จอมนักรบทรงเกียรติยศ - บทที่ 492 หยางซง เจ้าเจ็ดตระกูลหยาง
ความจริงฉินเข่อไม่ค่อยชอบเอาความสัมพันธ์ของตระกูลลุงใหญ่มาพูดสักเท่าไหร่ แต่เมื่อเจอกับคนเลวทรามแบบนี้ เธอต้องใช้ไม้แข็ง
“ผมไม่แจ้งความก็ได้นะ ดูพฤติกรรมของคุณก็แล้วกัน ถ้าคุณขอโทษผมอย่างจริงใจ ผมสามารถคิดทบทวนปล่อยคุณไปได้นะ” อาจารย์วัยรุ่นเริ่มโอหังขึ้นมา แววตาก็อดที่จะมองไปที่ร่างกายของฉินเข่อไม่ได้
การขอโทษที่เขาว่านั้นไม่ใช่การขอโทษธรรมดา สิ่งที่เขาต้องการคือสิ่งนั้นที่ยากจะเอ่ยออกมา ส่วนสิ่งนี้นะเหรอ ทุกคนเข้าใจอยู่!
ฉินเข่อดูแคลน แล้วกล่าว “เดิมทีฉันก็แค่อยากจะหาคุณเพื่อรู้เกี่ยวกับศาสตราจารย์คนนั้น ฉันไม่คาดคิดว่าแป๊บเดียวคุณก็จะแยกเขี้ยวของตัวเองออกมาแล้ว ฉันล่ะเศร้าโศกแทนผู้หญิงของมหาลัยแห่งนี้ที่ถูกคุณทำร้ายเสียจริงๆ”
“คุณหมายความว่ายังไง?” อาจารย์วัยรุ่นเอียงหัวถาม
“ปัง!” จู่ๆ ประตูของห้องทำงานถูกถีบออก มีชายที่สูงใหญ่ รูปร่างกำยำเดินเข้ามาจากด้านนอก ด้านหลังของเขายังติดตามมาด้วยรปภ. อีกทั้งผู้บริหารของมหาลัยหลายคน ทุกคนต่างพากันยับยั้งคนนั้น แต่ไม่มีใครกล้าไปห้ามเขาข้างหน้า ล้วนยับยั้งเขาด้วยปากเปล่าว่าอย่าวู่วาม
ผู้ชายลักษณะกำยำล่ำสัน อายุยี่สิบเจ็ดยี่สิบแปดปี ใส่ชุดสูททั้งตัว ผิวค่อนข้างดำ แต่นี่ไม่ได้บดบังออร่าความเป็นชนชั้นสูงที่มีในตัวของเขาเลย หลังจากที่เดินเข้ามาแล้ว เขาสีหน้าเกรี้ยวกราด มองไปแล้วท่าทางโมโหสุดๆ แววตาคู่นั้นของเขาจ้องไปที่อาจารย์วัยรุ่นคนนั้นอย่างไม่ละสายตา เหมือนกับจะกลืนกินเขาทั้งเป็นก็มิปราณ!
อาจารย์วัยรุ่นตกใจกับการถีบประตู เขาหันไปมองวัยรุ่นอันกำยำคนนี้ตรงหน้าอย่างมึนงง จากนั้นได้เลื่อนสายตามองไปที่คณบดี แม้แต่อธิการบดีก็สีหน้าจำใจ เห็นได้เลยว่าคนนี้เก่งกาจมากขนาดไหน เขากลืนน้ำลาย แล้วถาม “อธิการบดี นี่มันอะไรกันเนี่ย? คนนี้เป็นใครกัน?”
อธิการบดีมองอาจารย์วัยรุ่นอย่างหน้าเสีย นัยน์ตามีความโกรธที่พูดออกมาไม่ได้ เขาพูดกับอาจารย์วัยรุ่นว่า “นี่คือลูกชายคนเล็กของท่านหยางดินแดนตะวันตกของเรา หยางซง! คุณชายหยาง”
“คุณชายหยาง!” อาจารย์วัยรุ่นพูดอย่างพึมพำออกมา
เขาอยากรู้มากว่าทำไมจู่ๆคุณชายหยางถึงได้ปรากฏกายที่ห้องทำงาน นี่คือห้องทำงานของคณะของพวกเขา
“พี่ชาย!” ในตอนที่อาจารย์วัยรุ่นยังคิดไม่ตกอยู่นั้น จู่ๆฉินเข่อก็ตะโกนใส่หยางซง เสียงนี้ทำเอาอาจารย์วัยรุ่นสั่นไปทั้งตัว เดิมทีตอนที่ได้ยินคุณชายหยางการเรียกขานนี้เขาก็รู้สึกตัวชาแล้ว ตอนนี้ฉินเข่อเรียกเขาพี่ขาย ยังต้องพูดอีกเหรอ เขามาเพื่อฉินเข่อไงล่ะ
เมื่อนึกถึงจุดนี้ เขากลืนน้ำลายอย่างไม่รู้ตัว มองไปที่ฉินเข่อ แล้วมองคนที่ชื่อหยางซงนั้น
อาจารย์วัยรุ่นไม่รู้ว่าฉินเข่อเป็นใคร แต่เขารู้ว่าตระกูลหยางทำอะไร ตระกูลหยางเป็นตระกูลใหญ่ของดินแดนตะวันตก ครอบครัวรวยมาก ว่ากันว่าที่ดินแดนตะวันตกนี้ มีธุรกิจมากมายล้วนเป็นของตระกูลพวกเขา รวมทั้งการก่อสร้างบางส่วนของมหาลัย ล้วนเกี่ยวพันกับตระกูลหยาง ตอนประชุม อธิการบดีเคยได้พูดไว้
เมื่อกี๊ตัวเองทำอะไรลงไปเนี่ย ยั่วใครไม่ยั่ว ดันไปยั่วโมโหคนที่มีความสัมพันธ์กับตระกูลหยาง
ตระกูลหยางไม่ใช่ใครจะแตะต้องได้ บางครั้งมีปัญหายั่วโมโหได้ แต่ไม่มีปัญหาเอาชีวิตเข้าแลกนี่แหละ ถ้าตระกูลหยางคิดจะบี้คนแบบเขาให้ตาย ก็ง่ายมาก เขามั่วมากไปแล้ว มั่วสุดๆ
ถ้าจะโทษก็ต้องโทษฉินเข่อ จะตีสนิทกับตนทำไม อยู่ก็สวยขนาดนั้น ครอบครัวมีเงินแท้ๆ แล้วยังจงใจแต่งตัวธรรมดาอย่างนั้นอีก ยังไงอาจารย์วัยรุ่นก็ไม่คาดคิดว่าฉินเข่อจะมีความสัมพันธ์กับตระกูลหยาง
ขณะที่ในหัวของเขาเต็มไปด้วยความวุ่นวายอยู่นั้น หยางซงถามอย่างบ้าคลั่งว่า “แกพาน้องสาวของฉันมาที่ห้องทำงานทำไม?”
หยางซงก้าวไปข้างหน้าอย่างหงุดหงิด กระชากคอเสื้อของอาจารย์วัยรุ่นทันใด
เมื่ออาจารย์วัยรุ่นเห็นท่าทีนี้ ก็ลุกลี้ลุกลน รีบกล่าวอย่างอ้ำๆอึ้งๆว่า “คือ ผม ผมกับนักศึกษาฉินเข่อกำลังหารือกันในเรื่องการเรียนอยู่ครับ ไม่งั้นถามเธอ ถามเธอเองครับ!”
“เรื่องการเรียน? งั้นพวกแกพูดอะไรแจ้งความไม่แจ้งความ! หา! มึงแม่งคิดจะทำอะไรวะ?” ตอนที่กำลังพูด อาจารย์วัยรุ่นได้ถูกหยางซงผลักไปติดกำแพงแล้ว แล้วยังมีเสียงของความดุดันสุดๆอีกด้วย ทำเอาอาจารย์วัยรุ่นตกใจจนไม่กล้าหายใจกันเลยทีเดียว แทบจะกลั้นหายใจ ทำเอาขี้ขลาดกันเลยทีเดียว
“พี่ชาย!” ฉินเข่อรีบไปข้างหน้าลากมือของหยางซงไว้ มองอาจารย์วัยรุ่นที่ตกใจจนหน้าซีด แล้วกล่าว “ช่างเถอะ พี่ชาย!”
หยางซงหันกลับมามองฉินเข่อ ขมวดคิ้วแล้วกล่าว “ช่างมัน รังแกน้องสาวของฉัน จะช่างมันอย่างนั้นได้อย่างไรกัน เข่อเข่อ พี่บอกแกตั้งนานแล้ว ว่าเกิดอะไรขึ้นต้องบอกพี่ ถ้าไม่ใช่ว่าวันนี้พี่มามหาลัยเอง แกก็จะไม่บอกพี่ว่ามีปัญหาใช่มั้ย พี่เป็นพี่ชายของแกนะ ใครแม่งกล้าแตะต้องแก ก็คือไม่ให้เกียรติหยางซง”
“พอแล้ว พี่! พี่อย่าทำแบบนั้นเลยนะ” ฉินเข่อมองอธิการบดีอีกทั้งรปภ.ที่ยืนอยู่ที่ประตู แล้วรีบกล่าวว่า “ความจริงฉันก็ไม่ได้เป็นอะไรนะ พอประมาณก็พอแล้ว พวกเราไปกันเถอะ!”
พูดพลาง ฉินเข่อลากแขนของหยางซงออกจากห้องทำงาน เมื่อมาถึงประตู หยางซงยังคงชี้ไปที่อาจารย์วัยรุ่นอย่างโมโหไม่หายแล้วกล่าว “ฝากไว้ก่อนนะมึง กูไม่จบกับมึงแน่!”
ความจริงฉินเข่อแค่อยากสั่งสอนอาจารย์วัยรุ่นคนนั้นเล็กน้อย ยังไม่ถึงขั้นจะเล่นงานเขาจริงๆจังๆ ถ้าเล่นงานจริงๆ เกรงว่าแม้แต่ชีวิตเขาก็จะรักษาไว้ไม่ได้ วิธีการจัดการของหยางซง เธอไม่ใช่ไม่รู้
หลังจากที่หยางซงและฉินเข่อไปจากห้องทำงานแล้ว อธิการบดีจ้องอาจารย์วัยรุ่นแล้วถาม “เรื่องนี้ คุณว่ามาว่าจะจัดการยังไง? ยังไงคุณก็อยู่ที่มหาลัยของเราไม่ได้อีกแล้ว!”
“หา!” อาจารย์วัยรุ่นกลืนน้ำลาย แล้วกล่าว “อธิการบดีครับ ได้โปรดช่วยผมด้วย ผมต้องอาศัยงานนี้นะครับ ถ้าผมต้องเสียเงินนี้ไป ต่อไปผมจะมีชีวิตอยู่ได้อย่างไรครับ! คุณเห็นแก่การที่ผมเป็นบัณฑิตวิจัยดีเด่น…”
“พอแล้ว! เขียนคำร้องโยกย้าย อย่ามาร้องห่มร้องไห้กับผม คุณอ้อนวอนผมก็ไร้ประโยชน์ ใครให้คุณยั่วโมโหตระกูลหยางล่ะ ผมจะบอกกับเบื้องบน โยกย้ายคุณไปในที่ไกลๆ ที่ๆทุรกันดารที่สุดไปเป็นครูชนบท หลังจากที่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมแล้ว ค่อยว่ากัน!” พูดจบ อธิการบดีถอนหายใจ เดินออกจากห้องทำงานไปอย่างไม่สบายใจ เหลือเพียงอาจารย์วัยรุ่นที่ตกใจอ้าปากค้างไว้คนเดียว คำพูดที่ว่าค่อยว่ากันก็คือไม่มีทางอื่น นั่นก็หมายความว่าต่อไปเขาทำได้เพียงสอนหนังสือในที่ๆไกลที่สุดแล้ว
เดินมาถึงลานกีฬาของมหาลัย หยางซงเดินมาอย่างโมโหสุดๆ ฉินเข่ออยู่ข้างๆเขา ลากแขนของเขาแล้วพูดดีๆว่า “เอาหน่า พี่ชาย ฉันไม่ได้ตั้งใจจะทำแบบนั้น ฉันรับรองว่าถ้าครั้งหน้ามีปัญหา จะบอกพี่แน่นอน ฉันบอกพี่แน่นอน”
ความจริงหยางซงรักฉินเข่อที่สุด เพราะทั้งสองอายุต่างกันไม่มาก ตั้งแต่เรียนประถมหยางซงก็รับผิดชอบปกป้องฉินเข่อ พูดได้ว่า ฉินเข่อโตมา ด้วยการปกป้องจากหยางซง
เพราะมีหยางซงอยู่ ฉินเข่อไม่เคยเสียเปรียบเลยแม้แต่นิดเดียว ไม่เคยมีใครกล้ารังแกเธอ!