จอมนักรบทรงเกียรติยศ - บทที่ 611 การเปลี่ยนแปลงของเต๋ายอดเซียน!
เมื่อต่งยู่ได้ยินคำพูดนี้ของเต๋ายอดเซียน ตาลุกโตมองฟางเหยียนแล้วถาม “ในร่างกายของคุณมีบาดแผลเหรอ?”
เธอกะพริบตามองฟางเหยียนจากบนลงล่าง จากนั้นถามว่า “ทำไมฉันไม่รู้ล่ะ! นี่ไม่ใช่ดีๆอยู่เหรอ”
ฟางเหยียนยังคงไม่พูดไม่จา กลับได้ยินเต๋ายอดเซียนพูดต่อไปว่า “นี่เป็นบาดแผลภายใน มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า”
“แผลภายใน!” นี่ทำให้ต่งยู่ช็อกสุดๆ เธออดไม่ได้ที่จะพูดสองคำนั้นออกมา
เมื่อพูดถึงบาดแผลภายในสิ่งนี้ นั่นก็เป็นการเล่าในหนัง ในโลกแห่งความจริงใครจะมีแผลภายในได้เล่า
ถึงแม้ฟางเหยียนจะรุนแรงอยู่บ้าง แล้วยังเป็นคนที่ไม่ธรรมอีก แต่จะมีแผลภายในสิ่งนี้อยู่ด้วยเหรอ?
บางทีเพียงแค่ตนไม่เข้าใจมั้ง! เมื่อนึกถึงจุดนี้ ต่งยู่มองฟางเหยียนอย่างเจ็บปวดใจ ในแววตาเต็มไปด้วยความเป็นห่วง แต่พูดอะไรไม่ออก ยิ่งไม่รู้ว่าจะพูดยังไง
เวลานี้ เต๋ายอดเซียนยกแก้วน้ำชาขึ้นมา พลางรินน้ำชาพลางกล่าวอย่างช้าๆว่า “การต่อสู้เมื่อคืน ฉันรู้สึกปัญญาของสหายน้อยยอดเยี่ยมมาก และเป็นผู้ฝึกฝนอัจฉริยะที่หาได้ยาก ดังนั้นอยากให้เข้าร่วมสำนัก ไม่รู้ว่าสหายน้อยมีความเห็นอย่างไร?”
ฝึกฝน?
ให้ฟางเหยียนฝึกฝนในป่าลึก!
นี่ทำให้ฟางเหยีนชะงักทันใด!
“ทำไม? สหายน้อยไม่ตอบรับ?” ใบหน้าของเต๋ายอดเซียนปรากฏความผิดหวังที่หม่นหมอง จากนั้นได้จุดประกายความหวังเล็กๆให้ฟางเหยียนว่า “อ้อ เพียงแค่แกตกลงเป็นลูกศิษย์ของฉัน ฝึกฝนอยู่ในภูเขานี้ ฉันรับรองว่าสามารถรักษาแผลภายในร่างกายแกได้!”
คำพูดนี้ทำให้ฟางเหยียนมีความหวังขึ้นมา เต๋ายอดเซียนไม่ได้ล้อเล่น เขาจริงจังมาก จริงจังมากตั้งแต่ต้นจนจบ
ฟางเหยียนอยากฟื้นฟูร่างกายของตัวเองอย่างเร่งด่วน อย่างน้อยตอนนี้เป็นแบบนี้
เขาต้องการรีบฟื้นฟูร่างกาย จากนั้นจัดการกับเพลิงเสวน!
เขาเชื่อว่าเพียงแค่ตัวเองฟื้นฟูพลังร้อยเปอร์เซ็นต์ ก็สามารถที่จะจัดการกับเพลิงเสวนได้
ถึงแม้อาจารย์เคยกล่าวไว้ว่าการปรากฏของหินทิพย์จะเป็นจุดเปลี่ยนของชีวิตตน แต่ตอนนี้ดูๆแล้ว การฟื้นฟูร่างกายต่อต้านเพลิงเสวนสำคัญกว่าอะไรดี เขาไม่ชอบความรู้สึกที่ถูกคนบีบแบบนี้ เขาเพียงแค่อยากลากเพลิงเสวนออกมา จากนั้นกำจัดแล้วจะได้มีความสุขเสียที!
จริงจัง?” ฟางเหยียนถามอย่างเย็นชา
เต๋ายอดเซียนจิบน้ำชา แล้วกล่าวอย่างตั้งใจซื่อตรงมากว่า “แน่นอน ฉันไม่เคยโกหกมาก่อน!”
“เพียงแต่…” เต๋ายอดเซียนเงียบไปสักพัก แสดงท่าทางอุบไว้ออกมา
ฟางเหยียนหน้าถอดสี ถาม “เพียงแต่อะไร?”
“เพียงแต่อยากฟื้นฟูทั้งหมด อาจต้องใช้เวลาประมาณหนึ่งร้อยปี! เพราะบาดแผลนี้ของแกรักษาไม่ง่ายเลยนะ”
เต๋ายอดเซียนกล่าวด้วยท่าทีเตรียมการมาแล้วว่า “วางใจได้ ร้อยปีฉันจะรักษาบาดแผลของแกให้หายทั้งหมดแน่นอน”
ฟางเหยียนใบหน้าเงิบไป ในใจของเขาผุดเป็นคำหยาบขึ้นมา
ร้อยปี นี่แม่งล้อเล่นเหรอวะ?
อย่าว่าแต่หนึ่งร้อยปีเลย แค่หนึ่งปีฟางเหยียนยังยากจะทนได้เลย
เขาตบโต๊ะเกรี้ยวกราดทันใด “คุณล้อผมเล่นเหรอ?”
เต๋ายอดเซียนหัวเราะเหอะๆ “ไม่ล้อเล่นแน่ สิ่งที่ฉันพูดเป็นความจริง! และถ้าพลังของแกฟื้นกลับมาแล้ว ต้องเก่งกว่าฉันแน่นอน ถึงตอนนั้นแกจะเป็นคนที่ระดับสูงสุดของโลกใบนี้ ไม่แน่แกอาจจะลอยเลยก็ได้นะ”
“ลอยเชี่ยไรล่ะ!” ฟางเหยียนอดที่จะเปล่งคำหยาบออกมาไม่ได้!
นี่เป็นการหยาบคายในไม่กี่ครั้งของฟางเหยียน เมื่อก่อนเขาเอาแต่ลงมือ น้อยนักที่จะพูด
แต่ตอนนี้เขาเอาชนะเต๋ายอดเซียนนี่ไม่ได้ จึงทำได้เพียงเปล่งคำหยาบคายอย่างนั้นออกมา!
ถ้ายังไร้สาระกับเต๋ายอดเซียนอยู่ จะเสียเวลาของตัวเองอย่างไม่ต้องสงสัยเลย!
เต๋ายอดเซียนยังอยากพูดอะไรอยู่ ฟางเหยียนรีบหยุดเขาไว้ แล้วกล่าว “ขอโทษนะ ไม่สนใจครับ”
“อ้อ คุณรู้จักของสิ่งนี้มั้ย?” ฟางเหยียนไม่อยากเสียเวลากับคนนี้แล้ว เขาอยากรีบจากไปโดยเร็ว
นี่คือผู้เฒ่าที่ฝึกฝนจนมึนงงคนหนึ่ง เขาคิดว่าตนเรื่อยๆสบายๆเหมือนเขางั้นเหรอ?
ตนยังมีเรื่องอีกมากอีกมากต้องไปทำ! เพลิงเสวนอยากยึดประเทศหวามาเป็นของตัวเอง ถ้าฟางเหยียนไม่อยู่ ใครจะรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เขาไม่สามารถถึงขั้นที่ไม่สนใจเรื่องภายนอกได้!
แว็บนั้นที่เห็นหินทิพย์ สีหน้าเต๋ายอดเซียนเปลี่ยนไปทันใด เขาหยิบหินทิพย์ที่อยู่บนโต๊ะมาจ้องอย่างตั้งใจ
“หินทิพย์เมื่อเจ็ดหมื่นปีก่อน และด้านในยังมีพลัง! นี่…”
ดูท่าทางแล้วเต๋ายอดเซียนมีความสามารถจริงๆ แค่ดูก็รู้ถึงอายุของหินทิพย์ ด้านในยังมีพลังอยู่
ไม่รอให้ฟางเหยียนถามออกมา เต๋ายอดเซียนได้ถามอย่างประหลาดใจว่า “แกเป็นใคร? ทำไมถึงมีของล้ำค่าระดับนี้ได้? นี่ไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาครอบครองได้นะ หรือแกเป็นคนที่มีจากโลกอื่น?
ดูท่าทางผู้เฒ่าค่อนข้างรู้ลึกอยู่นะ!
ฟางเหยียนกล่าวอย่างนิ่งสงบว่า “นี่เป็นสิ่งที่หมอดูผู้เฒ่าที่ตาบอดคนหนึ่งให้ผมมา ผมไม่เข้าใจอะไรโลกอื่น!”
“หมอดูผู้เฒ่าตาบอด! เต๋ายอดเซียนเงียบไปสักพัก จากนั้นหน้าถอดสีหนักมาก เขาเงยหน้ามองถามฟางเหยียนว่า “งั้นแกเป็นใครกันแน่? ทำไมเขาต้องให้ของระดับนี้กับแก? นี่ ไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะได้มานะ”
“ผมคือจอมพลของสำนักเจ็ดพิฆาต จอมพลโผ้จวิน”
“จอมพลโผ้จวิน!”
เต๋ายอดเซียนพึมพำสองคำนี้ออกมา จากนั้นมองฟางเหยียนด้วยสีหน้าชื่นชมแล้วกล่าว “มิน่าล่ะฉันว่าทำไมดูแกไม่เหมือนกับคนทั่วไป คล้ายคลึงกับเทพเจ้าโบราณอยู่บ้าง แรงอาฆาตในร่างกาย ความกล้าหาญไม่ใช่สิ่งที่คนในยุคปัจจุบันจะมี ที่แท้ก็ปกป้องอาณาเขตประเทศหวาของเรา จอมพลโผ้จวินที่ชื่อเสียงดังกระฉ่อนนี่เอง!”
พูดจบ เต๋ายอดเซียนยืนขึ้นโค้งคำนับเก้าสิบองศาต่อหน้าของฟางเหยียน
ความจริงสิ่งที่ทำให้เต๋ายอดเซียนช็อกไม่ใช่ตัวตนจอมพลของฟางเหยียน เพราะร่างกายของเขามีแรงอาฆาต ดูออกว่าเขาเป็นนักรบที่ขวักไขว่ในสนามรบ! สิ่งที่ทำให้เต๋ายอดเซียนช็อกคือ หินทิพย์สองอันนี้ไม่ได้เป็นตัวแทนของแค่ชีวิตของคนๆหนึ่งเท่านั้น นี่เกี่ยวข้องกับอนาคตของสิ่งมีชีวิตทั้งหมด ตอนนี้อยู่ในมือของฟางเหยียน นี่เพียงพอที่จะแสดงให้เห็นว่าเขาคือคนนั้น
เต๋ายอดเซียนไม่ถามเรื่องใต้หล้าได้ แต่จะไม่รู้เรื่องใต้หล้าไม่ได้!
ถ้าคนนั้นออกมาล่ะก็ งั้นใต้หล้าอาจต้องวุ่นวายครั้งใหญ่แล้ว! ดูๆแล้วการที่ตนออกจากบำเพ็ญตนไม่ใช่เพราะการถูกโจมตีของสัตว์ในตำนาน แต่เป็นสิ่งที่ฟ้ากำหนดที่ควบคุมไม่ได้ต่างหาก!
ลิขิตฟ้านะ! ลิขิตฟ้า!
เต๋ายอดเซียนอาลัยอาวรณ์ในใจ
“คุณรู้ที่มาของหินทิพย์?” ฟางเหยียนถามอย่างสงบ
เต๋ายอดเซียนหัวเราะฮ่าๆออกมา แล้วกล่าว “จอมพล ท่านให้ค่าผมเกินไปแล้ว! ผมรู้ว่ามีหินทิพย์สิ่งนี้อยู่ แต่หินทิพย์เมื่อเจ็ดหมื่นปีที่แล้ว ไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะครอบครองได้! ผมฝึกตนมาสามร้อยปี เห็นแค่หินทิพย์ของเมื่อหลายพันปีก่อนเท่านั้น ไม่เคยเห็นหินทิพย์ของเมื่อหลายหมื่นปีก่อนแบบนี้ ถ้าไม่ใช่ท่าน ผมก็ไม่มีโอกาสได้เห็น”
คิ้วของฟางเหยียนขมวดหนักขึ้น แล้วกล่าวอย่างค่อนข้างผิดหวังว่า “โอเค ในเมื่อคุณไม่รู้ งั้นผมก็จะไม่พล่ามแล้ว”
“ก็ไม่ใช่” เต๋ายอดเซียนกลับลำ พูดโดยตรงว่า “ผมแค่ไม่มีโอกาสพบเจอเท่านั้น ในเมื่อเจอแล้ว ผมก็จะแนะนำจอมพลสักหน่อย ท่านก็รู้ว่าประเทศหวาของเรามียอดฝีมือซ่อนอยู่มากมาย นอกจากนินจาทั่วไป ประเทศหวายังมีห้าสำนักใหญ่ ถ้าอยากกลั่นหินทิพย์ของเมื่อเจ็ดหมื่นปีก่อน ต้องการของล้ำค่าของห้าสำนักใหญ่! มีเพียงของล้ำค่าจึงจะสามารถกลั่นพลังที่มีในหินทิพย์ได้”
พูดถึงจุดนี่ จู่ๆเต๋ายอดเซียนถามว่า “หินทิพย์เกี่ยวข้องกับบาดแผลบนร่างกายของท่านจอมพล?”
ฟางเหยียนไม่ตอบ แต่พึมพำว่า “ของล้ำค่าของห้าสำนักใหญ่?”
เต๋ายอดเซียนตอบอืมมา แล้วกล่าว “ใช่ ห้าสำนักใหญ่ครอบครองวิชาลับเบญจธาตุไว้ พวกมันแยกเป็นเหล็กของสำนักกุ่ยกู๋ ขลุ่ยวิเศษของสำนักฉิวหลง น้ำไร้หน้าของสำนักไร้หน้า ตราประทับเทียนซือของสำนักเทียนซืออีกทั้งเกราะเทพมังกรของแก๊งเก้ามังกร