จอมนักรบทรงเกียรติยศ - บทที่ 608 คุณเป็นใครกันแน่
นี่เป็นกระบี่มังกร เป็นท่าที่แข็งแกร่งที่สุดของฟางเหยียน แต่นึกไม่ถึงว่าจะเข้าใกล้ผู้เฒ่าไม่ได้
การสะบัดของเขาเมื่อกี๊ทำให้ด้านหน้าของตนปรากฏเป็นชี่ขึ้นมา และชี่นี่แหละที่ขวางหน้าของเขาไว้
นึกไม่ถึงว่าชี่ของเขาขวางการโจมตีของฟางเหยียนไว้ได้!
“สหายตัวน้อย แกไม่ชนะฉันหรอก!”
พูดจบ ไม่รอให้ฟางเหยียนเอ่ยปาก ผู้เฒ่าก็โบกมืออีกครั้ง แล้วกล่าวออกมาหนึ่งคำอย่างชิลล์ๆว่า “สลาย!”
จู่ๆ กระบี่มังกรที่รวมกันได้หายไปทันใด กลายเป็นแสงสีทองเล็กๆ หายไปในห้องโถง
พูว์!
ตอนที่กระบี่มังกรลายไป ฟางเหยียนกระอักเลือดออกมา สั่นอย่างรุนแรงทั้งตัว เห็นได้ชัดเจน ตอนที่ผู้เฒ่าทำลายกระบี่มังกรนั้น เขาถูกท่าแว้งกัดหนักมาก แต่เขาไม่ได้แสดงออกมา เพียงแต่กัดฟันกล้ำกลืน!
เทียบกับความเจ็บปวดของร่างกาย ในจิตใจของฟางเหยียนกลับได้รับความทรมาน
แพ้แล้ว!
นึกไม่ถึงว่าเขาจะแพ้แล้ว!
เทพแห่งสงครามที่ไม่เคยพ่ายแพ้นึกไม่ถึงว่าจะแพ้แล้ว
ปกติฟางเหยียนจะท่าทีสูงส่ง เผชิญหน้ากับใครล้วนไม่หวาดกลัว แต่นึกไม่ถึงว่าผู้เฒ่าคนนี้จะชนะเขาได้!
“หรือ……” ฟางเหยียนหน้าถอดสีชัดเจน จู่ๆก็ตกใจหน้าเสียขึ้นมา
ไม่รอให้เขาพูดจบ เหมือนทวารทั้งเจ็ดแตกออกอย่างไรอย่างนั้น เลือดไหลออกมาไม่หยุด
ถูกแว้งกัดแล้ว!
เหมือนกับการฆ่าตัดหัวเสเพลของสิบประเทศที่รุกล้ำอย่างไรอย่างนั้น!
เจ็บปวด!
มันช่างเจ็บปวดสุดๆ!
ถ้าไม่ใช่เพราะเขามีความอดทนที่แตกต่างจากคนทั่วไป แค่ทวารทั้งเจ็ดเลือดไหลก็เพียงพอที่จะเอาชีวิตของเขาไปได้แล้ว!
ถึงแม้จะเจ็บปวดสุดขีด แต่เขายังคงอดทนอดกลั้น ไม่ให้ตัวเองล้มลงไป
นักรบมีเพียงตายอย่างกล้าหาญ แต่ไม่ยอมก้มหัวยอมแพ้ใคร!
และในแว็บเดียว ฟางเหยียนรู้สึกง่วงนอน หัวหนักขาอ่อนแรง กลายเป็นตัวลอยๆ วิสัทัศน์เลือนราง ดวงตาทั้งสองราวกับถูกตะกั่วถ่วงไว้ ยากที่จะลืมตาได้ ตัวสั่นตลอดเวลา ไม่มีทางหยุดลงได้
“หลับตาไม่ได้!” ฟางเหยียนเตือนตัวเองในใจตลอดเวลา แต่ไม่ได้ช่วยอะไรเลย
จากจิตใต้สำนึกเลือนรางสุดท้าย ราวกับเขาได้ยินเสียงถอนหายใจ สิ่งที่มาจากนั้นคือลม!
ผู้เฒ่ารับฟางเหยียนที่ล้มลงอย่างชิลล์ๆ แล้วหัวเราะเหอะๆกล่าว “ที่แท้ก็ราชาที่ดื้อรั้น!”
พูดจบ เขาวางร่างกายของฟางเหยียนลง จากนั้นเดินไปด้านนอกอารามเต๋า เด็ดดอกหญ้าที่ปลูกไว้ด้านหน้าอารามเต๋ามา แว็บนั้นที่เขาเด็ดดอกหญ้ามา ดอกหญ้าเหล่านั้นก็เหี่ยวเฉา แล้วตายไป
และเป้าหมายเดียวที่เขาทำแบบนี้ ต้องการผสมกันเป็นยา
เขาทำอย่างชำนาญ เห็นได้ชัดเจนว่าชำนาญเป็นอย่างดี
ไม่กี่อึดใจ ดอกหญ้าที่อยู่ในมือของผู้เฒ่ากลายเป็นยาสีเขียวหนึ่งเม็ด เขาดูเหมือนพอใจมาก แสยะปากออกมา เห็นฟันอันขาวใสสะอาด แป๊บเดียว รอยยิ้มบนใบหน้าได้หุบไป เขามองฟางเหยียน ถอนหายใจกล่าว “ถูกแกเอาเปรียบแล้วจริงๆ นี่เป็นสมบัติสวรรค์ที่แท้จริง ต้องปลูกใหม่อีกแล้ว เฮ้อ!”
หลังจากถอนหายใจ เขาแทบจะไม่ลังเล เอายาสีเขียวใส่เข้าไปในปากของฟางเหยียน แล้วจึงได้สังเกตฟางเหยียน กล่าวอย่างชื่นชมว่า “เด็กคนนี้ไม่ธรรมดานะเนี่ย อายุน้อยก็สำเร็จได้ขนาดนี้ ร่างกายนี้เป็นเทพไปนานแล้ว! แต่เสียดาย…”
ผู้เฒ่าหยุดพูดไป ขมวดคิ้วเป็นเส้น
มือของเขาเริ่มวางไว้ที่ข้อมือของฟางเหยียน ไม่นาน คิ้วของเขาก็คลายตัวออก แล้วกล่าวต่อไปว่า “อย่างนี้นี่เอง ร่างกายเจ็บหนัก ไม่ได้ขจัดเลือดคั่ง ฉันก็ว่าทำไมกากขนาดนั้น! แต่ในสถานการณ์ที่ร่างกายเจ็บหนักยังสามารถระเบิดความกระหายสงครามแข็งแกร่งขนาดนี้ ไม่ง่ายเลย ไม่ง่ายเลยจริงๆ! ฮ่าๆๆ…”
หลังจากหัวเราะ ราวกับผู้เฒ่าพูดเองเออเองว่า “ช่างเถอะช่างเถอะ ทุกเรื่องเกิดขึ้นล้วนมีเหตุมีผล ไม่ต่อสู้ก็ไม่รู้จักกัน พักผ่อนเยอะๆล่ะกัน”
ตอนหันหน้า รอยยิ้มบนใบหน้าชะงักทันใด แทนที่ด้วยความโกรธที่ไม่ได้ดั่งใจ ทำเอาสัตว์ประหลาดที่หมอบกับพื้นตัวสั่น ไม่กล้าสบตาผู้เฒ่าแม้แต่น้อย
“ชั้นต่ำ เดี๋ยวจะจัดการแก!”
“อาวๆ!”
สัตว์ประหลาดคำรามสองครั้ง ถือว่าตอบรับ
หลังจากที่ผู้เฒ่าจัดการกับฟางเหยียนและต่งยู่แล้ว จึงได้เปิดประตูออกไป
สัตว์ประหลาดนอกอารามไม่สงบ ก้มหัวอยู่ตลอดเวลา เหมือนกับเด็กที่ทำผิด กำลังรอผู้ปกครองสั่งสอน
“ฉันไม่คาดคิดว่าตัดขาดโลกภายนอกมาสิบปี แล้วภูเขาทิพย์จะกลายเป็นแบบนี้ แกนี่ดื้อจริงๆ!ถ้าไม่เห็นว่าแกเป็นสัตว์ในตำนานโดยกำเนิด ฉันกินแกไปนานแล้ว!ช่างมันช่างมัน แกไม่ได้เลวโดยกมลสันดาน เพียงแต่หยาบคายออกมา ฉันทำโทษแกตัดขาดจากโลกภายนอกสามปี สำนึกผิดด้วยล่ะ”
สัตว์ประหลาดส่งเสียงออกมาสองครั้ง ท่าทางไม่เต็มใจและหวาดกลัว
“ทำไม?” สีหน้าของผู้เฒ่าเปลี่ยนไป กล่าวเสียงทุ้มว่า “แกมีปัญหา?ถ้ามีปัญหาก็เก็บไว้!”
สัตว์ประหลาด “……”
“ยังไม่ไปอีก?รอให้ฉันไปส่งแก?”
จู่ๆสัตว์ประหลาดก็เอาหยาจื้อออกมา จากนั้นก็ส่งเสียงอ้อแอ้
ผู้เฒ่าหน้าถอดสี แล้วกล่าว “แกหมายความว่า ไม่มีสิ่งมีชีวิตไหนไม่เกี่ยวกับแก หยาจื้อถูกคนขโมยไปแล้ว?”
สัตว์ประหลาดพยักหน้าอย่างดีอกดีใจ!
การสื่อสารกันของทั้งสองคนนี้แปลกจริงๆ บางทีอาจมีแค่ผู้เฒ่าที่มีความสามารถนี้!
——
ตะวันโด่งฟ้า แสงแดดสาดส่องผ่านหน้าต่างมาบนใบหน้าของฟางเหยียนดั่งกับมีด และคนหนึ่งนั่งยองๆข้างๆเตียงของฟางเหยียนนานแล้ว เธอตื่นขึ้นมาก่อน เมื่อตื่นขึ้นมาเห็นฟางเหยียนแล้วนั้น ก็รีบเข้ามาอยู่ข้างๆเตียงของเขา
ในเบื้องลึกจิตใจของผู้หญิงล้วนซ่อนวีรบุรุษคนหนึ่งไว้ และวีรบุรุษในใจของต่งยู่คือฟางเหยียนโดยไม่ต้องสงสัย
หลังจากการจากลาครั้งที่แล้ว เธอคิดว่าตนจะจากกับฟางเหยียนไปอย่างช้าๆแล้ว ครั้งนี้ในตอนที่เจอกับฟางเหยียนกลับทำให้รู้ว่า เธอไม่เคยลืมชายคนนี้เลย โดยเฉพาะตอนที่เผชิญ‘การจากลาชั่วนิรันดร์’ของเมื่อคืนมาด้วยกัน เธอกับฟางเหยียนถือว่าได้ผ่านความเป็นความตายมาด้วยกันแล้ว
นี่ทำให้ต่งยู่เกิดเต็มเปี่ยมไปด้วยจินตนาการที่ไร้ขีดจำกัดต่ออนาคตอีกครั้ง
เมื่อมองใบหน้าที่รูปงามของฟางเหยียน ใบหน้าของต่งยู่ปรากฏเป็นรอยยิ้มบางๆขึ้นมา
จากการสาดส่องของแสง ต่งยู่ยกมือขึ้นมาบนใบหน้าของฟางเหยียน ปลายนิ้วลูบแก้มของฟางเหยียนเบาๆ
เมื่อคืนนอนบนหลังของเขา วันนี้ได้ลูบใบหน้าของเขา ทั้งหมดนี้เหมือนกับความฝัน แต่ต่งยู่รู้ดีว่าสิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้คือความจริง!
แม้ช่วงสองวันนี้จะเสียวซ่าน แต่ได้ผ่านมันไปพร้อมกับฟางเหยียน ก็คุ้มค่าแล้ว!
“แค็กๆ……” การไออันหนักหน่วง ทำให้ต่งยู่ตกใจ
ตอนที่เธอมองไป ฟางเหยียนได้ลืมตาขึ้นมาแล้ว
หลังจากที่ทำความคุ้นเคยแวดล้อมแล้ว เขาเด้งขึ้นมาทันที การกระทำที่กะทันหันทำให้ต่งยู่ตกใจส่งเสียงออกมา
“ฟางเหยียน!” ต่งยู่เรียกอย่างระมัดระวัง จากนั้นรีบถามว่า “คุณไม่เป็นไรใช่มั้ยคะ?”
“ไม่เป็นไรครับ!” ฟางเหยียนตอบ จากนั้นกระอักเลือดที่คั่งอยู่ออกมาดังพูว์!
ต่งยู่ตกใจทันใด รีบกล่าวอย่างให้ความสำคัญกับสิ่งนี้ “ฟาง ฟางเหยียน คุณ คุณกระอักเลือดแล้ว!”
ฟางเหยียนยกมือขึ้นมาลูบเลือดคั่งที่มุมปาก จากนั้นส่ายหน้าแล้วกล่าว “ไม่เป็นไรครับ!”
“กระอักเลือดแล้วยังไม่เป็นไรอีกเหรอ?” ต่งยู่มองฟางเหยียนอย่างเคร่งเครียดแล้วถาม
ฟางเหยียนส่ายหน้าแล้วกล่าว “ไม่เป็นไรจริงๆ!”
การกระอักเลือดสำหรับผู้หญิงแล้วเป็นเรื่องใหญ่จริงๆ แต่สำหรับฟางเหยียนการที่ได้กระอักเลือดคั่งแบบนี้ออกมาเป็นเรื่องที่ดี
“อ้อ!คุณไม่เป็นไรใช่มั้ย?” ฟางเหยียนถามอย่างเป็นห่วง
ต่งยู่ไม่ตอบ ประตูไม้เสียงดังแกร็ก จากนั้นประตูไม้ได้เปิดออก
ผู้เฒ่าที่ใบหน้าดั่งวัยรุ่น แต่กลับเต็มไปด้วยผมขาวยกข้าวเดินเข้ามา กล่าวอย่างเดินพลางหัวเราะเหอะๆว่า “ทานข้าว”
ฟางเหยียนจ้องผู้เฒ่าอย่างระแวง ดูเหมือนเขายังหวาดผวากับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนอยู่
เรื่องเมื่อคืน เขาไม่กล้าลืมมัน!
“คุณเป็นใครกันแน่?” ฟางเหยียนกระโจนลงมาจากเตียง ถามอย่างจริงจัง
ผู้เฒ่ามองเห็นความระแวงของฟางเหยียน แสยะยิ้มออกมา เดินไปที่ข้างโต๊ะอย่าไม่แคร์ เอาอาหารไปวางไว้บนโต๊ะ
นี่เป็นห้องที่ค่อนข้างโบราณ รถบ้านที่ทำจากไม้ ด้านหน้าของรถบ้านวางโต๊ะสี่เหลี่ยมไว้หนึ่งโต๊ะ และพื้นที่โต๊ะตั้งไว้ไม่ใช่พื้นเซรามิกในปัจจุบัน และไม่ใช่พื้นปูนซีเมนต์ แต่เป็นไม้ พื้นไม้ที่เรียบเงา
ผู้เฒ่านั่งลงอย่างตรงๆ แล้วกล่าว “ไม่เป็นไรทานก่อนแล้วค่อยว่ากัน!”
ต่งยู่ก็รู้สึกว่าผู้เฒ่าคนนี้ประหลาดสุดๆ ไม่พูดสักคำ เพียงแต่ตอนที่เห็นผู้เฒ่าอาหารที่ผู้เฒ่าถือมา ก็อดที่จะกลืนน้ำลายไม่ได้!
ฟางเหยียนไม่ทานข้าวสองสามวันได้ เพราะเขามีกำลังภายในคุ้มกายอยู่ แต่ต่งยู่ไม่ไหว ต่งยู่เป็นเพียงคนธรรมดา ไม่มีกำลังภายในอะไร ประคับประคองไว้ไม่อยู่! ถึงแม้จะหิวมาก แต่เธอก็ยังยืนหยัดไว้ ฟางเหยียนยืนหยัดไม่กินขนาดนั้น ตนจะเสียหน้าไม่ได้
คิดนะคิดแบบนั้นนะใช่ แต่ความเป็นจริงก็คือท้องของเธอร้องออกมาแล้ว
แม้อาการจะเป็นอาหารมังสวิรัติที่ง่ายๆ แต่กลับมีความหอมที่ดึงดูดคนโชยมา
“คุณหิวแล้ว?” ฟางเหยียนเห็นผู้เฒ่าไม่พูดไม่จา จึงได้เคลื่อนแววตาไปหาต่งยู่
ต่งยู่ส่ายหน้าอย่างพยายามเต็มที่แล้วกล่าว “ฉันไม่หิวค่ะ!”
เป็นเสียงคร็อกดังขึ้นอีกครั้งอย่างไม่ขาดสาย เธอหิวแล้วจริงๆ!
“ฮ่าๆๆ!” ผู้เฒ่าหัวเราะฮ่าๆแล้วกล่าว “ท่านทั้งสองไม่ต้องเป็นห่วง หิวก็ทาน อาหารของฉันไม่มียาพิษ!”
กลับกันความเย็นชาของเมื่อคืน ผู้เฒ่าในตอนนี้ดูๆแล้วเป็นมิตร เหมือนกับเพื่อนศัตรูที่เจอกันหลังไม่ได้เจอกันมานาน
“ฟางเหยียน!” ต่งยู่เงยหน้าทองฟางเหยียน แล้วกล่าว “ไม่งั้นเราทานสักหน่อยมั้ย!”
คิ้วของฟางเหยียนยังคงขมวดหนักอยู่ ยังคงจ้องผู้เฒ่าที่อยู่ตรงหน้าอย่างระวังมาก
ผู้เฒ่าเห็นฟางเหยียนยังคงอารมณ์แบบนี้ ด้วยเหตุนี้เองจึงได้พูดว่า “สหายตัวน้อยสบายใจได้ ฉันเห็นกำลังภายในสหายตัวน้อยไม่ธรรมดา สันนิษฐานว่าต้องไม่ใช่คนธรรมดา!อายุขนาดนี้มีกำลังภายในนี้ พูดได้ว่าน่าตกใจมาก“
“แกไม่ต้องระวังตัวขนาดนั้น วางใจได้ ฉันไม่มีทางให้แกคุกเข่าต่อหน้ารูปปั้นของปรมาจารย์สามบริสุทธิ์แล้ว!แม้เมื่อคืนแกจะไม่ชนะ แต่คุณสมบัติของแกได้เอาชนะปรมาจารย์สามบริสุทธิ์แล้ว!”
ฟางเหยียนมองไปที่ต่งยู่โดยไม่รู้ตัวอีกครั้ง คิดว่าโอเค!ดวงตาของหญิงสาวคนนี้จ้องมา ตะกละจนทนไม่ไหวตั้งนานแล้ว
ในวงข้าวสองสามคนเงียบกริบต่อไป เพียงแต่นิ่งสงบ
ผู้เฒ่าไม่ทาน เพียงแต่มองสองคนทาน ใบหน้ายังเต็มเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มที่บางๆ
สักพัก จู่ๆผู้เฒ่าก็เอ่ยปาก “สหายตัวน้อย ฟังความหมายของแก แกมาภูเขาทิพย์เพื่อมาหาฉินเสียงหลิน?”
“ใช่!” ฟางเหยียนตอบ น้ำเสียงแข็งกร้าว ถึงขั้นยังมีการป้องกันผู้เฒ่าอยู่บ้าง
ยังไงนี่ก็เป็นคนแรกที่ชนะเขา ถึงแม้จะชนะเขาที่พลังหกสิบเปอร์เซ็นต์ แต่บนโลกก็มีน้อยมาก
ไม่สิ บางทีก่อนหน้านี้ฟางเหยียนยังรู้สึกว่าน้อย แต่ตอนนี้ดูๆแล้ว น่าจะมีไม่น้อยแล้วล่ะ
เพราะประเทศหวาเป็นประเทศที่กว้างใหญ่ไพศาลอุดมไปด้วยทรัพยากร ประวัติศาสตร์เรืองรอง ผ่อนร้อนผ่านหนาวห้าพันปี ใครจะรู้ว่ายังซ่อนยอดฝีมืออย่างไรไว้ ดังนั้นหลังจากที่ผ่านเรื่องของเมื่อคืนมา ฟางเหยียนไม่รู้สึกว่าตัวเองน่ายำเกรงแล้ว
“แกมีธุระอะไรกับฉินเสียงหลิน?”
“ไม่มีอะไร” ฟางเหยียนตอบอย่างสงบ เห็นผู้เฒ่าท่าทางขมวดคิ้ว จึงได้กล่าวต่อว่า “ผมและเพื่อนคนนี้ของผมเป็นคนที่ชอบเรื่องแปลกๆ สนใจในเรื่องลึกลับของสถานที่ต่างๆในประเทศมาก เช่นเรื่องมังกรที่หยิงโข่ว เรื่องมนุษย์ป่าเสินหนงเจี้ย เรื่องคัมภีร์สวรรค์ไร้ตัวอักษรที่หน้าผาแดงเมืองกุ้ยโจว ซอมบี้เมืองเฉิงตูเป็นต้น พวกเราทยอยไปมาหลายที่ ต่อมาได้ยินตำนานเกี่ยวกับหินทิพย์อีก”
คำพูดนี้ของฟางเหยียนพูดได้มีเหตุมีผล ตรรกะชัดเจน!
ใครจะคิดว่าผู้เฒ่าจะหัวเราะเหอะๆ ลูบเคลาหัวเราะออกมา “สหายตัวน้อย คำโกหกของแกไร้สาระเกินไปแล้วเปล่า แกเคยเห็นคนที่ชอบเรื่องแปลกๆมีวิชามั้ย? ถึงแม้จะมีฝีมืออยู่บ้าง แต่มากสุดก็เป็นแค่แมวสามขา อย่างแกทั้งฝึกร่างกายฝึกชี่ บนโลกมีน้อย! ยิ่งไปกว่านั้นนี่ยังเป็นเมืองที่เจริญ ยิ่งน้อยเข้าไปอีก”
“อ๋อ?” ฟางเหยียนพูดออกมาหนึ่งคำ คำโกหกนี้ของตัวเองเว่อร์เกินไปสักนิดจริงๆ
ผู้เฒ่าพูดต่อว่า “สหายตัวน้อยเป็นคนเก่งในหมู่คน บุตรประเสริฐ ที่มาภูเขาทิพย์เกรงว่าจะมาด้วยเป้าหมายอื่นนะ?”
“ให้ฉันเดา เกี่ยวกับบาดแผลที่มีอยู่ในตัวของสหายตัวน้อยใช่มั้ย?”
ถึงแม้ฟางเหยียนจะอายุแค่ยี่สิบกว่าปี แต่สามารถควบคุมอารมณ์ได้ดี แต่ประโยคเดียวของผู้เฒ่า ก็ทายถูกทันใด แต่นี่ก็เป็นสิ่งที่ฟางเหยียนคาดการณ์ไว้ เพราะความสามารถของผู้เฒ่าค่อนข้างแข็งแกร่ง!
“คุณดูออกว่าร่างกายผมมีบาดแผล?”
ผู้เฒ่าพยักหน้าเบาๆแล้วกล่าว “ไม่ใช่แค่รู้นะ ยังรู้อีกว่าเป็นแผลเก่า! น่าจะเป็นแผลที่ทิ้งไว้หลังจากที่ต่อสู้กับคนอื่น”
ฟางเหยียนยกมือขึ้นมาลูบหน้าแกของตัวเองโดยไม่รู้ตัว ผู้เฒ่าคนนี้มีความสามารถจริงๆ! สมแล้วที่เป็นคนที่เอาชนะตนได้ ด้วยเหตุนี้เองเขาจึงถามว่า “คุณท่านรู้เรื่องการรักษาด้วยหรือ?”
ผู้เฒ่ากล่าวอย่างถ่อมตนมากว่า “ก็พอเข้าใจอยู่บ้าง!”
เดิมทีฟางเหยียนอยากถามผู้เฒ่าว่าสามารถรักษาตนได้มั้ย แต่สุดท้ายก็อดกลั้นไว้ ด้วยเหตุนี้เองจึงได้ถามอย่างนิ่งสงบว่า “คุณเป็นใครกันแน่?” หลังจากใคร่ครวญ ยังคงรู้สึกว่าคำถามนี้ค่อนข้างเชื่อถือได้!
“ฉันเหรอ……” เมื่อพูดถึงตัวเอง ผู้เฒ่าดูเหมือนสับสนขึ้นมา
รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาชะงักไปทันใด แววตาทั้งสองอันขุ่นมัวมองไปนอกหน้าต่าง ตกอยู่ในภวังค์
แต่ฟางเหยียนมึนงงกับการกระทำของผู้เฒ่าเข้าให้แล้ว ถามแค่ชื่อยังต้องคิดตั้งนานด้วยเหรอ?
ประมาณหลายวินาทีผ่านไป ผู้เฒ่าเพิ่งจะพูดออกมาสี่คำ “เต๋ายอดเซียน!”
สี่คำนี้ทำให้ฟางเหยียนขมวดคิ้วหนัก!
เต๋ายอดเซียน?
ชื่อนี้มันสมคำเล่าลือจริงๆ!
แต่ไม่นานฟางเหยียนก็ได้สติกลับมา แล้วถาม “แล้ว ฉินเสียงหลินเป็นอะไรกับคุณครับ?”
ภูเขาทิพย์นี้เป็นภูเขาว่างเปล่า แล้วยังซ่อนความลับมานานหลายปี! และผู้เฒ่ายังอาศัยอยู่ในภูเขาทิพย์ แค่มองฟางเหยียนก็รู้แล้วว่าฉินเสียงหลินกับเต๋ายอดเซียนมีการติดต่อกันบ้าง
“เขาเหรอ?” เต๋ายอดเซียนหัวเราะ กล่าว “เขาคือสัตว์ในตำนานตัวหนึ่งที่ฉันเลี้ยงไว้!”
เมื่อคำนี้ออกมา ก็อยู่ในการคาดเดาของฟางเหยียน ความจริงเมื่อคืนเขาก็พอจะเดาได้ว่าฉินเสียงหลินคือสัตว์ที่โหดเหี้ยมนั้น และผู้เฒ่าที่อยู่ตรงหน้านี้ ไม่แน่ก็คือเจ้าของของฉินเสียงหลิน
แต่ที่แปลกคือ ศาสตราจารย์โจวไม่ได้เอ่ยถึงคนที่ชื่อเต๋ายอดเซียน เพียงแต่เอ่ยถึงชื่อของฉินเสียงหลิน
นี่มันแปลกประหลาดแล้ว! หรือผู้เฒ่ารู้จักศาสตราจารย์โจว แต่ศาสตราจารย์โจวไม่รู้จักผู้เฒ่า
ในตอนที่ฟางเหยียนกำลังเดาอยู่นั้น เต๋ายอดเซียนถอนหายใจออกมา แล้วกล่าว “สหายตัวน้อย แกยากที่จะเชื่อสัตว์ในตำนานใช่มั้ย?”
ฟางเหยียนไม่ตอบ ต่งยู่พยักหน้าอืมกล่าว “เชื่อได้ยากจริงๆค่ะ!”
คำพูดเมื่อกี๊เธอแทรกไม่ได้ แต่เมื่อเห็นผู้เฒ่าคุยสนุก ตนก็อดที่จะแทรกขึ้นมาไม่ได้
เต๋ายอดเซียนพยักหน้าเบาๆกล่าว “ก็จริงอยู่ แต่สัตว์ในตำนานมีสัตว์ในตำนานสวรรค์ประทานกับสัตว์ในตำนานมานะสร้าง!สัตว์ในตำนานสวรรค์ประทาน จากชื่อก็รู้ได้ทันที ว่าตอนเกิดร่างกายก็จะมาพร้อมกับพลัง คนหรือสัตว์แบบนี้ไม่เหมือนกับคนทั่วไป ยังไงสถานะก็ไม่เหมือนกัน!เช่นฉินเสียงหลินที่พวกแกพูดถึง และก็เป็นเจ้านั่นที่แกเห็นไปเมื่อคืน เขาคือสัตว์ในตำนานสวรรค์ประทาน ตั้งแต่เกิดก็ลักษณะแปลกประหลาด นี่เป็นเหตุผลที่เขาสามารถบำเพ็ญตนได้”