จอมนักรบทรงเกียรติยศ - บทที่ 494 หยางกง
บนรถแท็กซี่ ฟางเหยียนได้สอบถามเรื่องเกี่ยวกับนายท่านตระกูลหยางแล้ว คนขับรถบอกว่าท่านหยางเป็นมิตรกับประชาชนมาก ใช้ประโยคเดียวมาอธิบายได้ว่า ไม่เคยเห็นคนมีเงินที่ใกล้ชิดประชาชนขนาดนี้ เขาทำดีกับผู้คนเป็นการทำดีจริงๆ ไม่ใช่เพื่อชื่อเสียงและผลประโยชน์ และไม่ต้องการการตอบแทน ตอนนี้สองคนนี้ก็พูดแบบนั้น งั้นดูๆแล้วท่านหยางคนนี้น่าจะเป็นคนที่ไม่เลวคนหนึ่งเลยล่ะ
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือพวกเขาเรียกนายท่านตระกูลหยางไม่ใช่เรียกว่าท่านหยาง แต่เรียกว่าหยางกง!การที่คนหนึ่งถูกเรียกแบบนี้ ต้องทำเรื่องดีๆเอาไว้มาก และเอาชนะใจใครหลายๆคนไว้แน่นอน
ทุกคนต่างรู้กัน ว่ารสนิยมของฝูงชนยากที่จะปรับเปลี่ยนได้ ไม่มีใครสามารถทำให้ฝูงชนทั้งหมดพึงพอใจ และทำให้ฝูงชนทุกคนชื่นชม แต่นายท่านตระกูลหยางกลับได้รับความเคารพจากฝูงชนแบบนี้ เห็นได้ชัดว่าเขาทำให้คนผู้คนเลื่อมใสได้ขนาดไหน
คนแบบนี้จะแย่งผู้หญิง?และครอบงำกิจการของคนอื่นเหรอ?
ไม่แน่นอน!ฟางเหยียนไม่ใช่ไอ้โง่ เขามีการตัดสินใจของตัวเอง
ถูกฝูงชนเรียกว่ากงได้ จะต้องเป็นคนดีแน่นอน!เปาเจิ่งในปีนั้น เป่าชิงเทียนก็ไม่ใช่ถูกเรียกว่าเปากงเหมือนกันเหรอ นั่นก็เพราะเขาเที่ยงตรงเป็นธรรม ทำอะไรไม่ไว้หน้าใคร ดังนั้นจึงถูกเรียกว่าเปากง!
ตระกูลหยางทำดีจนถูกเรียกว่าหยางกงแล้ว เพียงพอที่จะแสดงให้เห็นว่าเขาไม่ใช่คนเลว แต่เป็นคนจิตใจงามที่ใช้คุณงามความดีเข้าแลก!
หรือเรื่องพวกนั้นที่เสี่ยวหงพูดกับเทียนขุยไม่จริงงั้นเหรอ?หรือเสี่ยวหงเข้าใจอะไรหยางกงผิดไป หรือท่านหยางคนนี้ตั้งใจเสแสร้งแสดงออกมา ทำให้ตัวเองมีเสียงวิจารณ์ที่ดีอย่างหาที่เปรียบมิได้ แต่ความจริงแล้วยังทำเรื่องที่บอกใครไม่ได้ลับๆไว้ด้วย ความเป็นไปได้แต่ล่ะอย่าง ล้วนมีความเป็นไปได้ทั้งนั้น
เมื่อนึกถึงจุดนี้ ฟางเหยียนอดที่จะฉุกคิดไม่ได้ มีสองแนวคิด อันแรก เทียนขุยถูกเสี่ยวหงหลอกแล้ว เป้าหมายของเสี่ยวหงก็คือหลอกลวงความใจบุญของเทียนขุย ให้เขากลายเป็นท่าไม้ตายอย่างหนึ่งในมือของตัวเอง บางทีพวกเขาได้ดำเนินการฆ่าท่านหยางแล้ว แต่ไม่สำเร็จ ทั้งสองจึงถูกจับไว้
อันที่สอง ท่านหยางเป็นคนที่เที่ยงตรงเป็นธรรม ทำเพื่อประเทศชาติและประชาชนที่คนพวกนั้นกล่าวไว้ไม่ใช่เหรอ ที่เขาทำแบบนั้นก็เพื่อปกปิดความผิดอะไรบางอย่าง นี่ก็เป็นหนึ่งในความเป็นไปได้เช่นกัน เพราะคนแบบนี้มีจำนวนไม่น้อย!
ไม่ว่าจะแบบไหน การหายตัวไปของเทียนขุยนั้นแน่นอนแล้ว เป้าหมายที่เขามาที่นี่คือมาหาเทียนขุย!ถ้าเขาเจอหลักฐานอะไร แล้วพบว่าเทียนขุยถูกเขาจับตัวไป เขาก็จะพังตระกูลหยางโดยไม่ลังเลใดๆ
ในตอนที่เขาตัดสินใจแน่วแน่แล้ว มีโทรศัพท์โทรเข้ามา เขาหยิบมือถือขึ้นมาดู แล้วรับสาย ปลายสายส่งเสียงที่ค่อนข้างให้เกียรติออกมา “จอมพลโผ้จวินครับ คนที่ท่านให้ผมสำรวจ ผมหาเจอแล้วนะครับ”
“ว่ามา!” ฟางเหยียนถามอย่างตรงไปตรงมา นี่คือผู้ใต้บังคับบัญชาที่สืบข่าวของสำนักเจ็ดพิฆาตของเขา คนที่มีข้อมูลของทุกคนในมือ สิ่งที่คนอื่นรู้ และไม่รู้เขารู้หมด พูดได้ว่ากุมความลับของคนมากมายไว้ ก็เพราะกุมความลับของคนมากมาย ก็เหมือนกับกุมความเป็นความตายของคนไว้เหมือนกัน ด้วยเหตุนี้เองทุกคนจึงเรียกเขา ว่ายมราช
“จอมพลโผ้จวิน ผู้นำตระกูลของตระกูลหยางชื่อหยางจิ่งเซียน เขาเกิดที่…”
เมื่อพูดถึงจุดนี้ ฟางเหยียนขัดจังหวะคำพูดของเขา “เอาประเด็นหลัก เขาคนนี้เป็นคนยังไง?”
“ครับ!” ปลายสายตอบรับ แล้วกล่าว “คนนี้เป็นคนที่ทำความดี ทำการกุศล!เมื่อสิบปีก่อนบริจาคให้กับประเทศไปยี่สิบกว่าล้าน ปีที่แล้วบริจาคให้ประเทศ… แล้วยังสร้างโรงเรียนไว้มากมาย เขาสร้างโรงเรียนจะสร้างที่สถานที่ทุรกันดารจริงๆเท่านั้น ไม่เคยทำอะไรเสแสร้ง และหลายๆเรื่องก็ต่างลงมือทำด้วยตัวเอง อีกอย่าง เขามีชื่อเสียงที่ดีในดินแดนตะวันตก เป็นพวกที่ทำเรื่องดีแล้วไม่ค่อยชอบใส่ชื่อ ถือได้ว่าเป็นคนดีจริงๆ ที่ดินแดนตะวันตก เขาถูกขนานนามว่าหยางกง!”
ถ้าแม้แต่ยมราชยังบอกว่าท่านหยางเป็นคนดี งั้นก็ต้องไม่ใช่คนเลวแล้วล่ะ ในมือของยมราชกุม“สมุดบันทึกการเกิดการตาย”ของทุกคนไว้ ไม่มีทางผิดพลาดแน่นอน อีกอย่าง ท่านหยางเป็นบุคคลของสาธารณะ ไม่ยากที่จะหาข้อมูล
เมื่อเห็นฟางเหยียนไม่พูดอะไร ปลายสายพูดต่ออีกแล้ว “จอมพลโผ้จวิน ความจริงท่านตัดสินเขาคนนี้ได้จากลูกชายทั้งเจ็ดคนของหยางจิ่งเซียนก็ได้นะครับ ลูกชายทั้งเจ็ดคนของหยางจิ่งเซียนล้วนโดดเด่น และยังมีลูกชายสามคนเป็นทหารอยู่ในกองทัพ การอบรมสั่งสอนแบบนี้ไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะทำได้นะครับ นี่ก็เพียงพอที่จะแสดงให้เห็นแล้วว่ากฎเกณฑ์ของคนนี้มีมากขนาดไหน”
“อืม รู้แล้ว!” ฟางเหยียนตอบกลับ จากนั้นก็วางสายไป
หลังจากที่วางมือถือไป ในหัวของเขาเริ่มคิดวกวนไปมา คนที่มีหลักการแบบนี้จะครอบงำกิจการของคนอื่นได้อย่างไรกัน หยางจิ่งเซียนไม่มีปัญหา นั่นก็แสดงว่าเสี่ยวหงมีปัญหาแล้วล่ะ
จะต้องเป็นฝั่งเสี่ยวหงนั่นแหละที่มีปัญหา ตอนนี้ยังตัดสินไม่ได้ว่าเสี่ยวหงเป็นคนยังไง รอดูอย่างเงียบๆ
เมื่อนึกถึงจุดนี้ เขาจึงเริ่มทานข้าว กองทัพต้องเดินด้วยท้อง คนจะไม่ทานข้าวเลยก็ไม่ได้ป่ะ ตอนนี้ไม่ใช่เวลาทำสงคราม ถ้าเป็นเวลาทำสงคราม เขาสามารถฆ่าศัตรูเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์โดยไม่ทานอาหารได้
ในตอนที่เขากำลังทานข้าวอยู่นั้น สองคนที่อยู่โต๊ะข้างๆเริ่มคุยกันถึงเรื่องที่แปลกใหม่ขึ้นมา
“อ้อ แกได้ยินเรื่องใหญ่ที่เกิดขึ้นในดินแดนตะวันตกของเราวันนี้แล้วยัง?”
“ไม่รู้เลย เรื่องอะไรอะ?”
“เฮ้อ สนามบินถูกปิดไปแล้ว นึกไม่ถึงว่าแกจะไม่รู้!ฉันจะเล่าให้ฉัน ได้ยินมาว่ามีบุคคลที่เก่งกาจมากมาที่ดินแดนตะวันตกของเรา คุณชายโจวชื่อเจี๋ยของตระกูลโจวได้ปิดทั้งสนามบินเพื่อรับเข้าแล้ว”
“บุคคลที่เก่งกาจมาก?เก่งขนาดไหนกันอะ?คนนั้นทำอะไร นึกไม่ถึงว่าจะเชิญตระกูลโจวได้”
“ไม่ใช่เชิญนะ ตระกูลโจวไปประจบประแจงต่างหาก!แกคิดดู ตระกูลโจวอยู่ที่ดินแดนตะวันตกมาหลายสิบปีแล้ว ไม่เคลื่อนไหวใดๆ และไม่เห็นพวกเขาทำอะไรด้วย ไม่มีกรุ๊ปใดๆที่ดินแดนตะวันตกของเราเลย มีเพียงอย่างเดียวก็คือสมาคมธุรกิจที่เล็กๆแห่งหนึ่ง แต่แค่สมาคมธุรกิจเล็กๆนี้ ทำให้พวกเขามีเงินใช้อย่างมหาศาล ที่ตระกูลโจวขึ้นแท่นตระกูลใหญ่อันดับหนึ่งของดินแดนตะวันตกได้ ทำให้คนไม่เข้าใจเลยจริงๆ แต่จากการกระทำครั้งนี้ของพวกเขา ฉันก็ถือว่ารู้เสียที ว่าพวกเขาพึ่งความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้น ฉันได้ยินมาว่าคนใหญ่คนโตที่มาดินแดนตะวันตก ไม่ธรรมดาเลยนะ เหมือนว่าจะมาจากกองทัพ”
ตระกูลโจว ฟางเหยียนเคยทำความเข้าใจมาบ้าง ครั้งที่แล้วหวังชิงชิงเคยพูดไว้ ว่านี่เป็นตระกูลนินจา ในเมื่อเป็นตระกูลนินจา ก็จะมีทรัพย์สินที่มหาศาล พวกเขาเพียงแค่เป็นพันธมิตรที่ดีกับใต้หล้าก็สำเร็จแล้วไม่ใช่เหรอ
ส่วนการที่ปิดสนามบินเพื่อต้อนรับคนที่มาจากกองทัพ อันนี้ฟางเหยียนไม่รู้แล้ว กองทัพของประเทศหวาล้วนอยู่ในความดูแลของเขา ส่วนใครจะคบกับตระกูลโจว ฟางเหยียนไม่สนใจอยากจะรู้
หลังจากที่เขาทานข้าวไปได้ประมาณสิบนาที มือถือดังขึ้นอีกครั้ง เขาหยิบมือถือขึ้นมาดู ในจอไม่ได้ขึ้นชื่อ แต่เป็นเบอร์ที่คุ้นเคย
ฟางเหยียนลังเลไปสักพัก แล้วกดรับสาย