จอมนักรบทรงเกียรติยศ - บทที่ 463 จุดจบของการยั่วโมโหเมียของฉัน
เดิมทีคิดว่าจะใช้ลูกเหล็ก แต่พบว่าพลังของลูกเหล็กเหมือนกับหิน ด้วยเหตุนี้เขาจึงได้ใช้ก้อนหินพกพา กรวดเล็กๆเหล่านี้ไม่ใหญ่ มีขนาดเท่าถั่วเหลือง
ความจริงใช้อะไรเป็นอาวุธไม่สำคัญแล้ว สิ่งสำคัญคือผลลัพธ์ของการฆ่าคน
เพียงแค่ฆ่าคนได้ จะใช้อาวุธอะไรสำคัญตรงไหนกัน!
ความจริงใช้อะไรฆ่าคนก็เหมือนกับแรงดันของน้ำ เมื่อแรงดันของน้ำไปถึงระดับหนึ่ง จะกลายเป็นสิ่งที่แข็งแกร่งและมั่นคง เป็นสิ่งที่แข็งแรงที่สุดในโลกนี้
และเมื่อความเร็วของบางอย่างไปถึงระดับหนึ่ง ก็สามารถปล่อยพลังที่คาดไม่ถึงออกมาได้โดยปริยาย เหมือนกับหลักการของเต้าหู้ก้อนหนึ่งที่หล่นลงมาจากฟ้าก็สามารถฆ่าคนได้ เพียงแค่สูงพอ เร็วพอ เต้าหู้ก็สามารถฆ่าคนได้แล้ว
อู๋หมิงจ้องฟางเหยียน แล้วกล่าวอย่างเนือยๆว่า “การฆ่าแก ใช้สวะก็เพียงพอแล้ว!”
ฟางเหยียนพยักหน้า ตอบรับ “ได้ งั้นฉันจัดการสวะพวกนี้ก่อนก็แล้วกัน จากนั้นค่อยสังหารสำนักไร้หน้าทั้งหมดของพวกแก”
พูดจบ ฟางเหยียนโยนกรวดที่อยู่ในมือของในอากาศ จากนั้นมือทั้งสองข้างของเขาปล่อยพลังไร้รูปออกมา พลังนี้ค่อนข้างแปลก ค่อนข้างอัศจรรย์ นึกไม่ถึงว่าจะควบคุมกรวดพวกนั้นในอากาศ จากนั้น กรวดพวกนั้นเรียงกันเป็นขบวน แล้วยังเล็งไปรอบๆด้านอย่างเร็ว ในมือของฟางเหยียน ปรากฏเป็นจานคำนวณปากว้าขึ้นมา
จานคำนวณปากว้านั้นค่อยๆ ล้อมร่างกายของเขาเอาไว้ กรวดก็เริ่มกระจายออก จากรวมตัวกันจนกระจายออกไป
วินาทีถัดมา ทันใดนั้นสองมือของฟางเหยียนผลักออกไปอย่างแรง กรวดกระจายตัว ฟางเหยียนลอยหายไปจากทัศนวิสัยของผู้คน เดิมทียังสามารถมองเห็นเขาได้ แต่แค่ระยะเวลาเพียงหนึ่งวินาทีเท่านั้น ก็ไม่เห็นเขาแล้ว
คนที่อยู่ชั้นสองล้วนหวาดผวา ใช้ปืนจ่อไปหาเขาโดยทั่ว แต่กรวดได้ลอยมาถึงด้านหน้าของพวกเขาแล้ว กรวดพวกนั้นมีลักษณะเหมือนกับดวงตา ลอยเข้าไปในคอหายของผู้คนหลากหลาย ทำให้คนที่ถูกโจมตีกระอักเลือดและตายคาที่่
คนพวกนั้นที่ถือปืนยืนอยู่ชั้นสอง ไม่มีแม้กระทั่งโอกาสได้ยิงปืน ก็ตายไปเกินครึ่งแล้ว
พลังของกรวดนั้นราวกับจะแข็งแกร่งกว่ากระสุนเสียอีก กระสุนยิงเข้าไป อย่างน้อยก็ยังมีโอกาสให้หายใจบ้าง แต่ถ้าถูกกรวดโจมตีเข้าไป แม้แต่โอกาสจะหายใจยังไม่มี ตายคาที่โดยตรง!
ความเร็วของกรวดเร็วมาก ไม่รู้ว่าเร็วกว่ากระสุนกี่เท่าตัว ดังนั้นตอนที่กรวดลอยมา มันมาด้วยพลัง ด้วยความเร็ว ทะลุร่างกายของคนไป ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเลย
คนที่เหลือ ล้วนหวาดผวาทั้งหมด ถือปืนหาเป้าหมายไปทั่ว สอดส่องสายตาไปรอบๆ
ในห้องโถงแห่งนี้ เห็นเพียงเงาที่สลัวๆ
อย่าว่าแต่คนพวกนั้นเลย แม้แต่อู๋หมิงเองก็มองจนตาลาย
อู๋หมิงที่เดิมทีไม่สนใจใครเมื่อเห็นวิชานี้ เห็นความเร็วนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะยืดตัวตรง เพ่งมองไปยังคนที่ฆ่า
เขายืนที่ทางเดิน ไม่ขยับไปไหน เหมือนกำลังรอให้คนพวกนั้นลั่นไก คนพวกนั้นที่ถือปืนไว้ล้วนหวาดผวา แต่ล่ะคนต่างยกปืนในมือขึ้นจ่อไปที่ฟางเหยียน ยังไม่ทันลั่นไก จู่ๆร่างกายนั้นก็วับไป
เร็วมาก แม้ความเร็วของกระสุนจะเร็วเช่นกัน แต่เมื่ออยู่ตรงหน้าของคนนี้ ไม่ควรค่าแก่การกล่าวถึงเลย
จากนั้น เห็นฟางเหยียนฆ่าฟิ่วๆๆที่ชั้นสอง เขาสีหน้าเต็มไปด้วยความเย็นชา เปลี่ยนฝ่ามือเป็นดาบ ฟับๆๆลงไปตายไปหนึ่ง ฟับๆๆลงไป ได้ตายไปอีกกลุ่ม!เขาฆ่าสวะพวกนั้นเหมือนปีศาจนรกอย่างไรอย่างนั้น แข็งแกร่งมาก เร็วมาก ไม่มีใครที่สามารถต้านทานการโจมตีของเขาได้เลยสักคน
ไม่นาน คนที่ถือปืนอยู่ชั้นสองล้วนล้มลงกับพื้น มีบางส่วนลอยลงมาจากชั้นสอง เลือดไหลตามทางเดินลงมา ต็อกๆๆๆ เมื่อได้ฟังแล้วเหมือนกับเสียงของสายฝน
จากนั้นฟางเหยียนลอยลงมาจากชั้นสอง เหยียบลงไปที่พื้นอย่างแรง ขณะนี้เงาของเขาได้กลายเป็นปีศาจมากยิ่งขึ้น พวกคนที่ถืออาวุธแหลมคมก็อดไม่ได้ที่จะถอยหลังไป
บนใบหน้าของฟางเหยียนมีเม็ดเหงื่อเล็กๆไหลออกมา เพราะตอนอยู่ที่เมืองจินโจวเขาฆ่าคนมากขนาดนั้น ตอนขามาก็ได้วิ่งมาระยะหนึ่ง ทำให้ร่างกายค่อนข้างล้า เหงื่อเริ่มไหลออกมา เขาไม่ใช่เทพเจ้า เขาเป็นคนธรรมดา เหนื่อยเป็น
แต่นี่ไม่สำคัญ นี่เป็นเพียงการเริ่มต้นเท่านั้น วันนี้สำนักไร้หน้าต้องพังพินาศ!
เขาไม่ได้เป็นคนที่ใจอ่อน ตอนฆ่าศัตรูในสนามรบ ไม่เคยปล่อยศัตรูไปเลยสักคน ตอนนี้สำนักไร้หน้าได้เข้าร่วมกับเพลิงเสวนแล้ว องค์กรนี้ไม่ควรมีอยู่อีกต่อไป นี่ถือเป็นของขวัญชิ้นใหญ่ที่ฟางเหยียนมอบให้กับเพลิงเสวน!
ฟางเหยียนยืนอยู่บนพื้น ไม่พูดไม่จา เพียงแต่จ้องอู๋หมิงอย่างไม่ละสายตา อู๋หมิงไม่กล้าใช้สายตายโสโอหังแบบเมื่อกี๊มองเขาอีกแล้ว กลับกัน สายตาคู่นั้นได้เปลี่ยนเป็นสงสัยขึ้นมา
และแล้ว ฟางเหยียนก็ขยับตัว คนพวกนั้นที่ถืออาวุธแหลมคมยังไม่ทันได้ขยับ เขาก็ได้เคลื่อนตัวเข้าไปที่คนพวกนั้นแล้ว เพียงแค่ความเร็วเพียงพอ เร็วถึงขั้นที่สายตาของคนปกติมองไม่เห็น ฆาตกรคนนั้นก็จะเหมือนกับการล้วงของในกระเป๋า ฟางเหยียนทำได้แล้ว เดิมทีก็เป็นความสามารถพิเศษของเขาอยู่แล้ว นี่มัน ฟิ่วๆๆผ่านหมู่คนนับไม่ถ้วนเลยไม่ใช่เหรอ
ในสายตาของเขาทุกคนก็เป็นแค่ตุ๊กตาที่กำลังยืนแล้วโดนฟันก็เท่านั้น ยิ่งใหญ่กว่าคนธรรมดาแล้วยังไง?จะตายไม่ได้งั้นเหรอ?
สามนาทีผ่านไป ในห้องโถงมีเสียงร้องห่มร้องไห้อย่างผีสาง แว็บเดียวในตำหนักของสำนักไร้หน้าเหมือนกับแดนชำระบนโลกมนุษย์ เขาไม่เหลือใครไว้เลย ฆ่าๆๆไปทั่วสารทิศ ฆ่าจนไม่เหลืออะไรไว้เลย
สำนักเจ็ดพิฆาต เดิมทีต้องสังหารทั้งหมด ฆ่าฟันทุกอย่าง!เมื่อมีคนที่ต้องถูกฆ่า ฟางเหยียนจะปล่อยไปได้อย่างไรกัน!
และแล้ว ห้านาทีผ่านไป ในห้องโถงเงียบสงัดลง ไม่มีใครส่งเสียงอีก เพราะทุกคนที่อยู่ในห้องโถงตายหมดแล้ว ในห้องโถงกลายเป็นลำธารเลือด เดิมทีที่นี่เป็นแดนเซียนของโลกมนุษย์ได้กลายเป็นแดนชำระบาปไปแล้ว
สังหาร เป็นการล้างแค้นที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับเพลิงเสวน!พวกที่คิดว่าตัวเองถูกตลอดเวลาวพวกนั้นคิดว่าจะควบคุมตัวเองได้?พวกเขาเป็นใคร?ก็เป็นแค่พวกชั้นต่ำที่หลบซ่อนอยู่ในที่ลับก็แค่นั้น
คนหลายพันคนได้ตายไปแล้ว ใช้เวลาเพียงแค่ไม่กี่นาทีเขาก็สังหารคนได้เป็นพันเกือบหมื่น ทุกคนที่อยู่ในห้องโถงต่างมองอย่างตะลึง แม้แต่อู๋หมิงที่ถูกคนเรียกว่าพระราชา ผู้สูงส่งยังตกใจสุดๆ
ต่อให้เป็นเขาเอง เกรงว่าก็ไม่มั่นใจว่าจะฆ่าคนมากขนาดนั้นได้ในเวลาอันสั้นแบบนั้นได้ คนนี้อยู่เหนือความคาดหมายของเขา เมื่อเห็นบนพื้นระเกะระกะ แล้วยังมีศพที่ยังเลือดไหลอยู่ มันช่างน่าขนลุกซู่จริงๆ นี่มันอะไรกัน นี่เป็นฉากที่ไม่สามารถอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้ การฆ่าคนสำหรับเขาแล้วเหมือนเป็นศิลปะอย่างหนึ่ง!
สีหน้าของฟางเหยียนยิ่งอยู่ยิ่งบูดบึ้งขึ้น เขาสบตากับอู๋หมิงอย่างไม่ละสายตาไปหลายวินาที จากนั้นก็กล่าวอย่างเย็นชาว่า “นี่ เป็นจุดจบของการที่ยั่วโมโหเมียของฉัน!พวกแกไม่ควรแตะต้องเธอ”