จอมนักรบทรงเกียรติยศ - บทที่ 583 กลับมาจากต่างประเทศ ติงห้าว
“หลิ่วจื้อเชา! คุณเกินไปแล้วหรือเปล่า? คุณคิดว่าตัวเองมีเงินแล้วจะไม่สนใจอะไรเลยเหรอ? ทุกคนล้วนเป็นเพื่อนร่วมชั้นกันทั้งนั้น อย่าบีบให้ฉันต้องแตกคอกันในงานนะ” เฉินหย่าไม่ใช่คนที่ชอบหาเรื่อง ระบายอารมณ์อย่างขาดสติทันใด
หลิ่วจื้อเชาบึนปากแล้วกล่าว “ก็แค่ล้อเล่นป่ะ จะโมโหขนาดนั้นทำไม”
“แน่นอน ถ้าคุณเย่ไม่รังเกียจล่ะก็ ผมสามารถเอาอันนี้ให้คุณเย่ได้นะครับ เย่ชิงหยู่น่าจะไม่มีแฟนนะ?” หลิ่วจื้อเชาได้ส่งสายตาไปที่เย่ชิงหยู่ หลายคนก็ได้โห่ขึ้นมาอีก
เย่ชิงหยู่รีบจับมือของฟางเหยียนไว้ ตอนนี้เธอกังวลสุดๆว่าฟางเหยียนจะทำอะไรขึ้นมา
แต่ฟางเหยียนสงบมาก ไม่ได้ทำอะไร ถึงขั้นไม่มองหลิ่วจื้อเชาแม้แต่น้อย
เย่ชิงหยู่จัดผม แล้วกล่าว “ขอโทษค่ะ ฉันไม่สนใจเครื่องประดับพวกนี้ ฉันไม่มีแฟนจริง แต่ฉันมีสามีค่ะ นี่คือสามีของฉัน หลิ่วจื้อเชา กรุณาระวังการกระทำของคุณด้วยนะคะ”
หลิ่วจื้อเชาชะงักไป คิดในใจยังมีผู้หญิงที่ไม่รักสิ่งที่ราคาแพงแบบนี้อยู่ด้วยเหรอ?สายตาของเขามองไปที่ฟางเหยียน หลังจากจ้องไปได้ไม่กี่วินาที จู่ๆเขาก็เข้าใจตะโกนออกมาว่า “นี่คือเขยที่เลี้ยงมาตั้งแต่เด็กคนนั้นของครอบครัวคุณเหรอ?”
เขยที่เลี้ยงมาตั้งแต่เด็ก ความจริงคนจำนวนไม่น้อยเรียกฟางเหยียนแบบนี้ การเรียกแบบนี้หยาบคายกว่าเขยแต่งเข้าบ้านหญิงเสียอีก มีสะใภ้เลี้ยงมาตั้งแต่เด็กคำพูดนี้ แต่กลับไม่เคยมีเขยที่เลี้ยงมาตั้งแต่เด็ก นี่แทบจะเป็นการเหยียดหยามอย่างที่สุดของผู้ชายคนหนึ่งเลยก็ว่าได้
“ดูไม่ออกจริงๆนะเนี่ย ว่าไอ้นี่จะโชคดีได้เมียสวย สามารถคว้าหงส์มาครองได้” หลิ่วจื้อเชามองฟางเหยียนด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจ ในใจที่มีต่อฟางเหยียนคืออิจฉาริษยาเกลียดชัง
“พอแล้ว!หลิ่วจื้อเชา” เย่ชิงหยู่กล่าวอย่างค่อนข้างโมโห “อย่ามัวแต่พูดเรื่องพวกนี้ได้มั้ย?วันนี้เป็นวันมงคลของหวงเจียว พวกเราไม่อยากทะเลาะกับคุณนะ แต่คุณกรุณาหุบปากไปด้วยค่ะ! อย่าอาศัยว่าครอบครัวมีเงินเน่าๆไม่เท่าไหร่นั้นแล้วใช้คำพูดโจมตีคนอื่น ถ้าคุณมีปัญญาก็ลองพึ่งตัวเองดูสิ”
ที่เย่ชิงหยู่ร้อนรนขนาดนั้น เพราะเธอกังวลว่าฟางเหยียนจะทำเรื่องที่ช็อกคนขึ้นมา
ฟางเหยียนเป็นคนที่เอะอะนิดหน่อยก็ฆ่าคน เขาขี้เกียจจะไร้สาระกับหลิ่วจื้อเชามากมายขนาดนั้น
แก้มของหลิ่วจื้อเชากระตุกเป็นพักๆ ดูแคลนเหอะๆแล้วกล่าว “ทำไม? ครอบครัวผมมีเงินมากขนาดนั้นแล้ว ผมจำเป็นต้องไปทำงานเองด้วยเหรอ? คนอย่างพวกเรา เกิดมาก็ได้อยู่ในจุดสิ้นสุดที่คนอื่นดิ้นรนแล้ว แต่ก็อย่าว่าไปนะ ชีวิตเขยเลี้ยงมาตั้งแต่เด็กคนนี้ของครอบครัวคุณไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ เดิมคิดว่าพึ่งตระกูลใหญ่ คิดจะรู้ว่าตระกูลของพวกคุณก็พังพินาศแล้ว”
“ปัง!!” จู่ๆ ฟางเหยียนนั่งไม่ติด ยกมือขึ้นมาตบโต๊ะอย่างรุนแรง
คนที่นั่งอยู่ที่โต๊ะทั้งหมดล้วนตกใจขึ้นมา จ้องฟางเหยียนอย่างตาลุกโต
เสิ่นตานขมวดคิ้ว ส่งเสียงฮึมออกมาแล้วกล่าว “นี่ บ้าหรือเปล่าเนี่ย! ถ้าบ้าก็ไสหัวไปเลยนะ พวกเราคุยกันดีๆ คุณตบโต๊ะทำไมกัน? คุณคิดว่ามีแค่คุณที่ตบโต๊ะได้เหรอ? กูก็ทำได้”
“ปัง!” เสิ่นตานก็ยกมือตบโต๊ะ
ฟางเหยียนขี้เกียจจะสนใจผู้หญิงคนนั้น เพียงแต่จ้องไปที่หลิ่วจื้อเชาแล้วกล่าว “ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป หุบปากของแกไปอย่างเงียบๆจะดีที่สุด ไม่งั้นปู่ของแกอ้อนวอนฉันแกก็ยังต้องตาย!”
คำพูดของฟางเหยียนพูดได้อย่างมั่นใจ และทุกๆคนเต็มไปด้วยแรงกดขี่ที่ไร้รูปอย่างนั้น แต่ในงานนอกจากเย่ชิงหยู่และเฉินหย่าที่เชื่อ ทุกคนล้วนเมินใส่
เพื่อนร่วมชั้นคนหนึ่งถึงขั้นส่ายหน้ารัวๆแล้วกล่าว “ยุคนี้ พอสังคมเริ่มใหญ่ขึ้น ก็มีคนทุกรูปแบบ คุณรู้มั้ยว่าปู่ของเขาเป็นใคร? หลิวเหอฉาง เถ้าแก่ของร้านหยกตี้เซิ่งหยวน ร้านที่หรูหราที่สุดในจินโจว ถ้าตกใจก็คุณนั่นแหละที่ต้องตกใจ แล้วยังพูดว่าอะไรอ้อนวอนคุณอีก ไม่ประเมินตัวเองเลย”
เมื่อกี๊หลิ่วจื้อเชาแข็งทื่อไปแล้ว เพราะใบหน้าของฟางเหยียนน่ากลัวจริงๆ
แต่หลังจากที่ทุกคนแย่งกันพูด บรรยากาศนั้นก็หายไป เขาจ้องฟางเหยียน หัวเราะอย่างดูแคลน เขาไม่พูด แต่เขาจะให้ฟางเหยียนได้ลิ้มลองความเก่งกาจ
เขาจะทำให้ฟางเหยียนรู้ ว่าอีกเดี๋ยวคุณปู่ของตัวเองจะมาอ้อนวอนเขาให้ปล่อยตนไปมั้ย
ขณะนี้ เวทีที่สร้างขึ้นนั้นจู่ๆก็มีเสียงของไมโครโฟนดังขึ้น คือพิธีกรกำลังพูด หลังจากที่พูดไร้สาระมากมายแล้ว เขาเริ่มเข้าเรื่อง “ด้านล่าง ขอเชิญเจ้าบ่าวของพวกเรา นักดนตรีผู้ยิ่งใหญ่ติงห้าวครับ”
ด้านล่างเวทีมีเสียงปรบมือดังขึ้น เหล่าเพื่อนร่วมชั้นที่โต๊ะของเย่ชิงหยู่ปล่อยผ่านหัวข้อสนทนาเมื่อกี๊ไป เริ่มพูดคุยกันในหัวข้อใหม่ ความจริงวัยรุ่นก็คือคนไร้หัวสมองแบบนี้ ไม่เคยหยุดหัวข้อสนทนาไว้ที่หัวข้อใดหัวข้อหนึ่งตลอดกาล
“อ้อ ฉันได้ยินมาว่าสามีของหวงเจียวก็กลับมาจากต่างประเทศ! แล้วยังเป็นนักดนตรีอีกด้วยนะ ว่ากันว่าได้เข้าร่วมอะไรนะ เทศกาลดนตรีระดับโลกนั่นอะ แล้วยังขึ้นไปเล่นเปียโนเพลงที่สุดยอดมากในเทศกาลดนตรีโลกอีกด้วย”
“อืมๆ ใช่ๆ ฉันก็ได้ยินมาเหมือนกัน เก่งมากเลย”
“เค้าหล่อเหลาก็ช่างแล้ว สำคัญคือยังอัจฉริยะแบบนี้อีกด้วย นี่สิถึงจะทำให้คนอิจฉาที่สุด”
“ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ฉันจะได้สามีดังปรารถนาแบบนี้บ้างนะ หวงเจียวโชคดีมากจริงๆ”
“…”
ขณะนี้ บนเวทีมีวัยรุ่นที่รูปร่างสูง และหล่อคนหนึ่งเดินออกมา วัยรุ่นสวมชุดพิธีการสีแดงทั้งตัว ดูๆแล้วยิ่งกระปรี้กระเปร่าขึ้นไปอีก หลังจากที่เขารับไมโครโฟนมาแล้ว จึงกล่าวว่า “ขอบคุณทุกท่านที่มาร่วมในงานแต่งงานของผม ผมดีใจมากที่ได้แต่งงานในเมืองที่สมบูรณ์อย่างจินโจวแบบแบบนี้ และได้จัดช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดของตัวเอง ที่ทุกคนสามารถเป็นพยานรักงานแต่งงานของผมได้ ผมดีใจมากครับ ขอบคุณทุกๆท่านครับ!”
พูดจบ ด้านล่างเวทีเสียงปรบมือดังขึ้น
“ต่อมา ผมจะใช้วิธีที่คุ้นเคยที่สุดของตัวเองเชิญภรรยาของผมออกมา พวกเรารู้สึกกันในงานดนตรีงานหนึ่ง พวกเรารู้จักก็เพราะดนตรี แน่นอนว่างานแต่งจะขาดดนตรีไปไม่ได้”
เพิ่งพูดจบ หลายคนได้ยกเปียโนขึ้นมาวางบนเวที
ติงห้าวเห็นเปียโนที่วางไว้เรียบร้อยแล้ว จึงได้กล่าวว่า “นี่เป็นเครื่องเปียโนที่ผมชอบที่สุด เขามาจากอีกฟากฝั่งของมหาสมุทร ทำมาจากไม้ที่ดีที่สุด สายในนั้นก็ทำมาจากลวดทองแดงที่แข็งแรงที่สุดและเล่นเสียงออกมาได้ดีที่สุด เปียโนตัวนี้เล่นคู่เทศกาลดนตรีกับผมมา18ปี ตอนนั้น ภรรยาของผมอยู่ข้างๆผม พวกเราพบกันด้วยเสียงดนตรี รู้จักกันด้วยเสียงดนตรี ผมรู้สึกว่าเสียงดนตรีที่เปียโนถ่ายทอดออกมาเป็นเสียงที่เพราะพริ้งที่สุด และเสนาะหูที่สุดบนโลกใบนี้ ตั้งแต่เล็กผมก็ฟังพ่อแม่พูดว่า มีของดีก็ต้องแบ่งให้ทุกคน วันนี้ ผมจะมาแบ่งปันเปียโนกับทุกท่าน หวังว่าใช้ดนตรีที่เสนาะหูเรียกคนที่ผมรักที่สุดออกมา แขกผู้มีเกียรติทุกท่าน ผมจะทำการแสดงแล้วนะครับ”
พูดพลาง ติงห้าวเดินไปด้านหน้าของเปียโน นั่งลง จากนั้นนิ้วเริ่มกดลงไปที่แป้นเปียโน ไม่นาน เสียงของสายก็ดังขึ้น ในงานเงียบลง ดังนั้นล้วนฟังเสียงเปียโนที่ซาบซึ้งอย่างเงียบๆ
นี่เป็นเหมือนงานดนตรี ผู้ชมทุกคนล้วนเงียบลง
ต่อให้เข็มอันหนึ่งหล่นลงกับพื้น บางทีอาจจะได้ยิน