จอมนักรบทรงเกียรติยศ - บทที่ 449 ผมจะไปล้างบางพวกมันเดี๋ยวนี้
ในสายตาของฟางเหยียน กิจการของหยิวอู่ กิจการขนาดเล็กแบบนี้ไม่อยู่ในสายตาของเพลิงเสวนเลยแม้แต่น้อย ถ้าพวกเขาจะหาก็ต้องหาตระกูลที่ใหญ่โตขึ้นมาหน่อยพวกนั้น ไม่มีทางมาหากิจการเล็กๆของหยิวอู่
กิจการของตระกูลของหยิวอู่มีทรัพย์สินแค่ประมาณสิบล้าน ที่เหมือนกับตงข่ายกรุ๊ปที่ใกล้จะล้มละลายก่อนหน้านี้ แต่พวกเขาดันเลือกกิจการของหยิวอู่ นี่ไม่ใช่สไตล์ของเพลิงเสวนแน่นอน
ถ้าจะบอกว่าอำนาจที่อยู่เบื้องหลังของหยิวอู่คือแก๊งซินหง ก็ไม่ค่อยมีเหตุผลสักเท่าไหร่ เพลิงเสวนต้องการแก๊งซินหง แต่คนของแก๊งซินหงให้กิจการเล็กๆของหยิวอู่ไปจัดการ แก๊งซินหงองค์กรนี้มีความคุ้นเคยอย่างหนึ่ง ก็คือชอบความท้าทาย ชอบหากิจการย่อยหรือแม้แต่กิจการเล็กไปจัดการเรื่องราว พวกเขาชอบมองว่าความท้าทายที่น้อยที่สุดเป็นความท้าทายที่ใหญ่โต
แก๊งซินหงในสมัยก่อนมักจะหาคนที่อ่อนแอที่สุดจำพวกหนึ่งมาฝึกฝน ฝึกฝนไปทีล่ะก้าวจนยิ่งใหญ่มาก เพราะพวกเขาเชื่อว่าจากความอ่อนแอไปความแข็งแกร่งได้นั้นเป็นขั้นตอนที่น่าชื่นชมเป็นอย่างมาก ดังนั้นพวกเขาจึงได้ใช้กิจการนี้ของหยิวอู่ให้มาจัดการ
นี่เป็นความเคยชินของแก๊งซินหง!
พูดย้อนกลับมา ทุกสิ่งทุกอย่าง สุดท้ายแล้วก็เป็นการกระทำทั้งหมดของเพลิงเสวน เบื้องหลังจะต้องเป็นเพลิงเสวนที่คอยนำทางทุกอย่าง เพลิงเสวนนะเพลิงเสวน นึกไม่ถึงว่าจะหาขุนพลทั้งทีไปหาแก๊งซินหงได้ สิ่งสำคัญที่สุดคือนึกไม่ถึงว่าแก๊งซินหงจะยินยอม
เดิมทีฟางเหยียนไม่อยากแตะต้ององค์กรที่แพร่กระจายไปยังพื้นที่น้อยใหญ่ แต่พวกเขาเข้าร่วมเพลิงเสวน อย่าหาว่าเขาโหดเหี้ยมก็แล้วกัน แก๊งซินหง แกเองต่างหากที่เดินมาถึงทางตัน จะมาโทษฉันไม่ได้นะ
หยิวอู่เห็นท่าทีลังเลของฟางเหยียน ความภูมิใจบนใบหน้ายิ่งแสดงออกมามากขึ้น เขาส่งเสียงเหอะออกมา แล้วกล่าว “ใช่ ถูกแล้ว คนของแก๊งซินหงให้ฉันจัดการ จะบอกให้นะ แกปล่อยฉันไปอย่างเชื่อฟังจะดีที่สุด จากนั้นก็เซ็นชื่อในสัญญา ไม่งั้นคนของแก๊งซินหงไม่มีทางปล่อยเมียแกกับแกไปแน่ อ้อ แล้วก็ยังมีแม่ยายของแก ก็หนีไม่พ้น”
“แกยังกล้าข่มขู่ครอบครัวของฉันอีกเหรอ!” พูดจบ ฟางเหยียนออกแรงที่มือเพิ่มขึ้น ได้ยินเสียงแคร็กกระดูกหักดังขึ้น หยิวอู่ร้องคร่ำครวญออกมาว่าโอ้ยๆ เนื้อที่อยู่บนหน้ารวมกันเป็นก้อนๆ ดูๆแล้วเจ็บปวดอย่างหาที่เปรียบมิได้
“ฟางเหยียน!” เย่ชิงหยู่อดที่จะเรียกฟางเหยียนออกมาไม่ได้ แล้วก็ได้ก้าวมาข้างหน้าเพื่อลากแขนของฟางเหยียนไว้
คำพูดนี้ผ่านเข้าไปในหูของฟางเหยียนก็คือไร้สาระ แต่เมื่อเย่ชิงหยู่ได้ยินเข้า กลับตกใจยกใหญ่ เธอรู้จักองค์กรนี้ นี่คือองค์กรใต้ดินที่ใหญ่ที่สุดของประเทศหวา อำนาจมากจนน่ากลัวจนขนลุก! เย่ชิงหยู่ไม่ได้เป็นผู้หญิงที่ไม่รู้อะไรเลย ยังไงเธอก็เติบโตในตระกูลใหญ่ แม้ไม่เคยเจอเข้ากับอำนาจแบบนี้ แต่ก็เคยได้ยินมาก่อน
ว่ากันว่าองค์กรนี้ จะปฏิบัติต่อผู้ที่เป็นปฏิปักษ์กับเขาอย่างโหดร้อยอำมหิตสุดๆ!
เมื่อก่อนมีคนที่ทำธุรกิจไม่ตอบรับการร่วมมือกับแก๊งซินหง ต่อมาบริษัทของเขาถูกโจมตีเอาคืนต่างๆนานา พวกเขาก็ไม่ฆ่าเถ้าแก่คนนั้นทิ้ง แต่ทำให้คนรอบๆกายของเขาค่อยๆจากไป บีบเถ้าแก่คนนั้นจนหมดสิ้นหนทาง สุดท้ายเถ้าแก่คนนั้นก็ต้องยอม คิดจะต่อสู้กับแก๊งซินหงยังไงก็ไม่มีทางชนะได้ อำนาจของพวกเขายิ่งใหญ่มาก
ดังนั้นแก๊งซินหงจะทำทุกวิถีทางบีบให้คนเดินถึงทางตัน พวกเขาไม่มีทางสนใจว่าอำนาจของอีกฝ่ายจะมากมายขนาดไหน
ฟางเหยียนคือหลานชายของตระกูลฟาง บางทีแก๊งซินหงอาจจะจัดการกับฟางเหยียน!
“ไม่งั้น ปล่อยเขาไปมั้ย!” เย่ชิงหยู่พูดกับฟางเหยียนอย่างลังเล
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ หยิวอู่ก็กล่าวอย่างโอหังว่า “ได้ยินแล้วยัง ปล่อยฉันไป!”
“หืม?” ฟางเหยียนเพิ่มแรงในมือขึ้นอีก ได้ยินเสียงแคร็กดังขึ้นอีกครั้ง เป็นเสียงกระดูกมือของหยิวอู่แตก ไม่เพียงแต่กระดูกแตก แม้แต่ข้อต่อกระดูกก็หลุด
เขากล่าวอย่างเจ็บปวดทรมาน “แกๆๆ เอามือกลับไปเดี๋ยวนี้นะ ปล่อยฉัน มือของฉัน มือของฉัน!”
ท่าทีเย่อหยิ่งเมื่อกี๊ของหยิวอู่กลายเป็นกระอักกระอ่วนใจ คนที่ดูเหมือนสูงส่ง เมื่ออยู่ต่อหน้าฟางเหยียนก็เป็นแค่ขยะเท่านั้น เขาจะทำอะไรได้ทั้งหมด ก็แค่คนชั้นต่ำ จะบังอาจต่อหน้าเทพเจ้าแห่งสงครามได้อย่างไรกัน
ฟางเหยียนแบมือออก ปล่อยมือของหยิวอู่ ข้อมือของเขาเปลี่ยนรูปอย่างเห็นได้ชัด ระหว่างมือกับข้อต่อผิดรูปอย่างรุนแรง หยิวอู่คุกเข่าลงกับพื้น แล้วกล่าวอย่างเจ็บปวดว่า “มือของฉัน มือของฉัน!”
หลังจากที่ตะโกนออกมาสองครั้ง สีหน้าของเขาก็ดุร้ายขึ้นมา จ้องฟางเหยียนด้วยสายตาแดงก่ำ แล้วกล่าวอย่างเคียดแค้นว่า “แกไอ้เลว แกจะต้องเสียใจกับสิ่งที่ทำลงไป”
“เหรอ?“ ฟางเหยียนก้าวเดินไปที่หยิวอู่ เมื่อเห็นท่าทางที่ไม่หวาดกลัวของฟางเหยียนแม้แต่น้อย หยิวอู่ก็ตกใจจนหน้าเขียว ไอ้นี่มันบ้าไปแล้วหรือเปล่า? ทำไมได้ยินอำนาจอันยิ่งใหญ่ขนาดนั้นของแก๊งซินหงแล้วยังไม่กลัวอีกนะ
ฟางเหยียนหยุดอยู่ตรงหน้าของหยิวอู่ มองจากที่สูงลงมาแล้วกล่าว “บอกฉันมา ทำไมแก๊งซินหงถึงได้ให้แกซื้อกิจการมากมายขนาดนั้น? พวกเขามีเจตนาอะไร?แล้วก็ ทำไมต้องเป็นบริษัทของภรรยาฉันด้วย?”
ในช่วงสองเดือนมานี้ตงข่ายกรุ๊ปทำให้คนตื่นตระหนก พูดได้ว่าตกใจกันทั้งแผ่นดินเลยก็ว่าได้!ได้รับเงินทุนจากหวงหยวนฉาวเศรษฐีอันดับหนึ่งของซีหนาน เพียงในระยะเวลาสั้นๆเพียงสองเดือนจากกิจการที่เงินไม่ถึงสิบล้านทะยานขึ้นไปเป็นกิจการขนาดใหญ่เป็นร้อยล้านได้โดยตรง เมื่อก่อนบริษัทที่บริษัทซินปางซื้อกิจการล้วนเป็นกิจการขนาดกลางและขนาดเล็กทั้งนั้น จู่ๆพวกเขาก็กระโดดข้ามไปแบบนี้ ทำให้คนยากที่จะเข้าใจได้จริงๆ
หยิวอู่เงยหน้ามองฟางเหยียน ดูแคลนออกมา แล้วกล่าวด้วยสีหน้าไม่พอใจว่า “แก๊งซินหงความสามารถยิ่งใหญ่ขนาดนั้น อยากจะซื้อกิจการของใครก็ซื้อได้ แกคิดว่าการที่พวกเขาจะทำอะไร ต้องมีเหตุผลด้วยงั้นเหรอ?ถ้าพวกเขาต้องการผูกขาดเมืองจินโจวทั้งเมืองให้อยู่ใต้อาณัติ เมืองจินโจวเล็กๆ ก็เป็นเรื่องง่ายดาย แกคิดว่ามันแปลกมากเลยเหรอ?”
“เหอะๆ!เรื่องง่ายดาย!เกรงว่าแม้แต่แก๊งซินหงก็ไม่กล้าที่จะพูดประโยคนี้ต่อหน้าฉันนะ” พูดพลาง แรงพยาบาทที่มีในตัวฟางเหยียนก็ถูกปล่อยออกมา ความอาฆาตค่อยๆกระจายไปทั่วห้องโถงของบริษัท
เมื่อเห็นความพยาบาทที่ถูกปล่อยออกมาจากตัวฟางเหยียน หยิวอู่ก็ขนลุกซู่ขึ้นมาอย่างอดกลั้นไว้ไม่อยู่ เขากลืนน้ำลายเฮือกใหญ่ เม็ดเหงื่อที่อยู่บนหน้าขยายใหญ่ขึ้น เกือบจะไหลลงพื้นแล้ว
คนที่อยู่ตรงหน้านี้เป็นคนหรือเป็นผีกันแน่ ทำไมถึงได้ปล่อยพลังที่น่ากลัวขนาดนี้ออกมาได้!
“แกๆๆ ฉันๆๆ!” เขาอ้ำๆอึ้งๆอยู่นานก็ไม่พูดออกมาสักคำ
สุดท้ายเหมือนลูกบอลหนังที่ลมรั่วอย่างไรอย่างนั้น หลบสายตาอันน่ากลัวของฟางเหยียนไป แล้วกล่าว “ฉันแค่จัดการธุระให้แก๊งซินหง แก๊งซินหงให้ฉันทำอะไรฉันก็ทำ แต่ฉันจะบอกไว้นะ แกห้ามทำผิดต่อคนของแก๊งซินหงเป็นอันขาด พวกเขาเป็นคนที่แกแตะต้องไม่ได้ ฉันว่าแกก็ไม่อยากจะมีปัญหาหรอกนะ?”
ฟางเหยียนรู้ว่าถามต่อไปก็ไม่ได้ความอะไร ไอ้นี่ก็เป็นแค่หมารับใช้ตัวหนึ่งของแก๊งซินหงก็เท่านั้น ด้วยเหตุนี้เองเขาถอนหายใจยาวๆ แล้วกล่าว “โอเค ในเมื่อแก๊งซินหงสร้างความอันตรายต่อภรรยาของฉัน งั้นรบกวนแกบอกฉัน ว่าที่อยู่ของแก๊งซินหงในเมืองจินโจวอยู่ที่ไหน?ฉันจะไปล้างบางพวกมันเดี๋ยวนี้”