จอมนักรบทรงเกียรติยศ - บทที่ 458 ฟ้าผ่าทัณฑ์
ลึกเข้าไปในป่าดงดิบ หญิงสาววัยรุ่นที่สวมชุดสีสันฉูดฉาดหลายคนกำลังเดินผ่าป่าละเมาะ ก้าวเดินช้าบ้างเร็วบ้าง แว็บๆก็จะได้ยินเสียงหัวเราะของพวกเธอ
นอกจากเสียงหัวเราะแล้ว ก็ยังมีตอนที่หมดความอดทน ในป่ายังได้ยินเสียงของหลายคนดังออกมา
“ฉินเข่อ ใกล้ถึงที่ๆแกพูดถึงแล้วยัง?พวกเราเดินไปเดินมาก็ยังวนอยู่ในป่าเนี่ย!ฉันเหนื่อยจะตายแล้ว ฉันว่า แกจำผิดหรือเปล่า ดูๆแล้วที่นี่ไม่มีอารามเต๋าในป่าอะไรนั่นเลยนะ”
ผู้หญิงที่กำลังพูดเงยหน้ามองพอดี เมื่อมองขึ้น ข้างบนเป็นต้นไม้ที่เขียวชอุ่มทั้งนั้น เป็นต้นไม้ใหญ่จากพื้นอันใหญ่โต สูงตระหง่านขึ้นฟ้า ไม่เหมือนที่ๆมีคนอาศัยอยู่จริงๆ ทางตอนใต้ของประเทศหวามีป่าดงดิบแบบนี้ไม่น้อย และมีวิวทิวทัศน์ที่สวยงามไม่น้อยเช่นกัน ถ้าจะบอกว่ามีอารามเต๋าอยู่ในป่าดงดิบ ก็ยากที่จะเชื่อได้จริงๆ
เธอเพิ่งพูดจบ หญิงสาวที่ใส่หมวกสีขาวเบสบอล เสื้อเชิ้ตแขนยาว กางเกงยีนเกาท้ายทอยแล้วกล่าว “เป็นไปไม่ได้ ฉันมองเห็นจากในเครื่องบิน มันมีจริง ที่นั่นไม่ใช่มีแค่อารามเต๋าที่ใหญ่มากนะ ยังมีน้ำตกที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติด้วย สถานที่แห่งนั้น จะพูดยังไงดีล่ะ ดูแล้วเหมือนเป็นที่บำเพ็ญเซียน คุ้มค่าที่พวกเราจะไปสำรวจแน่นอน ถ้าถ่ายรูปเก็บไว้ได้ การประกวดในธีมนิเวศวิทยา ครั้งนี้ของเราต้องได้แชมป์แน่นอน”
ฉินเข่อสวยมาก ถือได้ว่าเป็นสาวงามระดับท็อปในคณะได้เลยล่ะ คนเราเป็นดั่งชื่อตัว อบอุ่นสง่างาม หน้าตามีเมตตาโอนโยนมาก มีมนุษยสัมพันธ์ดี ดังนั้นทำให้คนที่มองไปรู้สึกไม่รู้สึกห่างเหิน กลับกันใกล้ชิดมากขึ้นไปอีก บอกกับนิสัยใจกว้าง ดังนั้นเธอจึงได้มีเพื่อนไม่น้อยเลยทีเดียว นี่ไม่ใช่ว่า หญิงสาวทั้งห้าคนที่มาด้วยกันล้วนเป็นเพื่อนของเธอเหรอ นอกจากนี้ ครอบครัวของเธอยังมีเงินเยอะอีกด้วย เติบโตมาในครอบครัวคนมีตังค์ นี่ก็เป็นเหตุผลที่ผู้ชายหลายคนจีบฉินเข่อ
หญิงสาวคนหนึ่งกล่าวอย่างช่วยไม่ได้ว่า “เห้อ ถ้ารู้ว่าเป็นป่าดงดิบที่ดงดิบแบบนี้แต่แรก แล้วยังต้องเดินเท้า ขึ้นเขา จากนั้นก็ยังต้องเดินเท้าขึ้นเขา แบกสัมภาระ พวกเราควรจะเรียกผู้ชายมาสองสามคน อย่างน้อยตอนที่เดินไม่ไหว พวกเขายังพอจะพยุง ช่วยพวกเราถือข้าวของได้บ้าง ไม่แน่อาจจะแบกพวกเราได้ด้วยนะ”
“จุ๊ๆๆ ฉันกลัวว่าที่แกคิดไม่ใช่อันนี้หรอกนะ!แกน่าจะคิดเรื่องอื่นมากกว่า ตอนที่แกเหงาหงอย ยังสามารถคลายความกลัดกลุ้มใจแทนแกได้ต่างหากล่ะ!ยังไงก็เป็นป่าลึก หาข้ออ้างไปเข้าห้องน้ำ ใครจะไปรู้ว่าพวกแกทำอะไรกัน ที่รกร้างกลางแจ้งแบบนี้ คิดๆแล้วก็ตื่นเต้นดีนะ แกคิดแบบนี้หรือเปล่า” หนึ่งในหญิงสาวพูดต่อ แล้วยังยกมือไปตบที่ก้นของหญิงสาวคนนั้นอีกด้วย
หญิงสาวคนนั้นรีบกล่าวอย่าง“เขินอาย”ว่า “ชิๆๆ ใครเค้าพูดเรื่องนี้กัน ทำไมแกลามกจัง!ที่นี่ยังมีฉินเข่อดาวมหาลัยของเราอยู่ด้วยนะ ต่อให้มีผู้ชายมา ก็ไม่ใช่หลงใหลดาวมหาลัยของเราจนโงหัวไม่ขึ้นเหรอ จะมีโอกาสของพวกเราได้อย่างไรกันเล่า! พวกเราอะ มากสุดก็ทำได้แค่ดูเท่านั้นแหละ”
“อ้าๆๆ!ไม่พูดเรื่องแบบนี้ตอนอยู่ในป่าลึกได้มั้ยเนี่ย พูดจนฉันอยากไปฉี่แล้วเนี่ย”
“แกไปฉี่แล้วไงอะ?หรือตอนฉี่แกคิดจะ…”
“ฮ่าๆๆ!” หญิงสาวหลายคนเดินอย่างช้าๆ พลางพูดคุยกัน เสียงหัวเราะดังขึ้นจากในป่า
เดินไปเดินมา ได้มีคนตั้งคำถามขึ้นมาอีก
“อ้อ ฉินเข่อ มั่นใจว่าที่ๆแกพูดคือที่นี่มั้ย?ทำไมฉันรู้สึกไม่น่าเชื่อถือเลยอะ ไม่มีทางมีคนอยู่ในป่าลึกถึงจะถูกสิ จะมีคนมาฝึกฝนตนที่นี่ได้อย่างไรกัน?”
ฉินเข่อเงียบสงัดไป แล้วกล่าว “ฉันเห็นมันแล้วจริงๆนะ แต่ไม่มั่นใจว่าใช่อารามเต๋ามั้ย ที่นั่นเป็นด้านในหุบเขา ถูกภูเขาล้อมรอบไว้หมดแล้ว สิ่งก่อสร้างนั้นมโหฬารมาก แล้วยังเป็นสิ่งก่อสร้างแบบโบราณอีกด้วย ดังนั้นฉันจึงเดาว่าเป็นอารามเต๋า อารามเต๋าของประเทศเราก็ล้วนสร้างอยู่ในป่าลึกไม่ใช่เหรอ?สถานที่แบบนี้เหมาะสำหรับนักพรตเหล่านั้นอาศัย”
“อืม!ฉันว่ามีเหตุผลนะ คนที่บำเพ็ญพรตของประเทศเราส่วนมากล้วนอาศัยอยู่ในป่าลึกที่ภูเขาสวยน้ำใส”
“อ้อ เป็นภาพลวงตาหรือเปล่า?ฉันได้ยินมาว่าภาพลวงตาทำให้คนตะลึงได้นะ ตอนนั้นฉินเข่ออยู่ในเครื่องบิน คงไม่ใช่เห็นภาพลวงตาเข้าแล้วหรอกนะ?”
ฉินเข่อส่ายหน้าแล้วกล่าว “ไม่มีทางเป็นภาพลวงตา ภาพลวงตาอยู่บนสวรรค์ ฉันมองเห็นภูเขา แล้วก็มองเห็นน้ำ ภูเขานั้นไม่ใช่แค่ลูกเดียวหรือสองลูก ฉันเห็นภูเขาที่ทอดยาว แล้วตอนนั้นเครื่องบินก็กำลังจะลงจอดด้วย ฉันรับรองว่าสิ่งที่ฉันเห็นต้องเป็นน้ำตกภูเขาและบ้านเรือนที่แท้จริง ไม่มีทางเป็นภาพลวงตาไปได้”
“อืม!ฉันจะว่าไม่น่าจะใช่ภาพลวงตา ต้องเป็นอารามเต๋าแน่นอน มีผู้สูงส่งกำลังบำเพ็ญเซียนอยู่ ไม่รู้ว่าพวกแกเคยได้ยินเรื่องเซียนฟ้าผ่าทัณฑ์ที่เกิดขึ้นมาเมื่อนานมาแล้วมั้ย”
“เซียนฟ้าผ่าทัณฑ์?” หลายคนต่างพากันตกใจมองหญิงสาวที่พูดออกมา
หญิงสาวมีความอยากรู้อยากเห็นเรื่องลี้ลับโดยกำเนิด เพราะพวกเธอเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นต่อสิ่งที่ไม่รู้มาก่อน
หญิงสาวคนนี้สวมชุดที่ค่อนข้างหลวม ใส่แว่น ผมสั้น ดูๆแล้วเป็นคนที่ชำนาญในเรื่องนี้ หญิงสาวคนนี้ชื่อหลิวเจียเจีย ปกติชอบศึกษาเกี่ยวกับเรื่องเทพยดาเหล่านี้
เธอนั่งลงกับพื้น แล้วจัดแว่นตา แสดงท่าทางปู่ทวดเล่านิทานออกมา แล้วกล่าวอย่างมีอรรถรสว่า “ว่ากันว่าเมื่อนานมาแล้ว ตอนที่ต่างชาติรุกรานประเทศของเรา เขาพวกเดินผ่านภูเขา เนื่องจากหลงทางในภูเขา จึงได้เดินไปเรื่อยๆเดินไปตลอด เดินไปเดินมาก็ไม่รู้ว่าเดินออกไปไหน เดิมทีท้องฟ้าปลอดโปร่ง แสงอาทิตย์ยังสามารถสาดส่องผ่านรอยแตกบนใบไม้มาถึงพื้นได้ แต่แว็บเดียวเท่านั้น จู่ๆรอบๆก็เกิดพายุฟ้าฝนกระหน่ำ จากนั้นก็เสียงฟ้าร้องดังสนั่น ฟ้าแลบรัวๆ เมฆดำปกคลุมทั่วฟ้า!ท้องฟ้าเหมือนเปลี่ยนสีหน้าอย่างไรอย่างนั้น”
“กองทัพนั้นมีกันประมาณสามร้อยกว่าคน พวกเขาเห็นเหตุการณ์นี้จึงผวาขึ้นมา ต่างพากันเงยหน้ามองไปรอบๆ พวกเขาคิดว่าศัตรูทิ้งระเบิดจากข้างบน แต่ก็ไม่มี เป็นเสียงของฟ้าร้อง แล้วก็ยังมีฟ้าแลบ ผู้คนเตรียมที่จะหาที่พักผ่อน แต่จู่ๆก็เห็นฟ้าผ่าลงมาที่ๆไม่ไกลจากพวกเขามากนัก หลังจากที่ผ่าลงมาแล้ว ที่ตรงนั้นยังมีแสงสีทองปรากฏขึ้นมา แสงสีทองดึงดูดสายตา จนทำให้คนของกองทัพเดินไปสำรวจด้วยความประหลาดใจ”
“ด้วยเหตุนี้พวกเขาเดินไปสำรวจ พอเข้าไป ก็ต้องตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า ในแสงสว่างนั้น นึกไม่ถึงว่าจะมีผู้เฒ่าที่ผมหงอกเคราขาว สวมชุดสีขาวนั่งอยู่ ผู้เฒ่ากำลังนั่งสมาธิ หลับตาลงสนิท ราวกับว่าแสงสว่างปรากฏออกมาจากกายของเขา ขณะนั้นมีคนถามขึ้นมาว่า แกเป็นใคร ผู้เฒ่าไม่ตอบ ในขณะเดียววันนี้ ได้มีฟ้าผ่าหนึ่งเส้นลงมา ไม่ ไม่ใช่หนึ่งเส้น ฟ้าผ่าสามเส้นผ่าลงที่ร่างกายของผู้เฒ่าพร้อมกัน