จอมนักรบทรงเกียรติยศ - บทที่ 447 แกไอ้สวะ กล้าแตะต้องภรรยาฉันเหรอ
คำพูดนี้เหมือนกับย้อนเวลากลับไปในตอนนั้น ตอนที่เย่ชิงหยู่ต้องการฟางเหยียนมากที่สุด เขามักจะพูดประโยคแบบนี้ออกมา งานเลี้ยงศิษย์เก่าครั้งที่แล้ว ถูกตู้หมิงล่างและเสิ่นจื่อเจี๋ยเยาะเย้ย ฟางเหยียนก็ปลอบตนแบบนี้เช่นกัน แล้วยังมีตอนประชุมตระกูล ฟางเหยียนก็ใช้วิธีแบบนี้ ปลอบโยนตัวเอง!
คำพูดนี้ของฟางเหยียนเหมือนมีพลังวิเศษ หลังจากที่พูดออกมาแล้ว ทำให้การเต้นของหัวใจของเย่ชิงหยู่คงที่
ฟางเหยียนเป็นคนหนึ่งที่อัศจรรย์ เขามักจะทำให้เธอนิ่งสงบลงได้ในช่วงเวลาแบบนี้ เย่ชิงหยู่ไม่ได้สะบัดมือของตัวเอง แต่ปล่อยให้ฟางเหยียนจับไว้ เธอไม่ต่อต้านความรู้สึกแบบนี้ กลับกัน รู้สึกเพลิดเพลินกับมันมาก
เมื่อมาถึงห้องโถงชั้นหนึ่ง เห็นชายผมสั้นที่อ้วนและหัวใหญ่คนหนึ่งกำลังนั่งอยู่บนโซฟา เขาแต่งกายด้วยชุดสูท ในมือคีบซิการ์ไว้ ที่นิ้วใส่แหวนทองสองวง ที่คอมีสร้อยเพชรเส้นหนึ่งปรากฏอย่างผุดๆโผล่ๆ
ไม่ว่าจะมองยังไง ก็ให้ความรู้สึกว่าเขามีภูมิฐาน ดูอ้วนมากเหมือนเนื้อติดมัน เมื่อมองยิ่งเหมือนเจ้าของกิจการเข้าไปใหญ่!ด้านหลังของเขายังมีการ์ดที่รูปร่างกำยำ อีกสองคนใส่แว่นตาดำ สวมชุดสูทยืนอยู่ การ์ดยืนอยู่ด้านหลัง และข้างๆของเขาเป็นหญิงสาวที่มีเสน่ห์มากยืนอยู่ หญิงสาวสวมรองเท้าส้นสูงสีแดง กระโปรงสั้นรัดรูปสีดำ ผมเป็นลอน เสื้อเชิ้ตสีขาว ไม่ว่าจะมองยังไง ก็มีความสวยเย้ายวนอย่างอธิบายออกมาไม่ได้ หญิงสาวคนนี้คือเลขาของเขา
ชายตัวอ้วนหัวโตเป็นประธานคนใหม่ของบริษัทซินปาง หยิวอู่!
หยิวอู่เห็นเย่ชิงหยู่ที่เดินลงมา มองอย่างโอหัง แล้วกล่าวอย่างสบายๆว่า “ประธานเย่มาแล้ว!”
เขาดูดซิการ์เข้าไปอย่างลึกๆ หลังจากที่พ่นควันออกมาแล้ว ได้กล่าวว่า “นั่งครับ!”
เขาชี้ไปยังโซฟานั้นที่อยู่ตรงข้ามตัวเอง ทำเหมือนเขาเองต่างหากที่เป็นเจ้าของที่นี่
เย่ชิงหยู่ไม่ได้นั่งลงแน่นอนอยู่แล้ว เพียงแต่ใช้สายตาอันเกรี้ยวกราดเพ่งไปที่หยิวอู่ แล้วกล่าว “คุณมาที่นี่ทำไม?”
หยิวอู่หัวเราะเหอๆ แล้วพ่นควันซิการ์ออกมาอีกครั้ง แล้วกล่าวอย่างมั่นใจตัวเองอย่างมากว่า “สรุปสั้นๆเลยนะ!ยังคงเป็นหัวข้อเดิม คุณไตร่ตรองไปถึงไหนแล้ว?ราคากรุ๊ปของคุณก็มูลค่าประมาณหนึ่งร้อยล้าน ผมให้คุณหนึ่งร้อยยี่สิบล้าน ให้คุณเพิ่มเข้าไปอีกยี่สิบล้าน ถือเป็นความจริงใจของผม ขายบริษัทของคุณให้ผมเถอะนะ!”
เมื่อพูดจบ เขาได้พ่นควันออกมามากมายอีกครั้ง กลิ่นควันนั้นมาตามทิศทางที่เขาพ่นออกมา ฟุ้งมาที่เย่ชิงหยู่
จากนั้นเขาก็ยกมือขยับนิ้วที่สวมแหวนทองทั้งสองนิ้ว เลขาสาวคนนั้นถือสิ่งที่เหมือนสัญญาเดินเข้ามา
หยิวอู่กล่าว “ประธานเย่เช็กดูนะครับ ถ้าไม่มีปัญหาอะไร ก็เซ็นชื่อเถอะครับ!”
โอหัง หยาบคาย! หยิวอู่นี่ไม่ได้มาคุยเรื่องสัญญาแล้ว แต่มาเพื่อบีบให้เย่ชิงหยู่เซ็นชื่อ
นี่เรียกว่าอะไร บีบให้ซื้อขาย ราวกับกำลังอวดความบ้าคลั่งของตัวเองออกมา
ขณะนี้ สัญญาที่อยู่ในมือของเลขาสาวได้ยื่นไปอยู่ตรงหน้าของเย่ชิงหยู่แล้ว และหยิวอู่ยังคงมีท่าทีที่เย่อหยิ่งและก้าวร้าวเช่นเดิม หรี่ตา ด้วยสีหน้าไม่พอใจ ท่าทีนั้นดูแล้วเหมือนว่ามั่นใจว่าเอาเย่ชิงหยู่ได้แน่นอน
เย่ชิงหยู่ชักตาใส่หยิวอู่อย่างรังเกียจ ส่งเสียงเหอะออกมาแล้วกล่าว “ขอโทษค่ะ ไม่ขาย!เชิญออกจากบริษัทของเราค่ะ”
“อะไรนะ?” หยิวอู่ยืนขึ้นจากโซฟา เขาสูงมาก บวกกับตัวอ้วน ดังนั้นตอนที่เขายืนขึ้น เหมือนกับหมีดำตัวใหญ่ยืนขึ้น ด้วยท่าทีถมึงทึง
เขาจัดคอเสื้อ แล้วลูบแหวนทองที่อยู่บนนิ้วอย่างมีเจตนา แล้วพูดเสียงดังว่า “ไม่ขาย!เย่ชิงหยู่ คุณทำอะไรไม่บันยะบันยังเลยนะ?คุณผู้หญิงคนหนึ่ง จะเก็บกิจการแบบนี้ไว้ทำไม?ผมเห็นแกความสวยของคุณ จึงได้ให้เพิ่มอีกยี่สิบล้าน ผมหวังว่าคุณจะรู้กาลเทศะ อย่าเหมือนกิจการอื่นๆที่ไม่รู้กาลเทศะ”
ข่มขู่ ข่มขู่กันชัดๆ คำพูดทุกๆประโยคของเขาเต็มไปด้วยการข่มขู่
เย่ชิงหยู่ขี้เกียจจะไร้สาระกับเขา จึงได้กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ฉันไม่อยากพูดเป็นครั้งที่สอง ส่งแขก!”
เลขาสาวคนนั้นของเย่ชิงหยู่ก้าวไปข้างหน้า ด้วยความขี้ขลาดอยู่บ้าง เธอโค้งคำนับต่อหน้าของหยิวอู่อย่างไม่กล้าขัดคำสั่ง จากนั้นยกมือขึ้นแล้วพูดอย่างมีมารยาทว่า “เชิญค่ะ ประธานหยิว!”
สีหน้าของหยิวอู่เปลี่ยนไป แล้วส่งเสียงดังตะคอกใส่เลขาสาวว่า “ไสหัวไป!แกไม่มีสิทธิ์มาพูดกับฉัน”
แววตานั้นของหยิวอู่ ท่าทางนั้น เหมือนกับจะกินคนอย่างไรอย่างนั้น!เลขาสาวตกใจจนหน้าซีด ตัวสั่นไปหมด ช็อกกับอำนาจของหยิวอู่จนถอยหลังไปสองก้าวอย่างไม่รู้ตัว
แววตาทั้งสองของหยิวอู่จ้องไปที่เย่ชิงหยู่อย่างไม่ละสายตา ดูแคลนเหอะๆออกมา แล้วกล่าว “คุณต้องคำนึงถึงจุดจบของการไม่เซ็นชื่อให้ดี รู้เรื่องของตี้หาวกรุ๊ปมั้ย?พวกมันก็ไม่ยอมขายบริษัทให้ผม สุดท้ายยังไง?ไม่ต้องให้ผมพูดคุณก็น่าจะรู้นะ?คุณสวยขนาดนั้น ถ้าเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น หน้าของคุณถูกกรีด หรือขาคุณถูกตัดออกข้างหนึ่งหรือมือหายไปข้างหนึ่ง นั่นก็จะไม่ดีแล้วล่ะ ถ้าผมเดาไม่ผิดล่ะก็ เหมือนว่าคุณยังมีแม่อยู่นะ แม่ของคุณชื่อจางเจียวเจียวใช่มั้ย?ถ้าผมจะทำอะไรบางอย่าง มันจะ…” พูดจบ รอยยิ้มบนใบหน้าของหยิวอู่ดูมีเลศนัยมากขึ้น ดูๆแล้วเหมือนกับสัตว์เดรัจฉานที่ชั่วร้ายตัวหนึ่ง
ข่มขู่ เป็นการข่มขู่ครั้งที่สอง หยิวอู่ได้พูดกดดันออกมาแล้ว ถ้าไม่ขายจุดจบจะน่าหดหู่มาก!
เย่ชิงหยู่ไม่สนใจความปลอดภัยของตัวเองได้ แต่เธอจะไม่สนใจความปลอดภัยของแม่ของตนไม่ได้ เธอกัดฟัน ตาแดงแล้วกล่าว “ถ้าคุณกล้าทำอะไรแม่ของฉัน คุณก็จะต้องได้รับผลกรรมที่คุณควรจะได้รับเช่นกัน”
“ฮ่าๆๆ!” หยิวอู่หัวเราะอย่างโอหังออกมา อ้าแขนทั้งสองข้างออกแล้วกล่าว “ผลกรรม?ธรรมชาติเคลื่อนโคจรไป จะเห็นว่าฟ้าไม่เคยละทิ้งใคร คนดีอายุสั้น คนจัญไรอายุยืน คุณจะลองดูก็ได้นะว่าผมกล้ามั้ย เพียงแค่คุณไม่เซ็นชื่อ พรุ่งนี้ใครจะเกิดเหตุไม่คาดฝัน ผมไม่รับประกันนะ!ฮ่าๆๆๆๆๆ!”
เสียงหัวเราะของหยิวอู่โอหังดังกระจายไปทั่วห้องโถงของอาคารใหญ่แห่งนี้ คนจำนวนไม่น้อยของตงข่ายกรุ๊ปล้วนมองอย่างเคียดแค้น อยากที่จะฉีกเขาเป็นชิ้นๆ แต่เค้าโอหังขนาดนั้น ต้องมีเบื้องหลังแน่นอน ทุกคนก็ทำได้เพียงโมโหแต่ไม่กล้าพูดอะไร
หลังจากที่โอหังแล้ว หยิวอู่เดินไปที่เย่ชิงหยู่ เขาสูงใหญ่ มองเย่ชิงหยู่กับพวกสองคน เขามาข้างหน้าของเย่ชิงหยู่ มองเย่ชิงหยู่จากบนลงล่าง แล้วกล่าวอย่างบูดบึ้งว่า “ประธานเย่ ไตร่ตรองดีๆ นี่เป็นโอกาสครั้งสุดท้ายของคุณ!ถ้าคุณขาย เราคุณกันดีๆได้ ไม่แน่อนาคตผมอาจจะคุ้มกะลาหัวคุณได้นะ!”
พูดจบ แววตาทั้งสองของเขามองที่เย่ชิงหยู่ มองตั้งแต่หัวจรดเท้า แล้วมองตั้งแต่เท้าขึ้นไปบนหัวอีก มองอย่างลามก แล้วกล่าวอย่างกรุ้มกริ่มว่า “ถ้าผมจำไม่ผิด คุณคือลูกสาวของเย่เทียนสินะ!เซ็กซี่มาก”
พูดจบ มืออวบอั๋นนั้นของเขากำลังจะลูบไปที่แขนของเย่ชิงหยู่ แต่ยังไม่ทันถึงแขนของเย่ชิงหยู่ ก็ถูกมืออันเยือกเย็นจับไว้ หยิวอู่หือออกมา มองตามมือนั้นไป เห็นชายที่สีหน้าเต็มไปด้วยความเลือดเย็นคนหนึ่งชายผู้นี้อายุราวๆยี่สิบสี่ยี่สิบห้าปี หน้าซูบตอบ สีหน้าขาวซีด
เขายังไม่ทันพูดอะไร ชายคนนั้นก็กล่าวอย่างเลือดเย็นว่า “ไอ้สวะ กล้าแตะต้องภรรยาฉันเหรอ!”