จอมนักรบทรงเกียรติยศ - บทที่ 529 ผู้หญิงชั่วร้าย
“แก…” เสี่ยวหงเดิมคิดว่าตัวเองได้เปรียบแล้ว ไม่คิดว่าจะมีคนแส่ไม่เข้าเรื่องโผล่ออกมา พอเห็นฉินเข่อเดินตามหลังผู้ชายตรงหน้า เธอยิ่งรู้ดีแก่ใจแล้ว เลยแค่นเสียงหึบอกว่า “ฉันเตือนแกดีๆนะว่าอย่าแส่ไม่เข้าเรื่อง ฉันถือว่าแกเป็นลูกผู้ชาย พาผู้หญิงของแกไปจากที่นี่ซะ”
คนอื่นที่หวังและเชื่อมั่นในตัวเขาพากันใช้สายตาบอกไม่ถูกแบบนั้นมองเขา ทุกคนไม่กล้าพูดรั้งไม่ให้เขาไป ตอนนี้สิทธิ์ในการเลือกอยู่ที่ตัวเขา เขาไม่มีหน้าที่หรือความรับผิดชอบไปช่วยคนไหนก็ตามในที่นี้ ตรงกันข้าม ตอนนี้เขาซ้ำเติมได้เลยด้วยซ้ำ แก้แค้นพวกคนที่พูดประชดแดกดันเขาเมื่อกี้
แต่ฟางเหยียนไม่ใช่คนแบบนั้น เขายิ้มเย็นว่า “ทำไม? คุณกลัวผมหรือไง? กลัวผมจะเปิดเผยความลับของคุณที่นี่?”
สีหน้าเสี่ยวหงเปลี่ยนสี เธอหรี่ตาถามว่า “หมายความว่ายังไง? ให้โอกาสแกแล้วไม่เอาหรือไง?”
“โอกาส!” ฟางเหยียนส่ายหัวอย่างหน่ายใจพลางว่า “แต่ไหนแต่ไรมา มีแต่ผมให้โอกาสคนอื่น ไม่เคยมีใครกล้าว่าให้โอกาสผมต่อหน้าผมมาก่อน! คุณพูดผิดหรือเปล่า?”
เย่อหยิ่ง อหังการ์ ทรงพลัง ดูแคลน!ไม่เห็นใครในสายตา ดูแคลนทุกสิ่งอย่างรังเกียจ ในสายตาเขาแล้วแสดงสิ่งเหล่านี้ออกมาได้อย่างละเอียดถี่ถ้วน ประหนึ่งไม่มีใครสามารถยั่วโมโหเขาได้ ตรงกันข้าม สำหรับเขาแล้วคำพูดของทุกคนล้วนเป็นเรื่องตลกทั้งสิ้น!
เห็นฟางเหยียนพูดแบบนี้ด้วยน้ำเสียงมั่นใจอย่างยิ่ง เห็นสีหน้าเย่อหยิ่งที่เขาแสดงออกมา พวกคนแก่ที่เมื่อกี้เยาะเย้ยเขายิ่งรู้สึกผิดหนักขึ้น ต่างพากันก้มหน้าลงถอนหายใจในความไม่รู้ของตนอย่างเหนื่อยใจ
อยู่มาค่อนชีวิตแล้ว แต่จิตใจกลับเป็นผู้ใหญ่ได้ไม่เท่าชายหนุ่มคนนี้ นี่เป็นการโจมตีที่ใหญ่ที่สุดสำหรับหลายคน!
เสี่ยวหงอดมองสำรวจฟางเหยียนอีกครั้งไม่ได้ หลังจากการมองสำรวจไม่กี่วินาที เธอแค่นเสียงหยันพลางว่า “แกแน่ใจว่าจะออกหน้าให้ตระกูลหยางใช่ไหม? เดิมฉันเห็นแก่ที่แกเป็นลูกผู้ชายคนหนึ่งเลยไว้ชีวิตแก ในเมื่อแกไม่รู้ผิดชอบชั่วดี งั้นก็โทษฉันไม่ได้ที่ฆ่าแกทิ้งด้วยละกัน เจ้าวัวรอง ลงมือเลย ฆ่าคนไม่รู้ผิดชอบชั่วดีคนนี้ซะ”
เทียนขุยเงยหน้าขึ้นมองฟางเหยียน แต่แค่แวบเดียว เขาก็ก้มหน้าลงไปอีกครั้ง
ทันใดนั้นแววตาแปรเปลี่ยนเป็นเหมือนตกอยู่ในภวังค์ สายตาเริ่มเหม่อลอย มีหมอกควันดำมืดกลุ่มหนึ่งวิ่งวนอยู่บนใบหน้า
คิ้วเสี่ยวหงขมวดมุ่นขึ้นมาอีก เธอตะคอกเสียงดังว่า “เจ้าวัวรอง คุณทำอะไรน่ะ? รีบลงมือสิ! ฆ่าคนนั้นที่พื้นก่อนก็ได้ อย่าทำฉันเสียเวลา”
เทียนขุยจ้องเจ้าสามหยางที่พื้นเขม็ง เขากำหมัดแน่น ใบหน้าบิดเบี้ยวน่ากลัว
ทันใดนั้น ดวงตาเขาเริ่มแดงก่ำไปด้วยเลือด จากนั้นเขาย่อลงพื้น มือกุมหัวอย่างเจ็บปวด
ไม่ต้องสงสัยเลย เทียนขุยคือโดนใส่ยาสั่งบางอย่าง หรือใช้วิชาอะไรสักอย่างควบคุมเขาไว้ คนนี้ก็คือเสี่ยวหง เขาไม่รู้ว่าเสี่ยวหงใช้วิธีอะไรกันแน่ สรุปแล้วเป้าหมายของเธอคือ ทำให้เทียนขุยกลายเป็นอาวุธของเธอ
เทียนขุยคือใคร? รองผู้นำแห่งสำนักเจ็ดพิฆาต รองผู้นำของเขตซีหนาน ฆ่าฟันศัตรูนับหมื่นกลางสนามรบ เป็นความภูมิใจของประเทศหวา เขาจะยอมให้เทียนขุยกลายเป็นอาวุธฆ่าคนของคนอื่นได้ยังไง เทียนขุยเป็นพี่น้องของเขา เรื่องแบบนี้ไม่มีทางเกิดขึ้นได้ องค์กรสัตว์เพลิงจะใช้สมองของใครก็ได้ แต่คนของสำนักเจ็ดพิฆาตของเขา ใครก็แตะต้องไม่ได้ แตะเมื่อไหร่คือตาย!
เขาไม่รีบร้อนฆ่าเสี่ยวหง ตอนนี้ทั้งหมดอยู่ภายใต้การควบคุมของเขา
เขาพูดกับเสี่ยวหงด้วยเสียงอ่อน “ผมว่าคุณคงถนัดสืบเรื่องทุกคนล่ะสิ ถ้าผมเดาไม่ผิดล่ะก็ คุณน่าจะผ่านการฝึกฝนมาอย่างหนัก หลังจากที่คุณไปจากหมู่บ้านของเทียนขุย ก็เข้าไปในองค์กรที่ฝึกฝนการสืบโดยเฉพาะองค์หนึ่งแน่ คุณเคยชินกับการควบคุมจุดอ่อนของคน เพราะคุณเชื่อว่าถ้าเป็นคน ล้วนแต่มีจุดอ่อน ดังนั้นคุณเลยสืบหาโอกาสมากมาย คดีตระกูลเสิ่นโดนล้างตระกูลอย่างโหดเหี้ยมกับคดีความแตกแยกของตระกูลเฉินแห่งชายแดนภาคเหนือ คงเกี่ยวข้องกับคุณเป็นอย่างมากแน่!”
คำพูดของฟางเหยียนออกมาปุ๊บ สีหน้าเสี่ยวหงเปลี่ยนทันที แต่ไม่นานเธอก็ปรับสีหน้ากลับมาได้ พลางว่า “ฉันไม่รู้ว่าคุณกำลังพูดอะไร ตระกูลเสิ่นอะไร ตระกูลเฉินอะไร ฉันไม่เห็นรู้เรื่องเลย”
“งั้นหรอ? งั้นผมจะวิเคราะห์ให้คุณฟังละกัน! ตระกูลเสิ่นเดิมเป็นตระกูลใหญ่ที่สุดของชายแดนภาคเหนือ เจ้าตระกูลเป็นคนอิสระไร้ซึ่งกฎเกณฑ์ มีผู้หญิงนับไม่ถ้วนนอกบ้าน ซึ่งคนเป็นใหญ่กุมอำนาจในบ้านทั้งหมดกลับไม่ใช่เขา แต่เป็นเมียเขา เมียเขาไม่สนใจว่าอยู่นอกบ้านเขาจะเป็นยังไง แค่ห้ามมีเมียน้อยเท่านั้น นี่เป็นเส้นตายของเมียเขา แต่การปรากฏตัวของคุณทำลายความสงบสุขแต่เดิมของตระกูลเสิ่น คุณไปบอกเจ้าตระกูลตระกูลเสิ่นว่าจะแต่งงานกับเขา ทำให้เขาลุ่มหลงในตัวคุณ สุดท้ายทำเขาก่อคดีสลดโดยการฆ่าลูกเมียและครอบครัวตัวเอง ถึงเขาจะเป็นฆาตกรฆ่าคน แต่คนที่กระตุ้นหลอกล่อเขาให้ฆ่าคน คนที่วางแผนทั้งหมดนี่กลับเป็นผู้หญิงคนหนึ่งเท่านั้น”
“ยังมีตระกูลเฉิน พวกเขาเป็นตระกูลใหญ่ที่มีประวัติสืบทอดมายาวนาน และถือเป็นแบบที่มีการปฏิบัติมายาวนาน คุณแต่งกับลูกชายบ้านเขา และยังยั่วยวนลูกชายคนอื่นๆรวมถึงน้องชายเจ้าตระกูลด้วย ก่อกวนจิตใจของพวกเขา ทำให้พวกเขาเริ่มหวาดระแวงกันเอง ไม่เชื่อใจซึ่งกันและกัน จนทุกคนแตกแยกกระเซ็นกระสาย ต่อให้ตอนนี้ตระกูลเฉินยังคงอยู่ แต่ความรุ่งเรืองแต่เดิมไม่เหลือแล้ว ตระกูลพวกเขาได้สูญเสียสีสันแต่เดิมไปหมดแล้ว”
“ต้องยอมรับจริงๆ คุณเป็นคนร้ายกาจมาก สามารถก่อเรื่องมากมายขนาดนี้ให้เกิดขึ้นได้ แถมยังทำได้แบบไร้ที่ติไม่มีช่องโหว่เลย สองปีนี้คุณหายตัวไป แต่สิ่งที่ทำให้ผมแปลกใจคือ คุณกลับมาปรากฏตัวต่อหน้าผมอีกครั้ง”
ฟางเหยียนไม่ใช่คนชอบพูดเท่าไหร่ แต่ครั้งนี้เขาจำเป็นต้องพูด
พอฟังฟางเหยียนพูดเสร็จ สีหน้าเสี่ยวหงเริ่มเปลี่ยนเป็นสีสันมากมาย แต่เธอยังคงปากแข็งยืนกรานว่า “ฉันไม่รู้ว่าแกพูดอะไร ตระกูลเฉินตระกูลเสิ่นอะไรของแกฉันไม่เห็นเข้าใจเลย! ฉันแค่มาเอาของๆฉันคืน”
“ของๆคุณ? อะไรคือของคุณล่ะ?” ฟางเหยียนย้อนถามอย่างเย็นชา สีหน้าเริ่มมืดมนเคร่งขรึมลง
เสี่ยวหงพูดต่ออย่างไม่กระดากปากว่า “ฉันเป็นลูกสาวหยางจิ่งเซียน ลูกสาวแท้ๆ ตระกูลหยางนี้เป็นของฉัน”
ฟางเหยียนแค่นยิ้มหึๆอย่างเย็นชาพลางว่า “คุณไม่ได้บอกเทียนขุยแบบนี้นี่ ผมจำได้ว่าที่คุณพูดคือ หยางจิ่งเซียนบังคับจะเอาคุณเป็นเมียน้อยนะ? หรือคุณคิดว่าเรื่องโกหกที่คุณสร้างนี่มันเรียบร้อยไร้ที่ติแล้ว? คุณคิดว่าจะไม่มีใครรู้เลย?”
สีหน้าเสี่ยวหงเปลี่ยนอีก เธอไม่คิดว่าฟางเหยียนจะรู้เรื่องนี้ด้วย หมอนี่เป็นใคร หรือว่าเป็นคนของแผนกสืบสวนองค์กรลึกลับของประเทศหวา? หรือว่าเขาจับตาดูเธอมานานแล้ว?
“ที่แท้ก็แบบนี้นี่เอง!” คนแก่ที่ทำธุรกิจอัญมณีคนนั้นพอได้ยินฟางเหยียนพูดแบบนี้ ก็ชี้นิ้วว่าเสี่ยวหงว่า “ที่แท้เธอก็โกหก ผมว่าแล้วหยางกงไม่มีทางทำเรื่องไม่รับผิดชอบแบบนี้แน่ ต่อให้มีลูกสาวจริง ก็ไม่มีทางทิ้งขว้างไม่ดูแลหลายปีขนาดนั้น ผู้หญิงอย่างเธอนี่มันเก่งเรื่องการวางแผนจริงนะ ชั่วร้ายมาก ชั่วร้ายมากจริงๆ!”