จอมนักรบทรงเกียรติยศ - บทที่ 517 เป็นคนขับรถอีกครั้ง
ฟางเหยียนคืนห้องเรียบร้อยแล้ว เขากำลังนั่งอยู่บนโซฟาที่ประตูของโรงแรมรอการมาของฉินเข่อ ตกลงกันไว้แล้วว่าวันนี้ฉินเข่อมารับเขา วันนี้เป็นวันเกิดของหยางจิ่งเซียน
ขณะนี้พนักงานสองคนจ้องฟางเหยียนซุบซิบนินทา “นี่ไม่ใช่คนนั้นที่เมื่อไม่กี่คืนก่อนทะเลาะกับคุณชายโจวเหรอ?”
“ใช่ เขานั่นแหละ!”
“เขาคืนห้องแล้วเหรอ?”
“คืนแล้ว!”
“คืนห้องแล้วยังจะอยู่ที่นี่ทำไมอีก? คงไม่ใช่กลัวว่าหลังจากออกไปแล้วจะถูกคุณชายโจวจัดการหรอกนะ?”
“เหอะๆ! ต้องเป็นแบบนี้แน่นอน ที่ดินแดนตะวันตกใครบ้างไม่กลัวคุณชายของตระกูลโจว! คืนนั้นเขาอวดเก่ง พอเห็นคุณชายเจ็ดของเรามา ยังตั้งใจก้าวไปข้างหน้าถามผู้หญิงคนนั้นว่ายอมแต่งงานกับเขาจริงๆมั้ยอย่างอาศัยบารมีคนอื่นด้วยนะ”
“แต่แกอย่าว่าไปนะ ฉันคิดว่าเขากล้าอยู่นะ นึกไม่ถึงว่าจะกล้าแย่งผู้หญิงกับคุณชายโจว แล้วเมื่อคืนยังแสดงความกล้าหาญอย่างนั้นอีกด้วย ดูท่าทางของเขาแล้ว เหมือนกับไม่หวาดกลัวคุณชายโจวเลยแม้แต่น้อยนะ”
“แกไม่เข้าใจต่างหากล่ะ เขาเสแสร้ง เมื่ออยู่ต่อหน้าผู้หญิงยังไงก็จะไม่ยอมก้มหัว นี่ก็คือผู้ชายที่ดื้อดึง”
“ก็ใช่ ตอนนี้ก็ไม่ใช่ว่าเผยธาตุแท้ออกมาแล้วเหรอ?นั่นตรงนั้นแม้แต่อารมณ์จะเล่นมือถือยังไม่มีเลย ฉันว่าเขาน่าจะรอให้รถมารับเขาอยู่นะ”
พูดพลาง ผู้หญิงสองคนหัวเราะพลาง
ความจริงฟางเหยียนไม่ค่อยเหมือนกับวัยรุ่นคนอื่นสักเท่าไหร่ วัยรุ่นตอนนี้ไม่ว่านั่งที่ไหนก็ห่างจากมือถือไม่ได้ แต่เขาไม่มีอารมณ์เล่นมือถือ สำหรับเขาแล้ว มือถือใช้โทรและรับสาย
การเล่นมือถือเป็นแค่การเสียเวลาของตัวเองไปก็เท่านั้น!
ในขณะนี้เอง มือถือฟางเหยียนดังขึ้น เขาหยิบมือถือขึ้นมาดู บนหน้าจอขึ้นเป็นสายของฟางจินหยวน เงียบไปสักพัก ฟางเหยียนก็รับสายอย่างไม่พอใจ
ปลายสายส่งเสียงของฟางจินหยวนออกมา “ฮาโหล เสี่ยวเหยียน ฉันเอง”
“มีธุระ?” ฟางเหยียนยังคงท่าทีเย็นชา
ฟางจินหยวนกล่าว “แกไปยั่วคนของแก๊งซินหงหรือเปล่า? ตอนนี้เค้ามาหาเรื่องพวกเราถึงที่แล้ว”
“ใช่!” ฟางเหยียนกล่าวอย่างไม่คิด “ผมว่าคุณคงไม่แค่แก๊งซินหงก็จัดการไม่ได้หรอกนะ?”
ฟางจินหยวนผลายสายชะงักไป หลายวินาทีผ่านไป เขากล่าว “สมแล้วที่เป็นหลานชายของฟางจินหยวน!”
“โทรมามีอะไรรีบพูดมา!” ฟางเหยียนถามอย่างไม่พอใจ เขาไม่มีอารมณ์พูดกับฟางจินหยวนมากมายขนาดนั้น
ฟางจินหยวนก็ไม่พูดเรื่องอื่นต่อ กล่าวอย่างตรงประเด็นว่า “คืองี้ มีคนหนึ่งชื่อกู่ซู๋มาหาแก เธอบอกว่าแกฆ่าศิษย์ของเธอ ชื่ออะไรกู่เฟิงนี่แหละ”
“อ๋อ!” ฟางเหยียนตอบ “คุณให้เธอมาหาผมเองก็ได้แล้ว บอกเธอว่าผมอยู่ดินแดนตะวันตก”
ฟางจินหยวนยังไม่ทันตอบ ฟางเหยียนก็ตัดสายไปโดยตรง เพราะเขาเห็นรถมาแล้ว
ไม่นาน ฉินเข่อได้ลงมาจากรถ เมื่อเห็นดังนี้ ฟางเหยียนก็เดินไปที่ฉินเข่อ
ฉินเข่อเห็นฟางเหยียน ในใจก็เต้นตุบๆ หลังจากที่เธอสูดหายใจเข้าลึกๆสองครั้งแล้ว จิตใจจึงได้สงบลง เธอเปิดประตูเรียกฟางเหยียน “ขอโทษที่ให้รอนะคะ!”
การแต่งกายของฟางเหยียนยังคงไม่เปลี่ยนแปลง ดูๆแล้วไม่มีความแปลกใหม่แม้แต่น้อย แต่เสื้อกันลมเมื่ออยู่บนตัวของเขา ดูๆแล้วหลับให้ความรู้สึกสบาย ดังนั้นจึงไม่ทำให้คนรู้สึกไม่เหมาะสม
“ไม่เป็นไรครับ!” ฟางเหยียนตอบด้วยน้ำเสียงไร้ซึ่งความรู้สึกใดๆ
ขณะนี้ ฟางเหยียนมาถึงข้างรถของฉินเข่อ แล้วถาม “ตอนนี้ ไปได้หรือยัง?”
ฉินเข่อพยักหน้ากล่าว “ไปได้แล้วค่ะ!”
ฟางเหยียนขึ้นไปนั่งบนรถ เขายังคงคุ้นชินกับการนั่งแถวหลังของรถ ที่ออกแบบมาเป็นของเขา ด้านหลังของข้างๆคนขับ นั่นเป็นตำแหน่งที่คุ้นเคยของฟางเหยียน ตอนที่นั่งในรถหงฉี ที่นั่งเฉพาะของเขาก็คือตรงนี้
ตอนที่เพิ่งขึ้นไป เขาเห็นฉินเข่อที่ยืนอยู่นอกประตูไม่ขยับ
เมื่อเห็นเหตุการณ์ ฟางเหยียนถามว่า “เกิดอะไรขึ้นเหรอ?”
ฉินเข่อสะอึกไป แล้วกล่าว “ไม่ควรจะเป็นคุณที่ขับรถหรอกเหรอ?”
ฟางเหยียนชะงักไป เขาคือใคร จอมพลโผ้จวินของประเทศหวา นอกจากครั้งที่แล้วที่เป็นคนขับรถหนึ่งครั้งให้เย่ชิงหยู่ที่เมืองจินโจว เขายังไม่เคยเป็นคนขับรถให้คนที่สองเลย
ในตอนที่เขาคิดแบบนั้น ฉินเข่อถามขึ้นอีกครั้งว่า “อ้อ ยังไม่ถามคุณเลยว่ามีใบขับขี่มั้ย!”
ฟางเหยียนลังเลไปสักพัก พยักหน้าแล้วกล่าว “มีครับ!”
เขามีใบขับขี่จริงๆ และยังเป็นใบขับขี่ที่ระดับสูงสุดอีกด้วย แจกให้ตอนที่อยู่ในกองทัพ
นอกจากเขาจะขับรถเป็นแล้ว ยังสามารถขับรถถัง รถรบได้อีกด้วย!
“งั้น งั้นขับรถคันนี้เป็นมั้ย?” ฉินเข่อถามด้วยน้ำเสียงสั่นๆ คำพูดนี้ค่อนข้างมีความหมายของการดูถูกคน แต่ก็ถามให้แน่ชัดจะดีกว่า เพิ่งพูดจบ เธอได้อธิบายว่า “ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นค่ะ ฉันเพียงแค่อยากยืนยันสักหน่อย”
นี่เป็นรถเบนซ์ไมบัค ฟางเหยียนขับเป็นแน่นอน รถถังก็ขับมาแล้ว แม้แต่รถคันเดียวจะขับไม่เป็นได้อย่างไรกัน เขาพยักหน้าเบาๆแล้วกล่าว “โอเค ผมลองดูครับ”
ที่ตอบรับขับรถ เพราะตอนนี้เขากำลังขอความช่วยเหลือของฉินเข่ออยู่ ในเมื่อคนอื่นเอ่ยปากแล้ว เขาไม่มีทางปฏิเสธอยู่แล้ว เมื่อพูดถึงจุดนี้ เขาได้ลงจากรถ มาที่เบาะคนขับ และฉินเข่อขึ้นที่นั่งข้างคนขับอย่างประหม่าเล็กน้อย
นั่งบนรถ ฟางเหยียนสตาร์ทรถ แล้วขับออกไป
ขณะนี้ พนักงานสองคนนั้นที่เมื่อกี๊พูดถึงฟางเหยียนในโรงแรมสีหน้าปรากฏความสงสัยและความไม่เข้าใจออกมา
“คนนั้นที่เพิ่งมาเมื่อกี๊คือคุณหนูของพวกเรามั้ย?”
ถึงแม้ทุกคนล้วนรับรู้ว่าฉินเข่อคือลูกพี่ลูกน้อง แต่เติบโตมากับตระกูลหยาง ดังนั้นคนที่ทำงานในกิจการของตระกูลหยางเหล่านี้ก็ล้วนยอมรับฉินเข่อเป็นคนของตระกูลหยาง
“ใช่ คุณหนูของเรา!”
“คุณหนูมารับเขา รถที่ขับก็เป็นรถของคุณชายเจ็ด คนนี้มีความสัมพันธ์ดีขนาดนั้นกับคุณชายและคุณหนูของเราตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”
“ดูท่าทางของพวกเขา แกไม่คิดว่าเหมือนแฟนกันหรือไง?”
“…”
ฉินเข่อนั่งข้างๆคนขับอย่างระมัดระวัง กะพริบตา แอบมองฟางเหยียนเป็นครั้งคราว นี่เป็นครั้งแรกที่เธออยู่กับคนนี้ในพื้นที่ๆแคบเล็กแบบนี้ และเป็นครั้งแรกที่อยู่ใกล้กับคนนี้ในสถานการณ์ที่เงียบสงบ
นี่เป็นฆาตกรนะ เขาฆ่าคนนั้น ทำไมยังอยู่ตรงนี้ได้?ความจริงฉินเข่อมีคำถามที่มากมายอยากจะถามฟางเหยียน เช่นศพพวกนั้นที่เขาฆ่าไปไหนหมดแล้ว?ทำไมในนั้นเหมือนไม่มีอะไรเคยเกิดขึ้นมาก่อนเลย
คำถามเยอะมาก เธอไม่รู้ว่าควรเริ่มจากไหนก่อนดีในเวลาอันสั้น หลังจากที่รถออกไปได้สามนาที ฉินเข่ออดที่จะถามคำถามแรกไม่ได้ “วันนั้น ขอบคุณนะ ถ้าไม่ใช่คุณ บางทีฉันอาจจะ…”
“ไม่เป็นไร!นี่เป็นสิ่งที่ผมควรทำ” ฟางเหยียนตอบอย่างสบายๆ
ฉินเข่อกะพริบตาแล้วถามอีก “ศพของวันนั้น ไปไหนหมดแล้ว?ทำไมหลังจากที่พวกเราแจ้งความแล้ว ก็ไม่เห็นศพแล้วล่ะ?”
เพิ่งพูดจบ ฉินเข่อก็ตระหนักได้ถึงอะไรบางอย่าง จึงรีบอธิบายว่า “พวกเราไม่ได้ตั้งใจแจ้งความ เพียงแต่ตอนนั้นน่ากลัวมาก อีกอย่าง พวกเราเห็นศพมากมายขนาดนั้น จะให้ทำเป็นไม่เห็นก็ไม่ได้ป้ะ!”