จอมนักรบทรงเกียรติยศ - บทที่ 577 นายพลห้าดาว
เขายืนอยู่ข้างๆแบบนี้มองดูผู้หญิงที่ตนตามจีบมานานจูบอย่างดูดดื่มกับชายอื่น แม้จะล้มลงกับพื้นแล้ว เขายังคงจินตนาการเท่าที่จะทำได้ ถ้าตนคือผู้ชายคนนั้นคงจะดีไม่น้อยเลยทีเดียว
แต่นี่เป็นเพียงมโนภาพอย่างหนึ่งของเขาเท่านั้น มีผู้ชายแบบนี้สักคน แล้วเย่ชิงหยู่จะก้มหน้ามองไอ้สวะแบบเขานี้ได้อย่างไรกัน แล้วตนยังว่าเขยแต่งเข้าบ้านผู้หญิงนั่น เขยแต่งเข้าบ้านผู้หญิงแบบนี้ ตนจะกล้ายั่วโมโหได้อย่างไร เมื่อดูไป ตนยังสู้เขยแต่งเข้าบ้านนั่นไม่ได้เลยนะเนี่ย!
ทั้งสองจูบอย่างดูดดื่มไปประมาณสามนาทีจึงได้แยกจากกันอย่างอาลัยอาวรณ์ ฟางเหยียนจ้องใบหน้าที่สวยงามของเย่ชิงหยู่ จากนั้นยกมือขึ้นลูบหน้าของเธอเบาๆ เย่ชิงหยู่หน้าแดง ก้มหน้าอย่างเขินอายสวยงามลงไป
นี่เป็นการพบรักครั้งหนึ่งที่หาได้ยาก ทั้งสองก็จูบอย่างดูดดื่มในสถานการณ์แบบนี้อย่างหายาก นี่ถือได้ว่าเป็นจูบแรกของฟางเหยียน และก็เป็นจูบแรกของเย่ชิงหยู่เช่นกัน ต่อให้รู้ว่าจะเป็นของกันและกัน แต่เมื่อสถานการณ์นี้มาถึง ก็อดไม่ได้ที่จะเขินอาย
ขณะนี้ ฟางเหยียนหันไปมองฉินห้าวที่ล้มลงกับพื้นอย่างช้าๆ ตอนที่ฉินห้าวเห็นสายตาคู่นั้น ก็ตัวสั่นขึ้นมา แล้วเขาก็ถามอย่างเยือกเย็นว่า “เขาเป็นใคร?”
เย่ชิงหยู่ส่งเสียงหาออกมา จากนั้นหันไปมองฉินห้าว แล้วกล่าว “เขาคือคู่ค้าคนหนึ่งของเมืองหยุนเฉิงของฉันค่ะ ครั้งนี้เขารวมตัวคู่ค้าทั้งหมดมาปิกนิก เขาก็ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ค่ะ”
แม้เมื่อกี๊เย่ชิงหยู่ให้ฟางเหยียนฆ่าคน แต่เธอไม่อยากให้ฟางเหยียนฆ่าคนบริสุทธิ์
“เหอะๆ” ฟางเหยียนหัวเราะอย่างเย็นชาออกมา แล้วกล่าว “ไอ้สวะแบบนี้ ไม่คู่ควรที่ผมจะลงมือ! ไสหัวไป!”
ฟางเหยียนมีการวิเคราะห์ต่อคนนี้ที่ไม่เหมือนใคร เมื่อมองไปก็รู้ว่านี่ใจปลาซิวเป็นแค่ไอ้สวะ
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ฉินห้าวลุกขึ้นจากพื้น กล่าวอย่างนอบน้อมว่า “ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ!”
พูดจบ เขาได้วิ่งเข้าไปในป่าทึบ
ขณะนี้ ฟางเหยียนหยิบมือถือขึ้นมากดโทร แล้วกล่าว “ส่งเฮลิคอปเตอร์มาให้ผมหน่อย ผมอยู่ที่หุบเขาเสือประจัน!”
พูดจบเขาวางสายไปโดยตรง เขาไม่ได้ปรึกษากับใคร และไม่ได้ขอใคร เหมือนกับกำลังสั่งการ
เย่ชิงหยู่มองฟางเหยียน จนกระทั่งถึงตอนนี้ เธอนอกจากจะรู้ว่าฟางเหยียนคือคุณชายของตระกูลฟางแห่งเจียงตู ยังไม่รู้ว่าเขายังคงสวมใส่ชุดนี้ได้ โดยหลักการแล้ว คนที่ปลดประจำการไม่สามารถใส่ชุดนี้ได้
ไม่สิ ชุดแบบนี้ตามหลักแล้วควรจะเป็นสีเขียวสิ แต่ทำไมฟางเหยียนใส่สีดำล่ะ? เมื่อนึกถึงจุดนี้ เย่ชิงหยู่ถามอย่างไม่เข้าใจว่า “ชุดนี้ของคุณ คือ…?”
ฟางเหยียนมองชุดของตัวเอง แล้วกล่าวอย่างไม่ปิดบังแม้แต่น้อยว่า “ชุดสงคราม! ใช้เวลาทำศึกครับ สองคนเมื่อกี๊เป็นเสเพลที่พากองทัพโจมตีกองทัพของประเทศเรา ผมไล่ตามพวกมันมาสามวันสามคืน ไม่คาดคิดว่าอีกนิดเกือบจะให้มันทำร้ายภรรยาของผมแล้ว”
“ทำสงคราม?” เย่ชิงหยู่พูดซ้ำสองคำนี้อย่างงงงวย สำหรับเธอแล้วบนโลกนี้จะมีสงครามให้ต่อสู้อีกได้อย่างไรกัน นี่เป็นยุคสันติภาพ ไม่มีสงครามอะไรทั้งนั้น อย่างน้อยวงการนั้นที่เธออยู่ดูแล้วเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ข่าวที่เห็นทุกวันล้วนเป็นการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจ ไม่เคยเห็นข่าวที่เกี่ยวกับสงครามใดๆมาก่อน
ความจริงพวกเธอไม่รู้เลยก็คือ เรื่องเกี่ยวกับสงครามเป็นลับสุดยอด ประเทศชาติไม่มีทางปล่อยข่าวออกมาแน่นอน ถ้าปล่อยออกมาจะส่งผลให้ภายในประเทศวุ่นวาย ส่งผลให้หวาดกลัว จะทำให้ประชาชนรู้สึกไม่ปลอดภัย
ฟางเหยียนมองท่าทีตกใจของเย่ชิงหยู่ พยักหน้าเบาๆกล่าว “ใช่ ทำสงคราม!”
“ไม่รู้ว่าคุณยังจำตอนที่อยู่ที่จินโจวได้มั้ย ตอนที่เซียวเจิ้นเที่ยนร่วมกับครอบครัวของเฉิงฉู่จัดงานเต้นรำนั้น เราเห็นผู้เฒ่าที่ตาบอดทั้งสองข้างคนหนึ่ง เขาทำนายทายทักคุณ พูดคำพูดเหล่านั้น ความจริงสิ่งที่เขาพูดทั้งหมดก็คือผม ผมก็คือจอมพลโผ้จวินของประเทศหวา และเป็นนายพลห้าดาวเพียงคนเดียวของประเทศหวา”
ฟางเหยียนไม่คิดจะปกปิดอะไรต่อเย่ชิงหยู่แล้ว จะบอกความจริงกับเธออย่างถี่ถ้วน ไม่ว่าเธอจะรับได้มั้ย นี่เป็นการให้เกียรติต่อเย่ชิงหยู่
“ห้าดาว!” เย่ชิงหยู่ยกมือขึ้นมาปิดปากอย่างไม่รู้ตัว เธอรู้ว่านี่หมายความว่าอะไร น้องชายของเซียวเจิ้นเที่ยนเป็นแค่สามดาว ก็เป็นเบื้องหลังที่ยิ่งใหญ่ของเซียวเจิ้นเที่ยนได้แล้ว แล้วรองผู้นำเหล่านั้นที่จัดงานวันเกิดให้ตนเป็นสี่ดาวทั้งหมด สะเทือนทั้งงาน ช็อกทุกๆคน ฟางเหยียนคือห้าดาว งั้นฟางเหยียนก็เป็นหัวหน้าของพวกเขางั้นเหรอ
คุณนาย! มิน่าล่ะหลายคนนั้นเรียกตนว่าคุณนาย ที่แท้พวกเขาล้วนเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของฟางเหยียนนี่เอง
สามีที่มีเบื้องหลังยอดเยี่ยมอย่างนี้ เย่ชิงหยู่ไม่รู้ว่าจะทำยังไงดี เธอไม่รู้ว่าตัวเองควรจะดีใจหรือซีเรียสดี
คำพูดของผู้เฒ่านั้นความจริงก็กระทบกับเย่ชิงหยู่มาโดยตลอด เพราะนายพลคนเก่งที่เขาพูดนั้น ก็ทำให้เย่ชิงหยู่สงสัยว่าคนนี้ใช่ฟางเหยียนหรือไม่
“ความจริงผมอยากบอกคุณตั้งนานแล้ว เพียงแต่เพื่อปกป้องคุณจึงไม่ได้บอก ช่วงหลายปีมานี้ที่ผมเป็นทหาร มีเพียงปีแรกที่เป็นทหารใหม่ ปีที่สองผมได้ถูกเลือกไปในกองทัพโดยตรง พอพูดความเป็นมาของผมค่อนข้างมีสีสันเป็นตำนาน ในกองทัพผมได้รับผลงานมากมาย ฆ่าพวกเสเพลไปไม่น้อย และก็เป็นเพราะความกล้าหาญของผม ทำให้ผมได้เลื่อนขั้นเป็นนายพล ดังนั้น ความรับผิดชอบของผมตอนนี้คือรักษาชายแดนที่ประเทศหวาทั้งประเทศ ไม่ให้ทหารต่างชาติเข้ามาได้” ฟางเหยียนพูดกับเย่ชิงหยู่อย่างถี่ถ้วน
ในใจของเย่ชิงหยู่นอกจากจะช็อกแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นยังเอ็นดูฟางเหยียน เธอสะอึกไป เข้าไปฟางเหยียนแล้วกล่าว “งั้น ช่วงหลายปีมานี้คุณต้องลำบากตรากตำมาไม่น้อยแน่เลย!”
ฟางเหยียนส่ายหน้าแล้วกล่าว “สามารถปกป้องความสงบสุขของประเทศหวาได้ ลำบากหน่อยจะเป็นอะไรไป คุณต่างหากที่ทรมานมาไม่น้อย ลุงเย่จากไปแล้วผมจึงจะได้รู้ นี่เป็นสิ่งที่ทำให้ผมเจ็บปวดใจที่สุด”
“ไม่ค่ะ พ่อจะรู้สึกภูมิใจ เพราะคุณคือวีรบุรุษ!” จู่ๆเย่ชิงหยู่ก็พูดประโยคนี้ออกมาเสียงเบาๆ ในใจของเธอรู้สึกซับซ้อนวุ่นวาย และก็ไม่รู้ว่าตัวเองควรจะใช้อารมณ์แบบไหนเผชิญหน้ากับฟางเหยียน
ฟางเหยียนพูดต่อหน้ากับเย่ชิงหยู่ว่า “วีรบุรุษหรือไม่ไม่สำคัญ สำคัญคือผมแค่อยากปกป้องคุณอยู่ข้างๆ ตอนที่ผมรู้ว่าลุงเย่จากไป ผมก็สาบาน ว่าจะไม่ให้ใครรังแกคุณ ดังนั้นผมจึงกลับมา”
เย่ชิงหยู่ส่ายหน้าเบาๆแล้วกล่าว “ไม่มีใครรังแกฉันได้ค่ะ ถ้าใครได้ยินว่าสามีของฉันคือจอมพลโผ้จวินแห่งประเทศหวา แล้วใครจะกล้ารังแกฉันอีกล่ะคะ?ต่อไป คนอื่นอาจจะชื่นชมฉันก็เป็นได้นะ”
ได้เป็นภรรยาจอมพลโผ้จวินของประเทศหวา สำหรับคนธรรมดาแล้ว มันช่างน่าชื่นชมจริงๆ ที่เย่ชิงหยู่มาถึงทุกวันนี้ได้ เป็นเพราะฟางเหยียนจัดการอยู่เบื้องหลังแน่นอน เธอรู้แล้ว เธอรู้หมดทุกอย่างแล้ว
“อ้อ ฉันยังมีคำถามที่อยากถามคุณค่ะ” เย่ชิงหยู่หน้าตาเอาจริงเอาจัง “คุณกับตระกูลฟางแห่งเจียงตู ใครใหญ่กว่าคะ?”
ฟางเหยียนชะงักไป ไม่คาดคิดว่าเย่ชิงหยู่จะถามคำถามแบบนี้ออกมา เงียบไปสักพัก เขากล่าวว่า “ตระกูลฟาง!ผมสามารถพังตระกูลฟางได้อย่างง่ายดาย”
“งั้นฟางซื่อกรุ๊ปที่จินโจว พวกเขาทำเพื่อประจบคุณ?” เย่ชิงหยู่ถาม