จอมนักรบทรงเกียรติยศ - บทที่ 445 เราหย่ากันเถอะนะ
เย่ชิงหยู่ยกมือขึ้นมาจัดผมตัวเอง ปรับสภาพจิตใจ แล้วพูดไปที่ประตูว่า “เข้ามา!”
ประตูถูกเปิดออก เป็นชายที่สวมหมวก ใส่ชุดเครื่องแบบเดินเข้ามาจากด้านนอก ผู้ชายสีหน้าตื่นตกใจ หลังจากที่เปิดประตูแล้ว เขาถามอย่างซีเรียสว่า “ท่านประธาน ไม่เป็นไรใช่มั้ยครับ? เมื่อกี๊ผมเห็นมีคนกระโดดจากชั้นล่างขั้นมาชั้นสิบ ผมเป็นห่วงว่าจะมีนักฆ่ามีทำอะไรคุณ ดังนั้นจึงได้ขึ้นมาดูครับ”
เย่ชิงหยู่ขมวดคิ้วอย่างไม่รู้ตัว นี่มันเหลวไหลเกินไปแล้วหรือเปล่า? กระโดดจากพื้นขึ้นมาชั้นสิบ ถ้าจะบอกว่ากระโดดจากชั้นบนลงไปด้านล่างยังพอเป็นไปได้บ้าง แล้วคนนี้จะกระโดดขึ้นมาถึงชั้นสิบได้อย่างไรกัน! นี่มันผิดกฎแรงโน้มถ่วงของนิวตันแล้ว
“คุณพูดว่ากระโดดจากพื้นขึ้นมาชั้นสิบ?” เย่ชิงหยู่ถามอย่างสงสัย
รปภ.พยักหน้าอย่างจริงจังแล้วกล่าว “ใช่ครับ ผมเห็นคนหนึ่งกระโดดขึ้นมาจากด้านล่าง! ผมเห็นมันกับตา”
“เมื่อคืน คุณทำงานกะดึกหรือเปล่า?” จู่ๆเย่ชิงหยู่ก็ถามคำถามแบบนี้ออกมา
รปภ.ลูบหัวของตัวเอง พยักหน้าแล้วกล่าว “ใช่ครับ เมื่อคืนผมเข้ากะกลางคืน”
เย่ชิงหยู่ส่งเสียงอืมออกมา เธอขี้เกียจจะไปคิดมากเรื่องนี้ ด้วยเหตุนี้จึงได้กล่าว “ฉันไม่เป็นไร! คุณลงไปเถอะ! หลังจากช่วงบ่ายไปพักผ่อนให้เยอะๆนะ คุณน่าจะทำงานหนักเกินไปแล้วล่ะ”
รปภ.ส่งเสียงอ๋อออกมา แล้วมองไปที่ฟางเหยียน ฟางเหยียนใส่ชุดสีดำ เมื่อกี๊สิ่งที่ตัวเองเห็นคือเงามืด หรือนี่จะเป็นคนที่ขึ้นมาเมื่อกี๊ เมื่อนึกถึงจุดนี้ เขาก็ตาโตแล้วถาม “แล้วท่านนี้คือใครเหรอครับ?”
เย่ชิงหยู่มองไปที่ฟางเหยียน ด้วยแววตาเป็นประกาย แล้วกล่าว “เป็น เพื่อนของฉัน!”
“อ๋อ โอเคครับ! ในเมื่อท่านประธานไม่เป็นอะไร งั้นขอโทษที่รบกวนนะครับ!” พูดพลาง รปภ.ก็ปิดประตู
เพิ่งหันหลังไป เขาได้เกาท้ายทอยแล้วพูดกับตัวเองว่า “เป็นไปไม่ได้นะ ฉันเห็นคนหนึ่งกระโดดขึ้นมากับตาจริงๆ แล้วจะไม่มีใครได้อย่างไรกัน? มันน่าแปลกใจจริงๆ! เฮ้อ ดูท่าแล้วจะทำงานกะดึกไม่ได้แล้วล่ะ ถ้ายังทำงานกะดึกต่อไปล่ะก็ เกรงว่าจะต้องเป็นโรคเพ้อเจ้อแน่ๆ!
หลังจากที่ปิดประตู เย่ชิงหยู่มองฟางเหยียน ด้วยแววตาเย็นชา เหมือนเป็นแววตาที่เต็มไปด้วยความแค้น เธอพยายามถามด้วยความเย็นชาว่า “คนที่กระโดดขึ้นมาคนนั้น คือคุณใช่มั้ย?”
ในห้องทำงานมีเพียงทางเข้าออกทางเดียวและหน้าต่างที่หันออกนอกบานเดียวเท่านั้น ฟางเหยียนไม่ได้เดินเข้ามาทางประตู เพราะที่ประตูมีพนักงานมากมาย เขาไม่มีทางมาถึงห้องทำงานของเธอได้อย่างราบรื่นขนาดนั้น ตอนที่เขาขึ้นมา บางทีตนอาจจะได้รับรายงานมาจำนวนไม่น้อย ตัดความเป็นไปได้ในการเดินเข้ามาทางประตูได้เลย นั่นก็หมายถึงว่ากระโดดเข้ามาทางหน้าต่าง ด้านล่างสิบชั้น ไม่ต้องคิดก็พอจะเดาได้ ว่าเขาก็คือคนนั้นที่รปภ.พูดถึง
ฟางเหยียนพยักหน้าอย่างไม่ครุ่นคิดแล้วกล่าว “ผมเอง!”
เรื่องประหลาดที่เกิดขึ้นในตัวของฟางเหยียนไม่น้อยเลย เช่นการที่เขาฆ่านักพรตเก่าแก่คนนั้นต่อหน้าตน แล้วก็อีกตัวอย่างคือ พวกเหล่าผู้มีอำนาจพวกนั้นเมื่อเห็นเขาก็ตกใจจนต้องคุกเข่า อ้อนวอน แม้เย่ชิงหยู่จะตกใจ แต่เธอก็ไม่ได้ถามฟางเหยียนว่าทำมันได้อย่างไรกัน เพียงแต่ถามอย่างหน้าบอกบุญไม่รับว่า “ที่คุณมาวันนี้ มีธุระอะไรมั้ย?”
ฟางเหยียนชะงักไป แล้วกล่าว “ผมมาหาคุณโดยเฉพาะ”
นี่เป็นเจตนาที่เขามาเมืองจินโจวจริงๆ คุ้มครองความปลอดภัยของเย่ชิงหยู่ ดูว่าคนที่ก่อกวนอยู่เบื้องหลังคือใคร?
ลากมันออกมา จากนั้นก็กำจัดให้สิ้นซาก!
เย่ชิงหยู่ดูแคลนเหอะๆออกมาอีกครั้ง แล้วเอามือกอดอกไว้ สูดหายใจเข้าลึกๆอย่างแสร้งทำเป็นผ่อนคลาย แล้วกล่าว “เกรงว่าจะไม่ใช่แค่นั้นนะสิ! ฟางเหยียน เรื่องสำคัญขนาดนั้น คุณยังคิดจะปิดบังฉันอีกเหรอ? คุณคิดจะปิดยังฉันไปถึงเมื่อไหร่?” ฟางเหยียนขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว หรือเย่ชิงหยู่รู้แล้วว่าตัวเองเป็นจอมพลโผ้จวินของประเทศหวา? ต่อให้เธอจะโง่ จะไร้เดียงสาสักเท่าไหร่ ก็สามารถคาดเดาตัวตนของตัวเองได้ โอเค ในเมื่อเธอรู้แล้วก็ไม่เป็นไร ตั้งแต่ไหนแต่ไรมา ฟางเหยียนก็ไม่ได้อยากปิดบังเย่ชิงหยู่อยู่แล้ว
ด้วยเหตุนี้เองเขาจึงได้ถอนหายใจ แล้วกล่าว “เรื่องนี้ผมก็ไม่ได้ตั้งใจจะปกปิดคุณหรอกนะ ผมมีความจำเป็นของผม การตายของลุงเย่พัวพันไปหลายๆเรื่อง เพื่อความปลอดภัยของคุณ ผมจำเป็นต้องทำแบบนั้น บางครั้งการที่รู้เรื่องอะไรบางอย่าง อาจจะไม่ได้เป็นคุณกับคุณสักเท่าไหร่ ผมกำลังปกป้องคุณอยู่ ชิงหยู่ เชื่อใจผมเถอะนะ ที่ผมทำแบบนั้นเพราะมีความจำเป็นส่วนตัว ในเมื่อคุณรู้แล้ว ผมก็ไม่จำเป็นต้องบอกอะไรกับคุณมาก แต่คุณต้องจำไว้นะ ว่าผมทำเพื่อปกป้องคุณ ก็พอแล้ว”
“มีอำนาจในที่ลับแห่งหนึ่งกำลังเล่นงานผมอยู่ บางทีพวกมันอาจจะเป็นโทษกับคุณ แต่คุณสบายใจได้ ใครกล้าทำอะไรคุณ ผมจะฆ่ามัน! ผมไม่มีทางให้ใครหน้าไหนทำอะไรคุณได้ทั้งนั้น”
ฟางเหยียนมองเย่ชิงหยู่ด้วยใบหน้าจริงจัง สีหน้าของเย่ชิงหยู่แสดงความซาบซึ้งออกมาชั่วขณะ แต่ไม่นานเธอก็ได้กลับไปเย็นชาอีกครั้ง มองท่าทีการแก้ตัวของฟางเหยียน ก็รู้สึกว่าเขากำลังตีหน้าเซ่อ
เย่ชิงหยู่มองว่า ที่ฟางเหยียนเปลี่ยนหัวข้อสนทนาเร็วขนาดนั้น ก็เพื่ออยากที่จะสร้างความมั่นใจให้ตน จากนั้นก็ทำเหมือนที่พ่อบ้านคนนั้นของตระกูลพวกเขาพูดไว้ ว่ามีภรรยาหลายคน ในจิตของฟางเหยียน ตนถือว่าเป็นหนึ่งในนั้นเท่านั้น
เย่ชิงหยู่จะยอมให้ผู้ชายของตัวเองมีภรรยาหลายคนได้อย่างไรกัน ต่อให้ฟางเหยียนจะเก่งกาจขนาดไหน เธอก็ไม่มีทางอนุญาต
“น่าสนใจจริงๆ ความจำเป็น! ได้ งั้นคุณก็มีความจำเป็นของคุณต่อไปก็แล้วกัน ฉันรับไม่ได้กับการที่ผู้ชายคนหนึ่งจะแต่งภรรยาหลายคนได้ เราหย่ากันเถอะ ฉันไม่มีทางรั้งคุณไม่ปล่อยแน่นอน!” เย่ชิงหยู่พูดประโยคนี้ออกมาอย่างเด็ดเดี่ยว
หย่าร้าง?
เมื่อฟางเหยียนได้ยินสองคำนี้ ก็ตกใจขึ้นมา!
ยังไงเขาก็ไม่คาดคิดว่าเย่ชิงหยู่จะหย่ากับเขาเพราะเรื่องแบบนี้ หรือเย่ชิงหยู่มีคนที่ชอบแล้วงั้นเหรอ?
เดี๋ยวนะ เมื่อกี๊เธอพูดว่ารับไม่ได้กับการที่ผู้ขายคนหนึ่งจะแต่งภรรยาหลายคน
ประโยคนี้หมายความว่าไง? หรือเย่ชิงหยู่เข้าใจอะไรผิดไปงั้นเหรอ? เธอรู้เรื่องการสารภาพรักของถังยู่เหรอ หรือว่าเรื่องที่ตนช่วยถังยู่ที่ตระกูลถัง ได้ลือสะพัดมาที่เมืองจินโจวแห่งนี้แล้ว!
จริงอยู่ ว่าเรื่องที่ตนช่วยถังยู่ จะทำให้คนอื่นเข้าใจผิดได้ง่าย! เย่ชิงหยู่ต้องรู้เรื่องนี้แล้วแน่ๆ จึงได้เข้าใจเขาผิด! ใช่ จะต้องเข้าใจผิดเพราะเรื่องนี้แน่นอน!
เมื่อนึกถึงจุดนี้ ฟางเหยียนเอ่ยปากถามว่า “ชิงหยู่ คุณเข้าใจอะไรผิดไปหรือเปล่า?”
เย่ชิงหยู่รู้สึกตลก ถึงตอนนี้แล้วนึกไม่ถึงว่าฟางเหยียนยังจะแสร้งว่าบริสุทธิ์ใจอีก เธอพูดต่อว่า “ฉันรู้ว่าครั้งนี้ที่คุณกลับมาไม่ใช่เพื่อมาช่วยพวกเรา ช่วยตระกูลเย่ คุณกลับมาก็แค่ถือโอกาสช่วยฉันเท่านั้น ที่คุณทำอะไรมากมายขนาดนั้น อาจจะเพื่อปลอบใจฉัน และทดแทนพวกเราบุญคุณที่เลี้ยงดูคุณมา! ได้ ฉันจะรับผลประโยชน์ที่คุณให้กับตระกูลเย่ของเรา ฉันขอขอบคุณคุณ แทนพ่อและแม่ของฉัน ขอบคุณที่คุณทำทุกอย่างเพื่อตระกูลเย่ของเรา แต่ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ตระกูลเย่ของเราไม่อยากมีความสัมพันธ์ใดๆกับคุณอีกแม้แต่น้อย คุณก็คิดเสียว่าไม่เคยรู้จักคนของตระกูลเย่ของเรามาก่อนก็แล้วกัน!”