จอมนักรบทรงเกียรติยศ - บทที่ 510 ประกาศศึก
เมื่อก่อนตระกูลโจวในสายตาของหวังชิงชิงสูงส่งที่สุด เมื่อพูดถึงตระกูลโจวเธอหวาดกลัวอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ แต่ตอนนี้ นึกไม่ถึงว่าเธอจะกล้าพูดคำพูดแบบนี้ต่อโจวเจิ้งได้ นี่ทำให้คนคาดไม่ถึง
โจวเจิ้งชะงักไป แล้วถาม “มึงหมายความว่าไง?หรือมึงคิดว่ามันเป็นที่พึ่งของมึงได้งั้นเหรอ?”
หวังชิงชิงดูแคลนต่อ ไม่พูดอะไร โจวเจิ้งกลับกล่าวอย่างยิ่งอารมณ์เสียมากขึ้นไปอีกว่า “งั้นมึงเชื่อมั้ยว่ากูจะฆ่ามันก่อน หวังชิงชิง มึงคงไม่คิดว่าตระกูลโจวของเรากลัวมันหรอกนะ?กูก็แค่เคยรับปากมึง ไม่ฆ่ามันก็เท่านั้น”
หวังชิงชิงยังคงไม่พูดอะไร กุมมือไว้ต่อ มองไปด้านหน้าด้วยใบหน้าเย็นชา
โจวเจิ้งกัดฟัน พยักหน้ารัวๆแล้วกล่าว “ได้ ได้ มึงรอได้เลย รอดูว่ากูจะจัดการกับมันยังไง”
——
เจียงตู ตระกูลฟาง
ฟางจินหยวนนั่งตำแหน่งระดับสูงที่สุดในห้องประชุม ในห้องประชุมเต็มไปด้วยผู้คน นอกจากลูกชายของฟางจินหยวน ยังมีผู้ดูแลโดดเด่นภายในบริษัทบางส่วน และถือเป็นเพื่อนเก่าที่อาวุโส
“ท่านฟาง สัปดาห์นี้อสังหาริมทรัพย์ไห่เฟิงขาดทุนถึงห้าร้อยล้าน!”
“ฟางซื่อกรุ๊ปที่ชายแดนภาคเหนือสัปดาห์นี้ขาดทุนถึงสามร้อยล้าน!”
“หุ้นของฟางซื่อสัปดาห์นี้ลงอย่างหนัก ทำให้พลเมืองต่างพากันสงสัยสถานะของตระกูลฟาง!นี่เป็นครั้งแรกในรอบสิบปี คาดว่าจะขาดทุนถึงพันล้าน!”
“…”
เมื่อได้ยินตัวเลขเหล่านี้ สีหน้าของฟางจินหยวนเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมมาก จากนั้น เขาส่งเสียงไอออกมาเป็นพักๆอย่างรุนแรง เหล่าโจวพ่อบ้านที่ยืนอยู่ข้างๆรีบเข้าไปลูบหลังให้ฟางจินหยวน แล้วถามอย่างปลอบใจว่า “คุณท่าน ไม่เป็นไรใช่มั้ยครับ?”
ฟางจินหยวนหายใจแรงโบกมือแล้วกล่าว “ไม่เป็นไร ฉันไม่เป็นไร!”
หลังจากพูดจบ บนใบหน้าของเขาแสยะยิ้มออกมาอย่างสงบมาก มองไปยังคนพวกนั้นที่กำลังนั่งประชุมด้วยสายตาเป็นมิตร คนพวกนี้อายุไม่เท่ากัน มีคนที่แก่กว่า และมีคนที่อ่อนกว่า คนสูงอายุคือผู้อาวุโส ส่วนหนุ่มสาวก็คือคนรุ่นหลัง เกิดทีหลัง
จู่ๆฟางจินหยวนยืนขึ้นมาอย่างช้าๆ สูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วกล่าวอย่างสงบว่า “ตระกูลฟางของฉันผ่านร้อนผ่านหนาวมาเป็นหลายร้อยปี เจอกับเรื่องเล็กๆใหญ่ๆมามาก เคยมีคนคิดจะทำลายตระกูลฟาง ใช้วิธีต่ำช้าต่างๆนานาทำลายตระกูลฟาง แต่ต่อมา ตระกูลฟางของฉันก็ยังคงพัฒนาอย่างมั่นคงมาได้เช่นเคย ถึงรุ่นของฉัน เป็นรุ่นที่เจ็ดแล้ว เจ้าแห่งวงการของตระกูลฟางไม่เคยสั่นคลอนมาก่อน เมื่อก่อนไม่ ตอนนี้ไม่ อนาคตยิ่งไม่เข้าไปอีก”
“ตระกูลฟางของฉันไม่กลัวปัญหา แต่กลัวว่าจะไม่มีคนหาเรื่อง!วันนี้มีคนกล้าออกมาหาเรื่อง แสดงว่ากำลังหยั่งเชิงอำนาจของตระกูลฟางว่ายังมีอยู่หรือไม่ ถ้าไม่มีแล้ว ก็จะเข้ามาโจมตี นี่เป็นการจู่โจมที่ดีมากอย่างหนึ่ง พวกเราก็สามารถฉวยโอกาสนี้บอกพวกมัน ว่าตระกูลฟางของเราไม่เคยกลัวใครอยู่แล้ว อำนาจของตระกูลฟางยังคงมีอยู่เช่นเคย”
คำพูดทุกคำของฟางจินหยวนล้วนพูดอย่างฉะฉาน ทำให้คนที่นั่งอยู่ทุกคนอกผายไหล่ผึ่ง ส่งสายตานับถือให้เขา ความกล้าหาญของตระกูลใหญ่อันดับหนึ่ง นี่เป็นความกล้าหาญทั้งหมดของตระกูลใหญ่อันดับหนึ่งแห่งเจียงตู นี่คือฟางจินหยวน และเป็นตัวแทนอันสูงส่งที่สุดของตระกูลฟาง เมื่ออยู่ต่อหน้าฟางเหยียน เพื่ออนาคตของตระกูลฟาง เขาสามารถก้มหน้า ถึงขั้นคุกเข่า ร้องไห้ แต่เมื่อต้องเผชิญกับการมีคนคุกคามอำนาจตระกูลฟาง เขาไม่มีทางให้อภัยง่ายๆ
“ก๊อกๆๆ!” ในขณะเดียวกันนี้ ประตูของห้องประชุมได้ถูกเคาะดังขึ้น
ฟางจินหยวนส่งสัญญาณมือให้คนเปิดประตู เหล่าโจวเดินไปเปิดประตูห้อง ฟางเหมี่ยวเดินเข้ามาจากด้านนอกแล้วกล่าว “คุณปู่ครับ ถามมาเรียบร้อยแล้วครับ คนของแก๊งซินหงทำครับ?เจียวเบียวลูกพี่ของแก๊งซินหงสั่งการ ให้พี่น้องของแต่ละสาขาของแก๊งซินหงเล่นงานกิจการทั้งหมดของตระกูลฟางของเรา ไม่ว่าจะเป็นคู่ค้าของตระกูลฟางของเรา หรืออุตสาหกรรมของตระกูลฟางล้วนถูกพวกมันคุกคามอย่างแตกต่างกันออกไป โดยสรุปตอนนี้เพียงแค่เป็นธุรกิจที่ข้องเกี่ยวกับตระกูลฟางของเรา ล้วนขาดทุนทั้งหมด”
เมื่อได้ยินคำพูดของฟางเหมี่ยว สายตาของฟางจินหยวนหรี่เป็นตะเข็บ เขาเหอะออกมา แล้วบ่นพึมพำว่า “แก๊งซินหง?”
ฟางเหมี่ยวพูดต่อไปว่า “ใช่ครับ ก็คือแก๊งซินหง”
หลังจากที่ยืนยันอีกครั้งแล้ว คนจำนวนไม่น้อยในห้องทำงานล้วนอ้าปากอย่างตกใจ ครั้งแรกคิดว่าฟังผิด ครั้งนี้เป็นการยืนยัน ครั้งนี้ไม่มีทางฟังผิดแล้ว ก็คือแก๊งซินหงเล่นงานตระกูลฟาง
แก๊งซินหง ใครไม่รู้บ้างว่าเป็นองค์กรใต้ดินที่ใหญ่ที่สุดของประเทศหวา พื้นที่ที่พวกเขาแทรกซึมเข้าไปไม่เพียงแค่ประเทศหวาเท่านั้น ตอนนี้ได้แทรกซึมเข้าไปทั้งโลก พลังของพวกเขา พูดได้ว่าไม่น้อยไปกว่าตระกูลฟางเลย
“เสี่ยวเหมี่ยว แกมั่นใจมั้ยว่าเป็นฝีมือของแก๊งซินหง?” ฟางไห่เซิงมองฟางเหมี่ยวอย่างค่อนข้างตกใจแล้วถาม
ฟางเหมี่ยวมองฟางไห่เซิง พยักหน้าอย่างแรงแล้วกล่าว “ไม่ผิดครับ แก๊งซินหงเป็นคนทำ เรื่องนี้ผมรบกวนเพื่อนให้ถามคนของแก๊งซินหงให้ ทางนั้นบอกว่าได้รับคำสั่งจากเบื้องบนจึงได้ลงมือ ไม่งั้นก็ไม่กล้าทำอะไรตระกูลฟาง”
ฟางไห่เซิงมองไปที่ฟางจินหยวน ฟางจินหยวนไม่ได้พูดอะไร เพียงแต่สีหน้าดูไม่ดี ฟางไห่ถางถามอย่างไม่เข้าใจว่า “ทำไมแก๊งซินหงต้องเล่นงานตระกูลฟางของเรา พวกเรากับแก๊งซินหงต่างคนต่างอยู่มาตลอดนี่หน่า”
ฟางเหมี่ยวเงียบไปสักพัก เขามองไปที่ฟางจินหยวนอย่างระวัง ไม่ค่อยกล้าเอ่ยปากสักเท่าไหร่ ฟางไห่เซิงเห็นดังนั้น จึงได้ถามว่า “แกทำอะไร?ลุงสามของแกถามแกอยู่นะ ทำไมแก๊งซินหงต้องเล่นงานตระกูลฟางของเรา?”
ฟางเหมี่ยวได้ลังเลไปอีกสักพัก จากนั้นจึงรวบรวมความกล้าแล้วกล่าว “ผมรู้มาจากปากของพวกมัน ว่ากันว่าน้องเหยียนไปทำลายอำนาจที่เมืองจินโจวของพวกมัน แล้วยังฆ่าศิษย์ของคนที่ชื่อกู่ซู๋ ดังนั้นแก๊งซินหงจึงได้เล่นงานพวกเราตระกูลฟาง”
พูดจบ ฟางเหมี่ยวได้ก้มหน้าไป ด้วยใบหน้าละอายใจ
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ฟางจินหยวนเงยหน้ามองฟางเหมี่ยวอย่างเร็ว แล้วถาม “แกหมายความว่า เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับน้องเหยียนของแก?”
หน้าของฟางเหมี่ยวก้มหน้าลงไปอีก พยักหน้าแล้วกล่าว “ใช่ครับ ข้อมูลพวกนี้ล้วนได้ยินมาจากปากของพวกมันทั้งนั้นครับ!คุณปู่ พวกมันรู้ว่าน้องเหยียนเป็นคนของตระกูลฟาง พวกมันหาน้องเหยียนไม่เจอ ดังนั้นจึงได้ทำแบบนั้น พวกมันยังพูดอีกว่า เพียงแค่พวกเราส่งน้องเหยียนให้พวกมัน พวกมันก็จะปล่อยตระกูลฟางของเราไป”
“ฮ่าๆๆ!” จู่ๆฟางจินหยวนหัวเราะออกมา เสียงหัวเราะนี้ทำให้ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ล้วนสีหน้างงกันทั้งหมด ทุกคนต่างสบตากัน ไม่รู้ว่าฟางจินหยวนกำลังหัวเราะอะไร
แต่ทุกคนก็ไม่ได้เอ่ยปากถาม เพราะฟางจินหยวนจะพูดออกมาเอง
ผ่านไปสักพัก ฟางจินหยวนหุบยิ้มไป แล้วกล่าว “ทำได้ดี!ในเมื่อพวกมันคิดว่าสามารถเล่นงานตระกูลฟางของเราได้ งั้นตระกูลฟางก็จะเล่นกับพวกมัน!เจ้าใหญ่ ไปบอก ท่านผาง จับคนของแก๊งซินหงที่อยู่ที่เจียงตูให้หมด!นี่ ถือเป็นของขวัญของฉันฟางจินหยวนมอบให้กับแก๊งซินหง”
เมื่อได้ยินดังนี้ ฟางไห่เซิงตาลุกโตขึ้นทันใด แล้วกล่าว “พ่อ ทำแบบนี้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่มั้ง!เพียงแค่พ่อทำแบบนี้ ก็หมายถึงตระกูลฟางของเราประกาศศึกกับแก๊งซินหงแล้วนะ!”
ฟางเหยียนใบหน้าเต็มเปี่ยมด้วยยิ้มแห่งความเชื่อมั่น จากนั้นได้ใช้น้ำเสียงอันเฉลียวฉลาดกล่าว “ฉันก็กำลังประกาศศึกกับมันอยู่ยังไงล่ะ!”