จอมนักรบทรงเกียรติยศ - บทที่ 457 แก๊งซินหงยั่วโมโหฉัน ฉันจะถอนลากถอนโคน
“ชดเชย!” ฟางเหยียนดูแคลนเหอะๆออกมา แล้วกล่าว “แกจะชดเชยยังไง แกรู้หรือเปล่าว่ากิจการเหล่านี้มีความหมายยังไงกับพวกเขา? นั่นเป็นทุกอย่างของพวกเขานะ! เป็นเลือดเนื้อและจิตใจของคนอื่นทั้งชีวิต แกแย่งชีวิตและจิตใจของคนอื่นไป บอกฉันมาว่าจะชดเชยยังไง? แกคิดจะเอาอะไรไปชดเชย?”
แย่งของคนอื่นไป มันต่างอะไรกับโจร? มันต่างอะไรกับตระกูลเซียว? ต่อให้เขาใช้เงินซื้อมา แต่นี่ก็เป็นการปล้นทรัพย์มา แย่งเลือดเนื้อและจิตใจของคนอื่นไป หลายคนที่ตายไปนั้น ก็เป็นชีวิตที่เป็นๆเหมือนกันนะ
หยิวอู่กลืนน้ำลายเฮือกใหญ่ นี่ฟางเหยียนกำลังแสดงท่าทีของการฆ่าคนอยู่นี่ นี่กำลังจะฆ่าตนเหรอ?
เขารีบหมอบคำนับลงกับพื้น แล้วพูดออกมาว่า “ขอร้องนะ ขอร้องอย่าฆ่าผมเลย ได้มั้ย? ผมจะใช้วิธีที่เหมาะสมที่สุดจัดการเรื่องนี้นะ ผมชดเชยให้คนพวกนั้นแน่นอน”
ฟางเหยียนจ้องหยิวอู่ ส่ายหน้าอย่างเป็นต่อ แล้วกล่าวราวกับราชาผู้ส่งสูงว่า “ไม่ได้ แกรังแกเมียของฉัน ต้องตาย!”
เพิ่งพูดจบ เห็นในมือของฟางเหยียนปล่อยก้อนหินที่มีขนาดเท่าเม็ดถั่วหนึ่งเม็ดออกมา วินาทีถัดมา หัวของหยิวอู่ถูกโจมตีทะลุ เหมือนกับกู่เฟิงอย่างไรอย่างนั้น
หยิวอู่ไม่ใช่คนดี สันดานของเขาได้ปรากฏออกมาแล้ว ว่าเขาเป็นคนรักตัวกลัวตาย บ้าอำนาจและความมั่งคั่ง เขาไม่มีทางสนใจว่าคนอื่นจะคิดยังไง เพียงแค่ตัวเองยิ่งใหญ่ได้ ให้เขาจัดการใครเขาก็จัดการได้
หยิวอู่ตายแล้ว ถูกโจมตีนอนตายอยู่กับพื้นอย่างไม่มีลางสังหรณ์ใดๆ เห้ออีกางไม่เห็นวิธีการสังหารคนเมื่อกี๊ แต่ตอนนี้เขาดูออกชัดเจน ว่าไอ้นี่ฆ่าคนได้โหดเหี้ยมมาก รุนแรงมาก ในสายตาของเขา ชีวิตของคนไม่มีค่าใดๆเลย เขาคิดจะฆ่าใครก็ฆ่า เพียงแค่เขาไม่พอใจ อยากให้แกตาย แกก็ต้องตาย!
เห้ออีกางจ้องฟางเหยียน ขนลุกซู่ไปทั้งตัว เขากล่าวอย่างติดๆขัดๆว่า “คือ คือ คือ ฉันๆๆๆ ฉันโดนคนของเบื้องบนสั่งการมา เรื่องของเมียแกไม่เกี่ยวอะไรกับฉันจริงๆ พวกเขาบอกว่า เพียงแค่ฉันซื้อธุรกิจตงข่ายกรุ๊ปได้ ฉันก็จะได้เป็นถังจู่ของเขตซีหนาน!”
“อืม! คนของเพลิงเสวนใช่มั้ย?” ฟางเหยียนถามอย่างตรงประเด็น
เห็นได้ชัดว่าเห้ออีกางชะงักไปหลายวินาที ลูกตาเลิ่กลั่กไปมา แล้วถาม “อะไรคนของเพลิงเสวน? ฉันไม่รู้”
ท่าทางของเห้ออีกาง ไม่เหมือนว่ากำลังล้อเล่นอยู่ บางทีระดับเขายังไม่ถึงขั้นที่จะได้พบปะกับคนของเพลิงเสวนโดยตรงมั้ง! เพราะเป็นแค่ตัวละครเล็กๆเท่านั้น เมื่อนึกถึงจุดนี้ ฟางเหยียนได้ถามอีกว่า “แล้ว ใครสั่งให้แกทำแบบนี้?”
เห้ออีกางไม่กล้าลังเลแม้แต่น้อย รีบกล่าวว่า “เป็นหัวหน้าของเรา คนหนึ่งชื่ออู๋หมิง เหมือนเขาจะเรียกตัวเองว่าราชาของเขตซีหนานอะไรประมาณนี้ พวกเขาเป็นผู้ร่วมทางการค้าของแก๊งซินหงของเรา ที่เขตซีหนานคำสั่งของเขาเหมือนกับถังจู่หัวหน้าของพวกเราอย่างไรอย่างนั้น และเป็นเขา เขาที่สั่งการให้ฉันทำ แล้วก็เขานั่นแหละที่ให้สัญญากับฉัน”
“อู๋หมิง!” ฟางเหยียนพูดสองคำนี้ซ้ำอีกครั้ง จากนั้นก็พูดอย่างพึมพำกับตัวเองว่า “คนของสำนักไร้หน้า! นึกไม่ถึงว่ากล้าเล่นงานเมียของฉัน เดิมทีอยากจะให้โอกาสต่อลมหายใจกับพวกแก แต่พวกแกไม่ต้องการ! งั้นก็อย่ามาโทษฉันก็แล้วกัน”
พูดจบ สายตาของฟางเหยียนมองไปที่เห้ออีกาง แล้วถาม “แกรู้ว่าคนนั้นอยู่ที่ไหนมั้ย?”
“รู้! อยู่ที่หุบเขาหนึ่งในซีหนาน ตอนนั้นฉันนั่งเฮลิคอปเตอร์ไปที่นั่น ฉันไปประชุมที่นั่นหนึ่งครั้ง ที่ตรงนั้นสวยมาก และคนที่อยู่ด้านในล้วนปกปิดใบหน้า อ้อ แล้วก็มีคนที่ไม่มีใบหน้าคนหนึ่ง ตอนนั้นทำเอาฉันตกใจจนแย่ แน่เนื่องจากพวกเราเป็นคู่ค้ากัน พวกเขาเกรงใจพวกเรามาก” เห้ออีกางกล่าวอย่างไม่กล้าพูดโกหกแม้แต่นิดเดียว
ฟางเหยียนก็มองออกถึงความหวาดกลัวของเห้ออีกาง ตอนนี้เขาไม่กล้าพูดโกหกจริงๆ สิ่งที่เขาพูดมาทั้งหมดล้วนเป็นความจริง!
ฟางเหยียนพยักหน้าอืมแล้วกล่าว “โอเค แกพาฉันไป!”
“หา!” เห้ออีกางกล่าว “แต่ ที่ตรงนั้นฉันทำได้เพียงนั่งเฮลิคอปเตอร์ไปจึงจะหาเจอนะ ถ้าให้ฉันนั่งรถไปล่ะก็ ฉันหาไม่เจอ! ยิ่งไปกว่านั้น สถานที่แห่งนั้นมันเปลี่ยว ถ้าแกถึงแล้ว จะดึงดูดความสนใจของพวกมันได้นะ”
“ก็พอดีไม่ใช่เหรอ! ฉันยังกลัวว่ามันจะไม่รู้ว่าฉันมาเสียด้วยซ้ำ” ฟางเหยียนกล่าวอย่างไม่อ้อมค้อมแต่อย่างใด
เห้ออีกางกอดขาของตัวเอง แล้วกล่าว “แต่…”
เขามองขาของตัวเองอย่างตั้งใจ ฟางเหยียนจึงถามว่า “ทำไม? แกอยากให้ฉันพยุงแกเดินหรือไง? ฉันไม่สนใจสวะหรอกนะ แกจะเป็นศพได้ตลอดเวลา”
“ไม่ๆๆ!” เห้ออีกางรีบลุกขึ้นพูดจากเก้าอี้หนังเสือ “ฉันยืนขึ้นได้ ฉันเดินได้!”!
พูดพลาง เขาลากขาที่เพียงแค่ขยับนิดหน่อยก็เจ็บจี๊ดขึ้นมา ถึงแม้จะเจ็บมาก แต่เพื่อการมีชีวิตรอด เขาต้องเสแสร้งว่าไม่เจ็บแม้แต่น้อย คนที่อยู่ตรงหน้านี้ไม่ใช่คนแม้แต่น้อย เขาเป็นปีศาจ ปีศาจที่ต้องการเอาชีวิต
คน จะสู้กับปีศาจได้อย่างไรกันเล่า แล้วจะชนะได้อย่างไรกัน?
“งั้นก็ดี ไปกันเถอะ!” ฟางเหยียนกล่าวอย่างเย็นชา
เพิ่งจะเดินไปได้สองก้าว จู่ๆเขาก็นึกอะไรออก แล้วหยุดเดินลง หันไปมองหญิงสาวเซ็กซี่ที่หน้าตาตื่นตระหนก
“อ้อ ฉันเกือบจะลืมไปแล้วว่าที่นี่ยังมีคนอยู่” จู่ๆฟางเหยียนก็พูดออกมาแบบนั้น
หญิงสาวคิดว่าตนผ่านพ้นอันตรายครั้งนี้ไปได้แล้ว แต่ไม่คาดคิดว่าจะมีคนยังไม่ลืมว่ามีเธออยู่ เธอรีบร้องไห้ออกมาแล้วกล่าว “ฉัน ฉันๆๆ ฉันไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้น ไม่เกี่ยวอะไรกับฉันเลยนะ”
ฟางเหยียนไม่พูดไม่จา หญิงสาวพูดต่อว่า “ไม่งั้นเอางี้มั้ย!ฉันจะบริการคุณ บริการคุณได้ตลอดเวลา เพียงแค่คุณไม่ฆ่าฉัน ฉันรับรองว่าฉันสามารถทำให้คุณพอใจได้”
พูดจบ หญิงสาวเปลือยชุดที่อยู่บนเรือนร่างออก การทำสายงานด้านนี้ของพวกเธอ เรื่องแบบนี้เป็นเรื่องปกติไปนานแล้ว เพียงแค่สามารถใช้ร่างกายแก้ปัญหาได้ ก็ไม่ใช่ปัญหาแล้ว ดังนั้นเมื่อเจอปัญหา เรื่องแรกที่พวกเธอนึกถึงคือร่างกาย แน่นอน วิธีนี้ใช้ได้ผลมาก เอาชนะผู้ชายได้หลายคน
ต่อให้หญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าไม่ใช่คนประเภทนั้น แต่ผู้ชายจะมีดีสักกี่คน เธอมั่นใจในเสน่ห์ของตัวเองมาก สิ่งที่ผู้ชายแบบนี้ชอบที่สุดก็ร่างกายของตนไม่ใช่เหรอ?
จุดที่ควรนูนควรเว้ามีทั้งหมด เขาไม่มีทางปฏิเสธตนได้
ฟางเหยียนมองร่างกายของหญิงสาว ด้วยแววตาปราศจากราคะ และไม่ชื่นชม และยิ่งไม่มีความกระตือรือร้นที่หญิงสาวอยากเห็น มีเพียงเสียงเหอะๆที่เย็นชา จากนั้นก็ถามย้อนหญิงสาวไปว่า “คุณคิดว่าผมสนคุณมั้ย?”
“ผมไม่มีทางฆ่าคุณ เหลือคุณไว้ยังมีประโยชน์ กลับไปบอกคนของศูนย์บัญชาการแก๊งซินหงถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ แล้วบอกพวกมันว่า ถ้ายังกล้าคิดไม่ดีกับเมียของผมอีก ในโลกนี้จะไม่มีแก๊งซินหงอีกต่อไป!”
ฟางเหยียนพูดจบ หันหลังแล้วจากไป เหลือไว้แค่เพียงภาพข้างหลังที่ภาคภูมิใจ!
หญิงสาวตกใจจนตัวสั่นไปหมด น้ำตาเกือบจะไหลออกมาจากดวงตาแล้ว