จอมนักรบทรงเกียรติยศ - ตอนที่ 88
ซ่งหยิงมองเห็นคนมากขนาดนั้น ก่อนจะมองทางชายหนุ่มและล่ำสันคนนั้นแล้วถามว่า “ทำ ทำยังไงดี?”
ฟางเหยียนไม่ได้มองเธอสักนิด และไม่ได้ตอบคำถามด้วย ลุกขึ้นยืนจากที่นั่ง เดินลงไปจากรถเป็นคนแรก
กำลังคนนับพันสามารถข่มขู่ให้คนไม่น้อยตกใจได้จริง แต่สำหรับฟางเหยียนที่เคยฆ่าศัตรูแข็งแกร่งมานับหมื่น เดิมทีไม่ได้ใส่ใจ
เทียนขุยลุกขึ้นเช่นกัน พูดกับคนในรถว่า “ทุกคนไม่ต้องกลัว รออยู่ในรถ อย่าลงมา”
พูดจบเขาเดินตามฟางเหยียนลงไปแล้ว
เทียนขุยเพิ่งเดินลงจากรถ ชายหัวล้านคนนั้นชี้มาที่เขาพลันพูดว่า “พี่ใหญ่ คือมัน!”
ฟางเหยียนมองทางหยางซ่าวหานคนนั้นแวบหนึ่ง เป็นชายหนุ่มอายุประมาณยี่สิบปี รูปร่างไม่บึกบึน หน้าตาหล่อเหลาพอสมควร ใต้ดวงตามีรอยแผลเป็นอันหนึ่ง เพราะรอยแผลเป็นนี้ จึงเพิ่มพลังดุร้ายให้เขานิดๆ
“เป็นแกที่ต่อยลูกน้องของฉัน?” หยางซ่าวหานจ้องเทียนขุยแบบตรงๆ คำพูดหนาวเย็น บีบเคล้นเต็มที่
ฟางเหยียนกวาดตามองรอบหนึ่ง สุดท้ายหยุดสายตาบนตัวของเทียนขุยไว้ พูดว่า “เดิมทีอยากเข้ามาแบบเรียบง่าย ดูท่าทางครั้งนี้จะสมหวังยากอีกแล้วสินะ”
เขามีคนที่คุ้นเคยอยู่ที่หนานหลิงหลายคนขนาดนั้น หวงหยวนฉาว หลินถง ยังมีต่งยู่อีก สองสามคนนี้ ไม่ว่าคนไหนอยู่ที่หนานหลิงต่างเป็นบุคคลที่มีอำนาจทัดเทียมกัน ครั้งนี้เขาเข้ามาเพียงแค่อยากทำธุระเสร็จแล้วกลับไป ไม่อยากยุ่งเกี่ยวเรื่องอันใดกับใครทั้งนั้น
แต่ถูกหยางซ่าวหานเล่นมาขนาดนั้น คงอาจจะรู้ว่าเขามาแล้ว
ฟางเหยียนไม่ชอบพิธีหยุมหยิมพวกนี้ และไม่ชอบเจรจาและไปมาหาสู่กับคนพวกนี้มากเกินไปด้วย
“เป็นพวกแกที่ตีลูกน้องฉัน?” หยางซ่าวหานถามอีกรอบอย่างโหดร้าย
เทียนขุยเงยหน้ายืดอก พูดด้วยจิตใจองอาจห้าวหาญ “ใช่ ฉันทำเอง!”
เพิ่งพูดจบ ทันใดนั้นหญิงสาวคนหนึ่งวิ่งมาที่ด้านหน้าของฟางเหยียน อ้าแขนออกขวางเขาและเทียนขุยไว้ พร้อมพูดว่า “ไม่เกี่ยวอะไรกับพวกเขา เป็นฉันที่หาเรื่องเอง! คุณปล่อยพวกเขาไปเถอะ”
คือซ่งหยิง ฟางเหยียนนึกไม่ถึงว่าซ่งหยิงจะเข้ามาในเวลานี้ แถมยังทำท่าทางแบบนี้ออกมาอีก
เธอหายใจหอบแรง สีหน้าซีดเซียวมาก พอมองก็รู้แล้วว่าเก็บกดความกลัวมากมายเอาไว้ถึงกล้าเข้ามา
“คุณผู้ชายทั้งสองท่าน สำหรับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อกี้นี้ ฉันรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมากค่ะ แต่นี่ไม่เกี่ยวข้องกับพวกคุณ ขอให้พวกคุณไปเถอะค่ะ! ฉันเป็นคนก่อเรื่องคนเดียวจะรับผิดคนเดียว” ซ่งหยิงพยายามทำให้ตนเองกลับสู่ความสงบ ทว่าความประหม่าบนหน้ายังคงยากจะเลือนหาย
ฟางเหยียนยังไม่ทันได้พูดจาอะไร หยางซ่าวหานคนนั้นดันยกนิ้วโป้งขึ้นมาเสียก่อน พูดชมเชย “มีความรับผิดชอบดี ฉันชอบ! สาวน้อยฉันชอบหญิงสาวที่มีความรับผิดชอบแบบนี้แหละ”
“พวกแกเห็นกันรึเปล่า? หา เห็นมั้ย นี่เป็นแค่หญิงสาวคนหนึ่ง พวกแกที่เป็นผู้ชายอกสามศอกกลุ่มนี้ เจอปัญหาก็หดหัวอยู่ข้างหลัง แต่ผู้หญิงคนนี้เธอกลับออกหน้ามายอมรับ เรียนรู้ ต้องเรียนรู้ไว้” หยางซ่าวหานสั่งสอนเหล่าลูกน้องของตนเองขึ้นมาในที่เกิดเหตุ
พูดจบเขาทำเสียงจิ๊ๆๆ ส่ายหน้าพูด “แต่ว่าน่าเสียดาย สาวน้อย ถึงแม้เธอมีความรับผิดชอบ แต่ฉันคงปล่อยพวกมันไปไม่ได้หรอก ที่พวกมันตีคือลูกน้องของฉัน นี่ถ้าเรื่องแพร่ออกไป ต่อไปฉันจะทำยังไง?”
เขาหมุนตัวสองรอบอยู่ที่เดิมอย่างไม่สนใจใคร พูดขึ้นอีก “เรื่องนี้ไม่ใช่ว่าไม่มีทางออก ความจริงยังมีอยู่นะ”
พอซ่งหยิงได้ยินเขาพูดแบบนั้น ถึงแม้จะรู้ว่าคนคนนี้มีเจตนาไม่ดี ก็ยังคงถามต่อไป “ทำอย่างไร?”
หยางซ่าวหานยิ้มกริ่มตอบ “ง่ายมาก เธอมาอยู่เป็นเพื่อนฉันคืนหนึ่งก็พอ เรื่องนี้ถือว่าจบกันไปแบบนี้ เธอน่าจะรู้ ข้างนอกมีผู้หญิงมากมายต่อแถวอยากมาสนุกกับฉัน สนใจเธอเข้า ถือเป็นเกียรติของเธอ”
คำพูดนี้เหมือนชายหัวล้านคนนั้นกันราวกับแกะ ไม่ต้องสงสัยเลย นี่เป็นชายหัวล้านเลียนแบบตามเขามาแน่นอน
พอซ่งหยิงฟังคำพูดนี้ ชั่วพริบตาเดียวโกรธจนแก้มแดงขึ้นมา ฟางเหยียนยกมือขึ้นมาดึงแขนของเธอไว้แล้ว ลากเธอเข้ามาด้านหลังของตนเอง จากนั้นพูดกับหยางซ่าวหานว่า “ฉันไม่อยากฆ่าคนที่นี่ แกไสหัวไปเถอะ!”
หยางซ่าวหานได้ยินคำพูดนี้ มึนงงไปหมดทั้งตัว หลังจากนั้นตั้งนาน เขาถึงหัวเราะฮาๆๆ ขึ้นมา ถามว่า “เมื่อกี้แกว่าอะไรนะ? ฉันฟังผิดไปหรือเปล่า?”
ลูกน้องของเขาฮาครืนทั้งหมดเช่นกัน เป็นครั้งแรกที่พวกเขาเจอคนโง่แบบนี้ คาดไม่ถึงยังพูดคำอย่างนี้ออกมา
ซ่งหยิงมองคนผู้นี้อยู่ เขากำลังพูดแทนตนเองอยู่เหรอ? และเธอมองมือข้างนั้นที่บีบบนแขนของเธอไว้โดยจิตใต้สำนึก ไม่ผิด เขากำลังพูดออกหน้าแทนตนเอง แต่ทำไมถึงพูดแบบนี้กันล่ะ นี่ช่างไม่รู้จักเจียมตัวเสียเหลือเกิน
ตรงหน้าไม่ใช่เพียงคนสองคน นี่คือคนนับพัน ยิ่งไปกว่านั้นในมือคนอื่นยังถืออาวุธอีกด้วย
บ้าไปแล้ว คนนี้คงต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ
คนขับรถและคนอื่นที่อยู่ด้านบนรถล้วนเหงื่อตกแทนชายหนุ่มคนนี้ คนหนุ่มมีจิตสำนึกความเป็นธรรมย่อมไม่ผิด หากผิดก็คงผิดที่อายุน้อยเกินไป วู่วามเกินไป
“พวกแกรีบไสหัวไปให้ไว ไม่อย่างนั้นที่นี่ได้นองเลือดแน่!” เสียงเผด็จการของเทียนขุยลอยมาอีกครั้ง
เขาก้าวเท้าออกมา ท่าทางดูอยากเปิดฉากสังหาร
ฟางเหยียนไม่สงสัยหมัดเหล็กสองข้างของเทียนขุยที่จะทำให้ที่นี่นองไปด้วยเลือดเลยแม้แต่น้อย
หยางซ่าวหานมองร่างกายที่แข็งแรงกำยำนั้นของเทียนขุย พร้อมกับตะโกนบอก “พูดจาโอหัง แถมยังบอกว่านองเลือดซะด้วย ฉันหยางซ่าวหานอยากดูสภาพที่นองไปด้วยเลือดมากๆ เลย”
เพิ่งพูดออกไป ลูกน้องกลุ่มนั้นต่างบีบล้อมเข้ามากันแน่นขนัด
เทียนขุยถามขึ้นโดยจิตใต้สำนึก “จอมพลโผ้จวิน ต้องฆ่ามั้ย?”
ฟางเหยียนยังไม่ได้พูดอะไร มีเสียงผู้หญิงหยาดเยิ้มลอยมาจากที่ไม่ไกลนัก “โอ๊ะ นี่มันเรื่องอะไรกัน? ทำไมถึงโอ่อ่ายิ่งใหญ่เช่นนี้ได้”
ทันทีที่พูดจบก็มีเสียงร้องตกใจดังขึ้นแล้ว เป็นหลินถงมาแล้ว ไม่ผิด คือผู้หญิงที่สวยงามเพริศพริ้งคนนี้ คุณนายใหญ่ของตระกูลถัง หญิงม่ายผู้เย็นชาที่โด่งดังไปทั้งเขตหนานหลิง สาวงามอันดับหนึ่งของซีหนาน หลินถง
หล่อนเดินกรีดกรายมาเผชิญหน้ากับสายตาหลายพันข้าง เหมือนกับนางฟ้าที่พึ่งลงมาจากสวรรค์สู่โลกมนุษย์ บนตัวมีแสงเปล่งประกาย ดึงดูดสายตาของทุกคน หล่อนช่างงามเหลือเกิน ไม่ผิด ในที่เกิดเหตุไม่มีสักคนที่ไม่รู้สึกตื่นตกใจต่อความงดงามของผู้หญิงคนนี้
ซ่งหยิงมองหลินถงอยู่ และมองดูตนเอง เธอสงสัยมากว่าตนเองยังเป็นผู้หญิงอยู่หรือไม่ เป็นผู้หญิงเหมือนกัน แต่ทำไมความต่างกลับมากมายเช่นนี้ คนตรงหน้าคนนี้หน้าตาสมบูรณ์แบบขนาดนั้นได้อย่างไรกัน
ถึงแม้ว่าหยางซ่าวหานจะสามารถคิดเพ้อเจ้อแบบลมๆ แล้งๆ ต่อผู้หญิงทุกคนได้ แต่สาวงามขั้นสุดตรงหน้าคนนี้ กลับเทียบกันไม่ติดเลย ยิ่งไปกว่านั้นหล่อนยังเป็นคุณนายใหญ่ของตระกูลถัง ตระกูลใหญ่อันดับสองของหนานหลิง ตระกูลหม่าแห่งหนานหลิง คู่หมายที่คุณชายหม่าตามจีบ เขาจะกล้าคิดได้ที่ไหน
ดังนั้นจึงรีบพูดจาด้วยความเคารพนอบน้อม “คุณนายใหญ่ครับ ผมเอง เสี่ยวหยาง กำลังจัดการเรื่องเล็กๆ บางอย่างที่นี่อยู่ครับ”
หลินถงเดินเข้ามาในฝูงชน กวาดตามองผู้คนรอบหนึ่ง สุดท้ายสายตาตกอยู่บนตัวของฟางเหยียนแล้วยิ้มให้เขา ถือว่าเป็นการทักทาย ฟางเหยียนขมวดคิ้ว เป็นอย่างที่คาด ที่ควรมาก็มากันแล้ว เพียงแค่นึกไม่ถึงเป็นหลินถง
“นายชื่อหยางซ่าวหานสินะ?” หลินถงมองหยางซ่าวหานหน้าตาเย็นชาถามขึ้น
หยางซ่าวหานรีบพยักหน้าตอบทันที “ครับๆๆ เป็นผมเอง ผมคือน้องชายแท้ๆ ของเสือดาวดำ คุณนายใหญ่ ท่านมีอะไรต้องการให้ผมทำเหรอครับ?”
เมื่อสักครู่ยังเป็นลูกพี่ ในวินาทีนี้กลายเป็นหมาตัวหนึ่งไปแล้ว
หลินถงชี้ไปที่ฟางเหยียนและเทียนขุยก่อนจะถามว่า “นี่คือคนที่นายอยากจัดการเหรอ?”
หยางซ่าวหานกลอกลูกตาไปรอบหนึ่ง มองฟางเหยียนและเทียนขุยแวบหนึ่ง ในใจคิดว่าสองคนนี้คงไม่รู้จักกับหลินถงหรอกมั้ง คิดไปคิดมา นี่เป็นไปไม่ค่อยได้ คนที่หลินถงรู้จักส่วนมากล้วนเป็นตระกูลใหญ่สูงศักดิ์ สองคนคนนี้ก็แต่งตัวไม่เหมือนคนที่ยิ่งใหญ่มีชื่อเสียงอะไร หลินถงไม่น่าจะรู้จักพวกเขาถึงจะถูก
พูดอีกที คนมีเงิน ใครจะเลือกนั่งรถโดยสารกัน ต้องนั่งเครื่องบินหรือว่าขับรถของตนเองสิ
ดังนั้นจึงตอบไปอย่างละเอียดยิบ “ใช่ครับ คุณนายใหญ่ พวกเขารังแกลูกน้องของผม ผมกำลังเตรียมสอนกฎของหนานหลิงบางอย่างให้พวกเขาครับ”
“ป้าบ!” ทันใดนั้น หลินถงยกมือขึ้นมาตบบนหน้าของหยางซ่าวหานไปโดยตรง
หยางซ่าวหานตะลึงไปทั้งตัว เขาจับแก้มไว้อยากพูดอะไร หลินถงกลับพูดหน้าตาเย็นชา “กฎ! กฎของหนานหลิงต้องให้นายมาสอนตั้งแต่เมื่อไร? สองคนนี้เป็นคนที่นายหาเรื่องได้เหรอ