จอมนักรบทรงเกียรติยศ - บทที่ 448 แก๊งซินหง
หยิวอู่ใบหน้ากระตุกด้วยความโกรธขึ้นมาอย่างเร็ว แล้วถาม “แกแม่งเป็นใครวะ?”
พูดจบ หยิวอู่อยากดึงมือตัวเองกลับไปให้เร็ว แต่ไม่ว่าจะดึงยังไงก็ไม่กลับมา รูปร่างของหยิวอู่บวกกับแรงของเขา ไม่มีทางที่คนธรรมดาจะเทียบได้แน่นอน แต่เมื่อเจอเข้ากับมือนี้ กลับออกแรงไม่ได้เลยแม้แต่นิดเดียว
ดูว่าเหมือนเป็นมือที่แห้งกร้านและเรียว แต่กลับมีแรงที่มหาศาล และแรงของเขาเหมือนมดตัวหนึ่งไปเลย
นี่แม่งแปลกประหลาดมาก! ทำให้หยิวอู่คาดไม่ถึงจริงๆ
“เธอเป็นภรรยาของฉัน และฉันก็ต้องเป็นสามีของเธออยู่แล้ว!” ฟางเหยียนพูดออกมาตรงๆในห้องโถงของบริษัท
คำพูดนี้ดังเข้าไปในหูของพนักงานทุกคน เย่ชิงหยู่ได้ยินจนตนยังหน้าแดง แต่มากกว่านั้นคือซาบซึ้งใจ ท้ายที่สุดแล้ว ตอนที่ตัวเองเผชิญกับวิกฤต ก็ยังคงเป็นฟางเหยียนที่ออกโรงอย่างบุกไปข้างหน้าไม่ห่วงความปลอดภัยของตัวเอง
หยิวอู่ส่งเสียงอ๋อออกมา แล้วกล่าว “ฉันนึกออกแล้ว แกก็คือลูกเลี้ยงตั้งแต่เด็กแล้วแต่งงานตอนโตคนนั้นที่แต่งเข้าตระกูลเย่นี่เอง! นึกไม่ถึงว่าแกแม่งจะกล้าหยาบคายกับฉัน แกไอ้สารเลว ก็แค่หมาตัวหนึ่งที่ตระกูลเย่เก็บมาก็เท่านั้น แกคิดว่าตัวเองเป็นลูกเขยของตระกูลเย่จริงๆเหรอ?”
“อ้า!” ฟางเหยียนเพิ่มพลังที่อยู่ในมือขึ้น หยิวอู่ร้องคลั่งออกมาอย่างเจ็บปวดรวดร้าว
การ์ดทั้งสองคนด้านหลังของเขาเห็นเหตุการณ์จึงรีบเดินเข้ามาทันที ด้วยท่าทางจะจัดการฟางเหยียน แต่ฟางเหยียนไม่ขยับ เขาไม่สนใจการ์ดสองคนนั้นเลยแม้แต่น้อย เพียงแต่ใช้สายตาดูถูกจ้องไปที่หยิวอู่อย่างไม่ละสายตา ในแววตาของเขามีกลิ่นอายของแรงอาฆาตออกมา ความอาฆาตค่อยๆกระจายไปทั่วห้องโถง หยิวอู่มองไปที่แววตาคู่นั้น จู่ๆก็รู้สึกอึดอัดขึ้นมา เกิดเป็นความหวาดกลัวขึ้นในจิตใจ เขาอยากจะหลบสายตา แต่ยังไงก็หลบไม่ได้ แววตาคู่นั้นเหมือนมีเส้นใยลากสายตาของตัวเองไว้
ขณะนี้การ์ดสองคนนั้นได้มาถึงด้านหลังของหยิวอู่แล้ว ทั้งสองตะโกนด้วยสีหน้าซีเรียสว่า “เถ้าแก่!”
“ลงมือ ยังจะแข็งทื่อทำไม สับมันเสีย ไม่เห็นหรือไงว่ามันทำร้ายฉันแล้ว?” หยิวอู่ตะโกนไปที่ทั้งสองอย่างลนลาน
ทั้งสองหยิบกริชออกมาอย่างไม่ได้นัดหมาย เมื่อเห็นกริชที่เป็นประกาย เย่ชิงหยู่ตกใจจนรีบคว้าแขนของฟางเหยียนไว้ แล้วยังตะโกนออกมาอย่างควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ว่า “ฟางเหยียน ระวัง!”
เพิ่งพูดจบ จู่ๆร่างกายของฟางเหยียนก็ไปที่ด้านหลังของหยิวอู่อย่างเร็ว ได้ยินเสียงฟับๆสองครั้ง จากนั้นก็เป็นเสียงร้องเหมือนเสียงฆ่าหมูดังในห้องโถงขึ้นมา มีดที่อยู่ในมือของการ์ดทั้งสองหล่นลงกับพื้น แล้วคุกเข่าลงไป เห็นเพียงข้อมือของทั้งสองคนถูกบาดออกเป็นแผล แล้วเลือดในมือของพวกเขาก็กระฉูดออกมา
ห้องโถงของตงข่ายกรุ๊ป เต็มไปด้วยเลือด!
การลงมือของฟางเหยียน ชำนาญคล่องแคล่วแบบนั้นแหละ ไม่อ้อมค้อมแต่อย่างใด และไม่มีทางเปิดทางให้แม้แต่นิดเดียว เพียงแค่ถูกเขาโจมตีแล้ว ก็ไม่มีโอกาสได้ดิ้นรนแต่อย่างใด ทุกคนไม่ต่างกัน อย่าว่าแต่การ์ดต๊อกต๋อยสองคนนี้เลย
เมื่อเห็นดังนี้ หยิวอู่ตกใจจนตาลุกโต เขาตะโกนอย่างติดๆขัดๆว่า “แกๆๆ แกเป็นใครกันแน่?”
ฟางเหยียนกล่าวอย่างเย็นชาว่า “ฉันบอกแกไปหลายครั้งแล้ว แล้วยังจะให้พูดอีกเหรอ? สิ่งที่ฉันเกลียดที่สุดก็คือมีคนข่มขู่ภรรยาและแม่ยายของฉัน และแกก็ได้รุกล้ำความปลอดภัยของพวกเขา เพื่อความปลอดภัยของพวกเขา แกต้องตายเดี๋ยวนี้!”
เมื่อเย่ชิงหยู่ได้ยินคำพูดนี้ของฟางเหยียน ก็รู้สึกอบอุ่นขึ้นมาอีกครั้ง นี่คือฟางเหยียน ชายคนนี้ยังคงออกโรงเป็นคนแรกในตอนที่ตัวเองเจอกับปัญหา และก็มีแค่เขาที่ช่วยตนโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของตัวเอง เขาไม่ได้เปลี่ยนแปลงไป ทุกสิ่งทุกอย่างไม่เคยเปลี่ยนแปลงไป
ผู้ชายแบบนี้ ทำไมเย่ชิงหยู่ต้องสงสัยเขาด้วยล่ะ เย่ชิงหยู่ไม่ควรจะสงสัยฟางเหยียน
ขณะเดียวกันนี้ ฟางเหยียนชูมือขึ้นกำลังจะฆ่าหยิวอู่ ดูจากแววตาของฟางเหยียนแล้ว เขาไม่ได้ล้อเล่นแน่นอน นี่ทำให้หยิวอู่ตกใจจนตัวสั่นไปหมด เขารีบโบกมือแล้วกล่าว “ไม่ๆๆ แกจะฆ่าฉันไม่ได้นะ”
“ฆ่าแกไม่ได้?” ฟางเหยียนดูแคลนออกมา แล้วกล่าว “ฉันจะฆ่าแก ยังพูดว่าไม่ได้ด้วยเหรอ? ตอนนี้แกก็เป็นแค่มดในกำมือของฉันก็เท่านั้น ถ้าฉันจะฆ่าแก ง่ายเสียยิ่งกว่าอะไรดี!”
หยิวอู่หน้าถอดสีอย่าเห็นได้ชัด ตอนนี้แม้แต่มือของคนนี้เขายังไม่สามารถสะบัดออกได้เลย เขาไม่ได้เป็นคู่ต่อกรของคนนี้จริงๆ ถ้าเขาลงมือฆ่าตน จะต้องง่ายยิ่งกว่าอะไรดีแน่นอน แต่ เขาจะตายอย่างนั้นไม่ได้ จู่ๆเหมือนเขาจะคิดอะไรออกขึ้นมา สีหน้าเปลี่ยนไปทันทีแล้วถาม “แกรู้จักแก๊งซินหงมั้ย?”
“แก๊งซินหง!” ฟางเหยียนพูดสองคำนี้ซ้ำอีกครั้ง จากนั้นหรี่ตาลง
หยิวอู่เห็นท่าทีของฟางเหยียน น่าจะรู้จักแก๊งซินหง ในฐานะที่เป็นประชากรของประเทศหวาคนหนึ่ง จะไม่รู้จักแก๊งซินหงได้อย่างไรกัน เมื่อนึกถึงจุดนี้ เขาก็สีหน้ากลับมามั่นใจขึ้นในทันที ส่งเสียงเหอะออกมา แล้วกล่าว “กลัวแล้วล่ะสิ? จะบอกให้นะ เบื้องหลังของฉันมีอำนาจของแก๊งซินหงอยู่ ถ้าแกทำอะไรฉันแม้แต่นิดเดียว ฉันรับรองได้ว่าแก๊งซินหงจะให้แกหายไปจากโลกนี้อย่างแน่นอน”
แก๊งซินหง เมื่อพูดถึงองค์กรที่อยู่ทั่วทุกมุมโลกตามที่ต่างๆ หยิวอู่ก็รู้สึกภูมิใจขึ้นมา ไอ้นี่มันฝีมือดีมาก แต่ถ้าได้เจอกับอำนาจของแก๊งซินหง ต่อให้มันจะเก่งกาจขนาดไหนก็เป็นแค่ดูภายนอกเก่งกาจแต่ความจริงไร้น้ำยาเท่านั้น
เพราะพลังของแก๊งซินหงสืบทอดกันมากว่าหลายร้อยปี แผ่ไปทั่วทุกที่มานานแล้ว
ฟางเหยียนรู้จักองค์กรนี้อยู่แล้ว นี่เป็นองค์กรใต้ดินที่ใหญ่ที่สุด สืบทอดกันมาอย่างช้านาน ปณิธานของพวกเขาว่ายังไงนะ มีความสุขกับการช่วยเหลือผู้อื่น ถือว่าค่อนข้างมีกฎเกณฑ์มาโดยตลอด พวกเขาไม่มีทางมาดูแลเรื่องแบบนี้ ช่วงหลายปีมานี้มีกฎเกณฑ์มากตอนอยู่ในประเทศ ดังนั้นพวกเขาจึงได้รับการสนับสนุนและการช่วยเหลือไม่น้อย จู่ๆตอนนี้ก็โผล่ออกมา หมายความว่ายังไง? หรือ…แก๊งซินหงก็เข้าร่วมกับเพลิงเสวนแล้ว?
อำนาจของแก๊งซินหงยิ่งใหญ่มาก แทรกไปทุกพื้นที่ของประเทศหวา อำนาจมากไปถึงเจียงตู จนไปถึงเมืองเล็กๆ คนหมู่มากจะพูดว่าตัวเองอยู่ภายใต้การดูแลของแก๊งซินหง เพียงแค่เอ่ยชื่อขององค์กรนี้ขึ้นมา แทบจะเดินได้อย่างสะดวก
แต่ ต่อให้พวกเขาจะยิ่งใหญ่ขนาดไหน แล้วทำไมต้องมาหาเรื่องฟางเหยียนด้วยล่ะ!
ไม่ว่าจะเข้าร่วมเพลิงเสวนหรือไม่ ในเมื่อพวกเขากล้าแตะต้องภรรยาของตน ก็ต้องถูกทำลาย!
ถ้าไม่ทำลายพลังของแก๊งซินหงนี่ เกรงว่าจะต้องไม่ดีต่อเย่ชิงหยู่ ฟางเหยียนไม่กล้ารับปากว่าจะปกป้องเย่ชิงหยู่ได้ตลอดหนึ่งวันยี่สิบสี่ชั่วโมง แต่เขาสามารถจัดการองค์กรเหล่านั้นที่ทำให้เกิดอันตรายต่อเย่ชิงหยู่ได้!
เมื่อเห็นท่าทีลังเลของฟางเหยียน หยิวอู่คิดในใจว่าฟางเหยียนจะต้องกลัวแล้วเป็นแน่! เขาหัวเราะฮ่าๆออกมา ใช้อีกมือทุบไปที่แขนของฟางเหยียนแล้วกล่าว “ตกใจแล้วล่ะสิ? รีบปล่อยมือฉันเสีย ไอ้สารเลว!”
ฟางเหยียนเก็บความคิดไป ไม่ได้ปล่อยแขนของเขาออก แต่กลับออกแรงเพิ่มขึ้นไปอีก ร่างกายอันอ้วนท้วมของหยิวอู่คุกเข่าลงกับพื้นอย่างบิดไปมา กลายเป็นเจ็บปวดรวดร้าว ฟางเหยียนขี้เกียจจะสนใจท่าทางอัปลักษณ์ของเขาเพียงแต่ถามอย่างเย็นชาว่า “ถ้าแบบนั้น แสดงว่าการกระทำของแกทั้งหมดแก๊งซินหงเป็นคนบงการงั้น?”