จอมนักรบทรงเกียรติยศ - บทที่ 523 เสี่ยวหง
ในตอนที่พ่อบ้านไม่รู้จะอธิบายยังไง เสียงผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้นในสวน “ไม่ต้องถามแล้วล่ะ เชิญฉันเข้ามาก็รู้ว่าฉันเป็นใครแล้วไม่ใช่หรอคะ?”
พอเสียงผู้หญิงคนนี้ออกมา ลูกชายทั้งหมดของหยางจิ่งเซียนก็ลุกขึ้น แต่ละคนจับจ้องไปที่ด้านนอกประตูเขม็ง เห็นแต่ผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามาทางห้องโถง เธอคนนี้รูปร่างดีมีเสน่ห์ ดูเซ็กซี่ ใส่ชุดราตรีสีแดง ประดับมงกุฎดอกไม้ ดูแล้วเหมือนหญิงสาวจากยุคโบราณ
เธอเดินนวยนาดเข้ามา ทรวดทรงองค์เอวแช่งช้อย ดูแล้วอายุราวสามสิบกว่า จุดที่ควรนูนก็นูน จุดที่ควรเว้าก็เว้า เดินเข้ามาในห้องโถงตระกูลหยางอย่างไม่เร่งร้อน พึ่งเดินถึงหน้าประตูห้องโถง หยางซงก็เดินเข้ามาถามว่า “คุณเป็นใครน่ะ? ไม่ได้รับเทียบเชิญของตระกูลหยาง ไม่สามารถบุกรุกเข้ามาได้ นี่เป็นกฎของตระกูลหยาง คุณไม่รู้หรอ?”
“เหอะๆ!” หญิงสาวหัวเราะร่วนพลางว่า “บุกรุกตระกูลหยาง? นี่เรียกบุกรุกหรอ? ฉันเคยบอกแล้วไง ฉันมาอวยพรวันเกิดให้เจ้าตระกูลหยาง แบบนี้ก็ไม่ได้หรอ?”
“ไม่ได้! ไม่ได้รับเทียบเชิญถือว่าบุกรุกหมด คุณผู้หญิง ขอเชิญคุณออกไปครับ! ไม่งั้นผมจะเรียกคนมาแล้ว!” หยางซงพูดเสียงดังอย่างมีอำนาจ
เธอแค่นเสียงหึพลางว่า “เรียกคนมา คุณยังคิดว่าตนเองยังเรียกคนมาได้อีกหรอ?”
หยางซงคิ้วขมวดหนักขึ้น หรือว่าเกิดอะไรขึ้น? ทำไมพอผู้หญิงคนนี้เข้ามานานขนาดนี้แล้ว ยังไม่มีใครเข้ามาห้ามอีก! พอคิดถึงตรงนี้ เขาหันตะโกนไปด้านนอกว่า “การ์ด!”
พอพูดเสร็จ เขาก็รู้แล้วว่าผิดปกติ เพราะด้านนอกมีเสียงดังขึ้น จากนั้นก็มีคนเข้ามาสองคน วินาทีต่อมา ชายร่างบึกบึนคนหนึ่งปรากฏสู่สายตาทุกคน ในมือเขายังถือร่างเต็มไปด้วยเลือดสองคน ดูท่าไม่น่ารอดแล้ว!
ผู้ชายคนนี้รูปร่างสูงใหญ่ ใส่ชุดทหารสีกากี ผิวสีบลอนซ์ ใบหน้าของเขาทำให้คนที่พบเห็นด้วยรู้ว่าเขาผ่านร้อนผ่านหนาวมามากมาย แต่กลับไร้ซึ่งอารมณ์ เขาโยนร่างชายสองคนในมือลงพื้น ราวกับโยนไก่สองตัวอย่างง่ายดาย
โยนไปคราวนี้ทำเอาฉินเข่อตกใจสะดุ้ง สมองเธอนึกถึงภาพซากศพเกลื่อนอารามครั้งก่อนนั่น นั่นเป็นรอยเงาในใจเธอ ทำให้เธอหวาดกลัวเอามากๆ!
พอเธอตื่นเต้นขึ้นมา ก็รีบคว้าหมับมือของฟางเหยียนทันที
ฟางเหยียนหันมามองเธอ เธอกลืนน้ำลายเอื๊อกก่อนพูดด้วยสายตาหวาดกลัวว่า “ฉันกลัว!”
“ไม่เป็นไร!” ฟางเหยียนกุมมือน้อยๆของเธอไว้ ปลอบโยนเสียงเรียบไปหนึ่งประโยค จะว่าไปก็แปลก พอฟางเหยียนทำกับพูดแบบนี้ ทำให้ความหวาดกลัวของฉินเข่อเมื่อกี้หายไปทันที
หลังจากโยนสองคนนั้นไปแล้ว ชายร่างบึกบึนก็ก้าวเท้ามายืนด้านหลังผู้หญิงคนนี้ ทุกย่างก้าวของเขาหนักแน่น เดินอย่างเสียงดังเป็นจังหวะ สายตาทุกคนจับจ้องไปที่คนที่พึ่งเข้ามา รวมถึงฟางเหยียนก็จ้องเขาเหมือนกัน นั่นไม่ใช่ใครที่ไหน คือเทียนขุยที่เขากำลังตามหา! เพียงแต่เทียนขุยตรงหน้านี้ดูผิดปกติไป เทียนขุยเหมือนจะโดนควบคุมอยู่
พอหยางซงเห็นฉากนี้ สีหน้าเขาเปลี่ยนทันที เขามองการ์ดสี่คนที่นอนแน่นิ่งไม่ไหวติงบนพื้น เขาเบิกตาโพลงถามว่า “เธอทำอะไรคนของฉันด้านนอก?”
“เหอะๆ!” หญิงสาวหัวเราะร่วน จำต้องยอมรับจริงๆว่า รอยยิ้มนั้นสวยมาก แต่กลับดูแปลกพิกล สายตาของเธอมองสำรวจหยางซงพลางว่า “ฆ่าหมดแล้วไง! แค่ขยะกลุ่มหนึ่งเท่านั้นเอง”
“บังอาจ! มาฆ่าคนที่ตระกูลหยางเรา หล่อนอยากตายใช่ไหม” หยางซงพูด และก้าวขึ้นหน้าหลายก้าว แต่กลับโดนพี่ชายหลายคนของเขาสกัดไว้ หยางซงอายุยังน้อย ค่อนไปทางถนัดใช้อารมณ์ แต่พวกพี่ชายของเขามีความรับผิดชอบพร้อมรับสถานการณ์ได้ วิธีในการจัดการปัญหาของทุกคนล้วนไม่เหมือนเขา
พี่ใหญ่ของหยางซงถามระหว่างที่มองเธอว่า “คุณหนูคนนี้ ขอถามว่านี่มันหมายความว่ายังไง? ตระกูลหยางเราทำอะไรให้คุณไม่พอใจหรือ?”
สีหน้าหญิงสาวเปลี่ยนเป็นเขียวคล้ำอย่างไม่พอใจ สองตาเธอจับจ้องเขม็งที่หยางจิ่งเซียนที่อยู่ด้านหลังทุกคน ฉากนี้ฟางเหยียนเห็นอยู่ในสายตา เธอเห็นนานแล้วว่าหยางจิ่งเซียนสีหน้าเปลี่ยน
นับตั้งแต่วินาทีที่ผู้หญิงคนนี้เดินเข้ามา สีหน้าหยางจิ่งเซียนก็แปรเปลี่ยนราวกับเล่นละครเร็ว
ใครก็ไม่รู้ว่าเรื่องราวมันเป็นยังไง สรุปแล้วหยางจิ่งเซียนรู้แน่ หญิงสาวก็รู้
ผู้หญิงคนนี้ก็คือเสี่ยวหง เธอไม่ได้ชีวิตรันทดอย่างที่เทียนขุยบอก! ตรงกันข้าม เธอจงใจหลอกใช้ความเห็นใจของเทียนชุยมาทำงานให้เธอ ถ้าเสี่ยวหงชีวิตรันทดจริงอย่างที่เธบอก จะหน้าตาแบบนี้ได้หรือ?
เร่ร่อนทุกข์ทรมานมาสองปี ใช้ชีวิตท่ามกลางเหล่าขอทาน ไม่มีทางดูแลผิวพรรณตัวเองได้ แถมเธอยังหน้าตาดีขนาดนี้ ดูก็รู้ว่าจงใจใช้แผนหลอกเอาความเห็นใจของเทียนขุย ฟางเหยียนไม่รู้ว่าเธอใช้วิธีอะไรมาควบคุมเทียนขุย สรุปแล้วผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่ผู้หญิงธรรมดาแน่ สามารถใช้หลักจิตวิทยาควบคุมจิตใจคนได้แบบนี้ เป็นนังงูพิษจริงๆ!
ลองขยายแนวคิดหน่อย หลังจากพวกเขาไปจากหนานหลิง ก็ไม่ได้รีบมาดินแดนตะวันตก แต่มาหลังจากควบคุมเทียนขุยได้แล้ว ถ้าฟางเหยียนเดาไม่ผิดล่ะก็ ตอนนี้เทียนขุยเป็นแค่หุ่นเชิดที่โดนควบคุมสมองไว้หมดแล้ว
แต่มันเป็นแค่การวิเคราะห์ของฟางเหยียนเท่านั้น ทั้งหมดยังต้องปรับเปลี่ยนไปตามสถานการณ์
“หยางจิ่งเซียน หรือว่าคุณไม่ต้อนรับฉันมาที่บ้านนี้หรอ? ฉันมาอวยพรวันเกิดให้คุณนะ” จู่ๆเสียงหญิงสาวก็ดังขึ้น ครั้งนี้เล่นเรียกชื่อเต็มหยางจิ่งเซียนดื้อๆเลย
“เธอนี่ อย่ามาพูดจาอวดดี ชื่อพ่อฉันให้เธอเรียกได้งั้นหรอ? ดูอายุเธอก็ไม่ถึงสามสิบปี พ่อฉันน่ะแก่กว่าเธอสองเท่าได้มั้ง กลับกล้าเรียกชื่อพ่อฉันเต็มๆ” หยางซงชี้หน้าเธอตะคอกอย่างโกรธจัด
ทุกคนในนี้ก็เริ่มไม่พอใจท่าทีเย่อหยิ่งของเธอกันแล้ว!
“เด็กผู้หญิงที่ไหนกัน กล้ามาเรียกชื่อเต็มของหยางกง เธอรู้ไหมว่าหยางกงทำคุณประโยชน์อะไรให้กับดินแดนตะวันตกของเราบ้าง? ไม่เรียกอย่างเคารพก็แย่แล้ว ยังกล้ามาก่อกวนในงานวันเกิดของหยางกงอีก ฉันจะแจ้งความ”
“นั่นสิ คนสมัยนี้ทำเรื่องอะไรไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหม รู้ว่าวันนี้เป็นวันเกิดของหยางกง ยังกล้ามาก่อกวนอีกหรอ?”
“คุณผู้หญิง ผมว่าคุณอย่าหาเรื่องเลย รีบกลับไปดีกว่านะ!”
ทั้งหมดพากันพูดจาหว่านล้อมใส่ผู้หญิงคนนั้นเป็นการใหญ่ เธอพูดด้วยสีหน้ามึนตึงว่า “พวกคุณไม่ต้องมาแกล้งทำตัวเป็นคนดีกันหรอก ไม่อยากตายก็ไสหัวไปซะ ฉันแค่จะฆ่าคนตระกูลหยาง ใครที่ยังรั้งรออยู่นี่ก็ต้องตายกันหมด!”
พูดจบ เธอจ้องมองหยางจิ่งเซียนเขม็ง ตอนนี้หยางจิ่งเซียนขยับแล้ว เขายืนขึ้นจากที่นั่ง ก้าวเท้ามาที่หน้าประตู สายตาจับจ้องหญิงสาวพลางว่า “เสี่ยวหง จะดื้อถึงเมื่อไหร่กันหรอ?”