จอมนักรบทรงเกียรติยศ - บทที่ 470 พลังมหาศาลสะท้านฟ้าดิน
สายตาของอู๋หมิงหรี่จนเป็นตะเข็บ จากนั้นได้กล่าวว่า “ใครจะเป็นคนตาย ตอนนี้ยังไม่รู้เลยนะ!”
ฟางเหยียนกล่าวอย่างมั่นใจว่า “ตั้งแต่วินาทีนั้นที่แกบีบคั้นลุงเย่ของฉันจนตาย และพยายามเอาชนะเมียของฉัน แกก็ได้เป็นคนตายคนหนึ่งแล้วล่ะ!ชีวิตของแกฝากไว้กับร่างกายเปลือกนอกนี้ชั่วขณะเท่านั้น”
“แก จะเป็นของขวัญแรกที่ฉันจะมอบให้กับเพลิงเสวน!”
พูดจบ จู่ๆในมือของฟางเหยียนก็มีพลังเพิ่มมากขึ้น หอกทองเกิดการสั่นสะเทือนขึ้น
อู๋หมิงตาลุกโต เขารีบขยับหอกทองที่อยู่ในมือ จากนั้นเอาหอกทองเก็บกลับมา หลังจากที่เขาถอยหลังไปหลายก้าวแล้วใช้ด้ามของหอกทองกระแทกเข้ากับพื้น จึงจะยืนอย่างมั่นคงได้
ฟางเหยียนจ้องอู๋หมิง ถึงแม้เขาคือเจ้าสำนักของสำนักไร้หน้า แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าฟางเหยียนก็งั้นๆแหละ ฟางเหยียนไม่กล้าพูดว่ามีความสามารถที่จะทำลายล้างฟ้าดินได้จริง แต่ถ้าทำลายล้างสำนักไร้หน้า เขากลับไม่ใส่ใจเลยแม้แต่น้อย
ถ้าแม้แต่สำนักไร้หน้ายังกำจัดไม่ได้ แล้วตนจะงัดข้อกับเพลิงเสวนอำนาจที่อยู่เบื้องหลังได้อย่างไรกัน!
อู๋หมิงก็ใช้แววตาประหลาดใจสุดๆมองฟางเหยียน เขาเริ่มรู้สึกไม่ค่อยสงบแล้ว เหมือนว่าจะหาจุดอ่อนในตัวของชายคนนี้ไม่ได้เลยแม้แต่นิดเดียว ความยิ่งใหญ่ของหนุ่มคนนี้ค่อนข้างเหนือความคาดหมายของเขา แข็งแกร่งมากกว่าที่เขาคิดไว้มาก
ตอนนี้ ทำได้เพียงใช้ความรุนแรงเท่านั้น ถ้าต่อสู้กับเขาช้าๆไม่ชนะแน่ๆ
เมื่อนึกถึงจุดนี้ อู๋หมิงชูหอกทองที่อยู่ในมือสะบัดไปมา จากนั้นเขากระโดดขึ้นสูง แล้วทิ่มหอกทองจากที่สูงลงมา เมื่อหอกทองทะลุเข้าไปในพื้น ปลายของหอกทองสว่างขึ้นมาทันใด
วินาทีถัดมา จู่ๆท้องฟ้าเปลี่ยนสี ท้องฟ้าเดิมทีสว่างแจ่มใสแผ่กว้างจู่ๆก็เต็มไปด้วยเมฆดำ แล้วยังมีเสียงฟ้าร้องเป็นพักๆ ฟางเหยียนถอยหลังอย่างไม่ตั้งใจ จ้องไปที่ปลายของหอกทองกล่าวอย่างพึมพำว่า “เคล็ดฟ้าผ่า!”
นี่ก็คือเคล็ดฟ้าผ่า สามารถเรียกลมเรียกฟ้าผ่าได้ เห็นได้น้อยมากในโลกภายนอก มีเพียงยอดฝีมือตัดขาดจากโลกภายนอกจึงจะมีฝีมือที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ได้ การเรียกลมเรียกฟ้าผ่านี้ไม่เหมือนกับเพลงดาบมังกรเขียวของตระกูลหม่า เพลงดาบมังกรเขียวคือทำให้ลมเมฆบนหัวของวิชาดาบเปลี่ยนสี แต่เคล็ดฟ้าผ่านี้จะทำให้ท้องฟ้าทั้งหมดเปลี่ยนสี แพร่ออกเป็นวงกว้าง อัตราการปกคลุมเป็นร้อยเท่าของเพลงดาบมังกรเขียว
อู๋หมิงถือหอกทอง แล้วกล่าวอย่างภูมิใจว่า “ถือว่าแกยังมีวิสัยทัศน์อยู่บ้าง รู้ว่านี่คือเคล็ดฟ้าผ่า!”
“ตูม!” จู่ๆด้านนอกก็มีเสียงดังสนั่น เป็นเสียงฟ้าร้อง ราวกับว่าเสียงร้องนี้อยู่บนหลังคาของสำนักไร้หน้า จากนั้นก็มีลำแสงผ่าลงมาจากฟ้าสู้ห้องโถง แสงผ่าลงมาที่หอกทองพอดี ทันใดนั้นหอกทองก็กลายเป็นสีทองประกายวิบวับ
อู๋หมิงกระชากหอกทองมา แล้วชูขึ้นที่สูง และตัวเขาก็ลอยขึ้น
เขาคำรามออกมาอย่างผยองว่า “ทำลายล้าง!”
เสียงอันบ้าคลั่งดังขึ้น จากนั้นก็ตามด้วยเสียงฟ้าร้อง เคล็ดฟ้าผ่าอันรุนแรงนี้โจมตีไปยังตำแหน่งของฟางเหยียนอย่างรุนแรงด้วยพลังมหาศาลสะท้านฟ้าดิน จู่ๆหอกทองนี้เหมือนกับมีพลังเพิ่มขึ้นเป็นสิบเท่าตัว พุ่งลงจากด้านบนโจมตีไปที่ฟางเหยียน
เสียงดังสนั่น พื้นทะลุลงไป จากนั้น ชี่ได้จู่โจมไปที่ตำแหน่งของฟางเหยียน ที่ๆชี่ไปถึง พื้นจะแตกกระจัดกระจาย ไม่นาน พื้นได้มีช่องทางแตกกระจายที่ยาวยี่สิบกว่าเมตร ชี่ของหอกทองบีบจนฟางเหยียนไร้ซึ่งทางหนี เห็นได้ถึงพลังของหอกทองของผู้ชายนั้นมีพลังขนาดไหน และแข็งแกร่งขนาดไหน!
ฟางเหยียนทำอะไรไม่ได้ ทำได้เพียงยกมือทั้งสองข้างมาตั้งรับการจู่โจมของหอกทองของอู๋หมิง
แต่ พลังของหอกทองมีมากไป แล้วยังมีพลังมหาศาลสะท้านฟ้าดินอีกด้วย เป็นพลังที่คนต้านทานไว้ไม่อยู่ ต่อให้ฟางเหยียนแข็งแกร่ง ก็แข็งแกร่งไม่เท่าฟ้า และปฐพีแห่งนี้ พลังมหาศาลสะท้านฟ้าดินนี้บีบจนฟางเหยียนคุกเข่าลงไปกับพื้นโดยตรง!
ที่ๆเขาคุกเข่า คุกเข่าจนเกิดเป็นรูโดยตรง!
พลังของหอกทองนั้นยังคงเพิ่มขึ้น ความกดดันก็ยังคงทวีขึ้น ฟางเหยียนดันทุรังทุกวิถีทาง แต่ร่างกายค่อยๆถูกดูดลงด้านล่างช้าๆ พื้นดินพังแล้ว พังเพราะกำลังภายในที่เขาของเขาบีบอัด
อู๋หมิงหน้าตาเย็นชา เขากัดฟัน แล้วกล่าวอย่างชัดเจนว่า “เวลาตายของแก มาถึงแล้ว!”
จากนั้น จู่ๆร่างกายของอู๋หมิงก็มีความมืดสีดำปรากฏออกมามากมาย ความมืดนี้อยู่รอบๆฟางเหยียน ในความมืดนี้ ยังผสมปนเปของมีสิ่งมีชีวิตที่มองไม่เห็นอยู่ด้วย
สิ่งเหล่านี้เหมือนกำลังอ้าปากกัดร่างกายของตน ราวกับพวกมันจะกลืนกินร่างกายของตนเข้าไป
เมื่อเห็นเหตุการณ์นี้ อู๋หมิงหัวเราะอย่างบ้าคลั่งออกมา “ยังไงแกก็ต้องตายด้วยน้ำมือของฉัน ฉันบอกแล้ว ไม่มีใครเป็นปฏิปักษ์กับสำนักไร้หน้าของเราได้ ใครก็ไม่ได้ ต่อให้เป็นเทพเจ้า ก็ไม่ได้เช่นกัน!”
ไม่นาน การหัวเราะอันบ้าคลั่งของอู๋หมิงก็ชะงักลง เพราะเขาพบว่าร่างกายของตนที่ปล่อยพลังกลืนกินออกมานั้นเหมือนกับค่อยๆสลายไป เขาหน้าถอดสี แล้วถาม “เกิดอะไรขึ้น?เป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร?”
ฟางเหยียนดูแคลนเหอะๆ “แกคิดว่าเลือดของฉันเป็นสิ่งที่สัตว์เดรัจฉานดูดกินได้?วิชาการกลืนกินของแกยังอ่อนไปนะ ต่อให้ฉันเอาเลือดของฉันให้พวกมันกิน พวกมันยังไม่กล้ากินเลย!”
“หรือ…แกคือ แกก็คือ…” อู่หมิงนึกอะไรออก แต่ไม่ได้พูดต่อ เพียงแต่พูดกับฟางเหยียนที่เสียเปรียบว่า “แกคิดว่าตอนนี้แกดิ้นรนได้มั้ย?ยังไงแกก็ต้องตายด้วยน้ำมือของฉัน”
“ฟ้าร้อง!ฟ้าผ่า!”อู๋หมิงเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าแล้วตะโกน จากนั้นมีเสียงฟ้าร้องอย่างทำลายล้างดังขึ้นอีกครั้ง ต่อมาก็ฟ้าผ่าไปที่หอกทอง พลังของหอกทองแข็งแกร่งมากขึ้นไปอีก!
และแล้วฟางเหยียนก็ยังต้านทานพลังอันล้ำเลิศนี้ไม่ไหว เขาถอยไป แล้วไปหลบอยู่อีกฝ่าย หอกทองโจมตีไปบนพื้นอย่างหนักหน่วง พื้นพังแล้ว แตกออกเป็นรูขนาดใหญ่ ทะลุไปยังคุกใต้ดินโดยตรง
ฟางเหยียนถูกชี่ของหอกทองโจมตีเข้าไปที่แขน เกิดเป็นปากแผลสีแดงขึ้นมา เขาอดไม่ได้ที่จะยกแขนขึ้นมาดู เลือดยังคงไหลออกมา เมื่อเห็นเลือดที่แขน จู่ๆเขาก็รู้สึกมีสิ่งอะไรบางอย่างออกมาจากหัวใจ
“พูว์!” กระอักเลือดลงบนพื้น ฟางเหยียนรู้สึกใจเต้น เหมือนมีของแทงเข้าไปที่หน้าอก ไม่ได้การแล้ว โรคเก่ากำเริบ เมื่อกี๊ตนใช้ร่างกายของตัวเองต้านทานพลังมหาศาลสะท้านฟ้าดินไว้ ในร่างกายของตนมีบาดแผลอยู่ ที่สุดแล้วตนก็ยังประมาทเกินไป เชื่อมั่นในความสามารถของตัวเองเกินไป
ถ้าร่างกายสมบูรณ์ แค่พลังมหาศาลสะท้านฟ้าดินนี้ จะทำอะไรตนได้?
แต่ยังไงตนก็มีบาดแผลในร่างกาย เขาดูถูกความสามารถของอู๋หมิงเกินไป เขาดูถูกศัตรูเกินไป นี่เป็นครั้งหนึ่งที่เสียรู้!
เมื่อเห็นฟางเหยียนกระอักเลือด อู๋หมิงก็เงยหน้าอย่างไม่รู้ตัว แล้วกล่าวอย่างภูมิใจว่า “แกคิดว่าร่างกายของแกจะต้านทานกับพลังมหาศาลสะท้านฟ้าดินของฉันได้เหรอ?ไอ้เด็กน้อย ปฏิเสธไม่ได้ว่าฝีมือแกแข็งแกร่งมาก แต่แกต้องตาย และนี่คือความจริง!”