จอมนักรบทรงเกียรติยศ - บทที่ 502 เปลวไฟทะยาน
เดิมที่ฉาดนี้โจวเจิ้งจะตบหวังชิงชิง แต่ผู้จัดการคนนี้เข้ามาได้จังหวะพอดี นี่ เป็นการกระโดดเข้ากองไฟเองชัดๆ ทำให้โจวเจิ้งเอาความโกรธทั้งหมดที่มีตบลงไปที่หน้าของเขา
โจวเจิ้งชี้ผู้ชายคนนั้น แล้วเตือนว่า “ฉาดนี้ตบแกที่ไม่ดูตาม้าตาเรือ ขัดจังหวะการพูดของฉัน”
หลังจากพูดจบ เขาจ้องผู้จัดการแล้วย้อนถามว่า “ทำไม? แกคิดว่าฉันจะกลัวหยางจิ่งเซียน? ไม่พูดฉันจะมาที่นี่เพื่อหาเรื่องหรือไม่ แม้ฉันจะมาก่อความวุ่นวายที่นี่ แกคิดว่าฉันจะกลัวเขา?”
ผู้จัดการหนุ่มลูบหน้าแก้มที่ถูกตบ แม้จะเจ็บอย่างปวดแสบปวดร้อน แต่เขารู้ว่าคนที่อยู่ตรงหน้าเขายั่วโมโหไม่ได้ ด้วยเหตุนี้เองทำได้เพียงอดทนกับความขมขื่น แล้วกล่าวด้วยสีหน้าลำบากใจว่า “ผมก็ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นครับ คุณชายโจว คุณก็พูดมาสิครับมาใครที่อยู่ที่นี่ยั่วโมโหคุณ! คุณก็เรียกมา พวกเราจะทำคล้อยตามคุณ จัดการตามคุณแน่นอนครับ”
“ใช่พนักงานหน้าฟร้อนท์มั้ยครับ?” ชายหนุ่มมองโจวเจิ้งพลางถามอย่างระมัดระวัง
โจวเจิ้งดูแคลนออกมา ยกมือขึ้นมาวางบนตัวของพนักงาน แล้วกล่าว “ถือว่าแกรับผิดชอบต่อหน้าที่ ได้ ในเมื่อเป็นแบบนี้ ฉันจะให้โอกาสแกหนึ่งครั้ง หาคนที่ฟางเหยียนให้ฉัน บอกฉันว่ามันพักที่ไหน ฉันจะไปหามันเอง! แล้วฉันจะไม่ไปวุ่นวายถึงหยางกงของพวกแก เข้าใจ?”
เมื่อได้ยินฟางเหยียนชื่อนี้ หวังชิงชิงหวาดผวา มือทั้งสองข้างของเขาลากแขนของโจวเจิ้งอย่างแรง แล้วกล่าว “โจวเจิ้ง แกจะทำอะไร? มีอะไรเรากลับไปคุยกันไม่ได้เลยงั้นเหรอ? จำเป็นต้องหาเรื่องที่นี่?”
“เหอะๆ!” โจวเจิ้งรู้สึกน่าขำจากใจจริง เขาจ้องหวางชิงชิงกล่าว “กลับไปคุยกัน? หาเรื่อง? แกคิดว่าฉันโจวเจิ้งเป็นไอ้โง่หรือไง? หวังชิงชิงฉันจะบอกให้นะ วันนี้ถ้าไอ้นั่นไม่ตาย เรื่องนี้ก็ไม่จบ!”
“แก น่าจะเข้าใจว่าฉันกำลังพูดอะไรอยู่นะ!” โจวเจิ้งกล่าวอย่างเย็นชา ความยึดมั่นที่อยู่นัยน์ตาไม่มีทางสั่นคลอนได้!
พูดจบ โจวเจิ้งหันไปมองผู้จัดการคนนั้น เห็นผู้จัดการยังไม่ขยับใดๆ เขากำลังเตรียมจะพูด หวังชิงชิงปล่อยมือนั้นที่จับโจวเจิ้งออก แล้วผลักโจวเจิ้งไป
แว็บเดียว ทำให้ร่างกายของโจวเจิ้งถอยหลังรัวๆไปหลายก้าว หลังจากที่เขาตั้งหลักได้แล้ว ก็ชะงักไป แล้วถาม “มึงแม่งจะทำอะไรวะ?”
หวังชิงชิงสีหน้าเปลี่ยนไป แสดงด้านของหญิงแกร่งของตัวเองออกมา แล้วกล่าวอย่างเด็ดขาดว่า “กลับบ้าน มีอะไรกลับไปคุยกัน!”
หวังชิงชิงรู้ดีมาก ถ้าเดี๋ยวฟางเหยียนรู้ความเคลื่อนไหวของด้านล่าง เขาต้องระงับอารมณ์ไว้ไม่อยู่แน่ๆ ถึงแม้จะใช้ชีวิตกับฟางเหยียนไม่ถึงกับนาน แต่เธอรู้ดีถึงสไตล์การทำงานของฟางเหยียน นั่นไม่ใช่คุณชายที่อารมณ์ดีคนหนึ่งเลยล่ะ
โจวเจิ้งจ้องแววตาของหวังชิงชิง เมื่อเห็นสีหน้าโกรธของหวังชิงชิง จู่ๆเขาก็ยกมือขึ้นมาจับคอหอยของเธอไว้ แล้วกล่าว “บ้านอะต้องกลับแน่อยู่แล้ว แต่ก่อนอื่นฉันต้องฆ่ามันก่อน! อย่าคิดว่าฉันกำลังล้อเล่นกับแกอยู่ ฉันโจวเจิ้งไม่ชอบพูดล้อเล่น”
หลังจากพูดจบ เขาปล่อยมือไป จากนั้นก็จับแขนของหวังชิงชิง ใช้แรงลากเธอไปที่ตน หลังจากที่เข้าถึงตัวเขาแล้ว เขาเข้าใกล้หวังชิงชิงแล้วดม หวังชิงชิงตัวสั่นกับการกระทำนี้ เธอดิ้นพลางพูดว่า “แกจะทำอะไร! ปล่อยฉันนะ”
โจวเจิ้งไม่สน เอาแต่กอดเธอไว้แน่นๆ หลังจากที่สูดดมอย่างลึกๆที่ตัวของเธอแล้ว เขากล่าวดูแคลนออกมาว่า “บนร่างกายของแกมีกลิ่นของคนอื่นแล้ว แกคิดว่าฉันไม่รู้เหรอว่าพวกแกทำอะไรข้างบนนั้น?”
โจวเจิ้งก็รู้ที่จะรักษาเกียรติของตัวเองไว้ ตอนพูดจงใจกดเสียงให้เบา หวังจิงจิงควบคุมตัวเองไม่อยู่แล้ว สิ่งที่หญิงสาวแคร์มากที่สุดก็คือชื่อเสียงของตัวเอง หวังชิงชิงเป็นผู้หญิงที่ค่อนข้างดั้งเดิมอนุรักษนิยม ให้ความสำคัญกับชื่อเสียงของตัวเองยิ่งกว่า ถึงแม้เธอจะมีความคิดที่ว่าถ้าฟางเหยียนอยากได้ก็จะให้แบบนั้น แต่ฟางเหยียนไม่เคยมีความคิดแบบนี้มาก่อน ทั้งสองเป็นผู้บริสุทธิ์
เธอส่ายหน้าอย่างบ้าคลั่งสุดกำลังแล้วกล่าว “บ้า แกไอ้บ้า ฉันไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้น แกกล้าดียังไงมาสงสัยฉัน ฉันว่าแกอะมันบ้าไปแล้ว”
เพื่อควบคุมการที่หวังชิงชิงจะก่อเรื่องอีก โจวเจิ้งได้พูดกับลูกน้องว่า “มา ลากเธอออกไป!”
เมื่อได้รับคำสั่ง ชายสวมชุดสูทสองคนรีบเดินมา คว้าแขนของหวังชิงชิงทันใด แล้วกล่าว “คุณนายครับ ขออนุญาตนะครับ!” พูดจบ ทั้งสองใช้แรงลากหวังชิงชิงไปอีกที่
หวังชิงชิงดิ้นพลางพูดว่า “ไม่ พวกแกจะทำอะไร?นี่ พวกแกทำฉันเจ็บแล้วนะ ทำฉันเจ็บแล้ว!”
“นี่!” โจวเจิ้งหน้าถอดสี ชักตาใส่สองคนนั้น แล้วตะคอก “พวกแกทำอะไร?ฉันให้พวกแกลากไป ไม่ได้ให้แกทำให้เธอเจ็บนะเว่ย!ถ้าทำเธอเป็นแผล ฉันจะฆ่าพวกแก!”
ท้ายที่สุด โจวเจิ้งก็ยังปกป้องหวังชิงชิงมากอยู่ดี อย่างน้อยเขาก็ไม่ให้ลูกน้อยทำร้ายเธอ หวังชิงชิงคือผู้หญิงของเขา ต่อให้ใช้ไม่ได้ยังไงก็ไม่ถึงทีที่ลูกน้องจะทำร้ายเธอ ลูกน้อยมีสิทธิ์อะไรทำร้ายหวังชิงชิง
“ว่ามา!ไอนั่นพักที่ไหน?ฉันจะไปหามันเดี๋ยวนี้!” หลังจากที่โจวเจิ้งพูดกับลูกน้องทั้งสองคนเสร็จ หัวข้อสนทนาได้กลับไปที่ผู้จัดการคนนั้นอีกครั้ง
สีหน้าของผู้จัดการเปลี่ยนไปเล็กน้อย บางทีเขาไม่คาดคิดว่าหัวเรื่องสนทนาจะกลับมาที่เขาเร็วขนาดนั้น หลังจากลังเลไปสักพัก เขาจึงพูดว่า “คุณชายโจว คุณก็รู้ สถานะของลูกค้าเป็นความลับ พวกเราคือโรงแรมใหญ่ที่มีแบบแผน ไม่สามารถเปิดเผยความลับของลูกค้าได้ ยิ่งไม่สามารถรบกวนการพักผ่อนของลูกค้าได้เข้าไปใหญ่ มีเรื่องอะไรรอพรุ่งนี้แขกคืนห้องแล้วค่อยหาเขาได้มั้ย?คุณท่านของพวกเราเคยพูดไว้ ไม่ว่าแขกคนไหนมาถึงโรงแรม ล้วนได้รับการปกป้องด้วยกันทั้งนั้น”
“เพี่ยะ!” เพิ่งพูดจบ โจวเจิ้งยกมือขึ้นตบหน้าของผู้จัดการอย่างไม่ลังเลใดๆ ผู้จัดการรีบหันหน้ามาดูโจวเจิ้ง โจวเจิ้งไม่พูดพร่ำทำเพลงยกมือขึ้นมาตบอย่างรุนแรงไปอีกครั้ง
ฉาดนี้ตบจนฟันในปากของผู้จัดการหลุดไปโดยตรง เลือดที่มุมปากก็ไหลตามออกมา ร่างกายของเขาถอยหลังไปหลายก้าวรัวๆ เกือบจะล้มลงกับพื้น
ยังไงโจวเจิ้งก็เป็นนินจา เมื่อลงมาก็ต้องมือหนักกว่าคนธรรมดามาก พลังก็มากกว่าคนธรรมดาไม่น้อย
ตบผ่านไปสามฉาด ใบหน้าของผู้จัดการเปลี่ยนเป็นสีแดง นอกจากที่ๆเป็นรอยนิ้วมือเป็นสีแดงเลือดหมู จุดอื่นล้วนเป็นสีแดง
ครั้งนี้ผู้จัดการไม่ได้เงยหน้ามองโจวเจิ้งแล้ว เพราะถ้าเงยหน้ามองอีก โจวเจิ้งต้องตบเขาอีกครั้งเป็นแน่ คุณชายใหญ่ที่โอหังคนนี้ขึ้นชื่อเรื่องความรุนแรง จุดนี้ใครๆก็รู้
เขาเห็นผู้จัดการไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมา ก็ดูแคลนกล่าวว่า “มึงคิดว่าตัวเองเจ๋งแล้ว?กูพูดถึงขนาดนี้แล้ว มึงแม่งยังจะยืนหยัดอีก มึงคิดว่ากูกำลังล้อเล่นกับมึงอยู่เหรอ?มึงคิดว่าตระกูลหยางจะทำผิดกับกูเพราะแขก?แหกตาหมาของมึงดูให้ชัดเจน กูเป็นใคร!”
“เข้ามา!