในเมื่อฝั่งเขามีกลุ่มนั้นสนับสนุนเขาไว้ คุ้มครองเขาอยู่ งั้นทำไมพวกเราไม่สู้เปลี่ยนมุมมองมาอธิบายความหมายล่ะ อย่างเช่น คนที่ใกล้ชิดเขาที่สุด ภรรยาของเขา เย่ชิงหยู่